Saturday, August 31, 2013

รมต.ชัชชาติ แอบนั่งสาย 8 คนขับ - กระเป๋าดีขึ้น

- 0 comments
เช้านี้ลองมาตรวจสาย 8 อีกครั้ง ผมขึ้นจากหน้า makro บางกะปิ มาลงอนุสาวรีย์ เรียบร้อยดีทั้งคนขับและกระเป๋าครับ (ไม่น่าจำผมได้ วันนี้เสื้อยืด กางเกงยีนส์ และซุ่มอยู่หลังรถ) แต่มาดีแตกหน่อยนึงตอนเข้าป้ายที่อนุสาวรีย์ คนเดินตัดหน้า เบรคหัวทิ่มกันทั้งรถ แต่ก็โทษเขาไม่ได้ครับ เพราะรถเมล์อีกคันเล่นจอดเลนขวาสุด ผู้โดยสารเลยลงมาตัดหน้ารถเลนกลาง

ลองถามน้องๆ 2-3 คนในรถ ที่ใช้สาย 8 ประจำ เขาบอกว่าดีขึ้น แต่ก็ยังมีบางคันที่ยังเฮี้ยวอยู่

ปัญหาหลักของเส้นลาดพร้าวต่อมาถึงพหลโยธิน คือ ระเบียบวินัยจราจร เราจะพบรถจอดเลนซ้ายตลอดเส้นทาง ตั้งแต่รถตู้จอดแช่คอยผู้โดยสาร รถจอดจ่ายตลาด จอดกินก๋วยเตี๋ยว รถส่งของ รถเมล์ต้องเข้าซ้ายออกขวาตลอด ทั้งๆที่รถเมล์ควรจะมีสิทธิ์มากกว่ารถเก๋ง เพราะบริการคนจำนวนมาก

เรื่องวินัยจราจรเกี่ยวข้องหลายหน่วยงานทั้ง กทม ตำรวจจราจร คมนาคม รวมไปถึง คนใช้รถ เจ้าของร้าน ต้องร่วมมือกันอย่างเอาจริงเอาจังครับ 

แฟนสาย 8 เห็นการเปลี่ยนแปลงบ้างไหมครับ หรือยังแย่เหมือนเดิม แชร์กันมาได้นะครับ


ที่มา :เพจชัชชาติ
[Continue reading...]

ปวีณา “ยื่นมือ” พา ยุ้ย-รจนา-นางแบบโลก ไปอยู่สถานสงเคราะห์

- 0 comments
"ปวีณา" รุดเยี่ยมอดีตนางแบบโลก "ยุ้ย-รจนา" หาทางช่วยเหลือ หลังตำรวจอาจส่งต่อให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการดูแล เพราะญาติไม่เหลียวแล เตรียมรับไปอยู่สถานสงเคราะห์

กรณีชีวิตพลิกผันของยุ้ย- น.ส.รจนา เพชรกัณหา  จากอดีตซุปเปอร์โมเดลชื่อดังระดับโลก  ที่ตกอับเพราะไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและสุรา จนเพี้ยน  กลายเป็นคนเร่ร่อนอยู่แถวถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ   โชคดีที่พ.ต.ท.จุมพล กาญจนเสถียร สวป.สน.ภาษีเจริญ  พร้อมกำลังสายตรวจไปพบเข้าและนำไปรักษาตัวที่รพ.สมเด็จเจ้าพระยา  ขณะที่ไร้ญาติเข้ามาดูแล   โดยอาจต้องส่งต่อให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ(พส.) รับไปฟื้นฟูเยียวยาจิตใจด้วยนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ(พส.)  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า  ทราบเรื่องของอดีตนางแบบดังแล้ว ในวันนี้เวลา 13.00 น. นางปวีณา หงสกุล  รมว.พม.จะไปเยี่ยมน.ส.ยุ้ยที่รพ.สมเด็จเจ้าพระยา  เพื่อหาทางช่วยเหลือด้วย เบื้องต้นในส่วนของกรมฯนั้น จะช่วยเหลือด้วยการให้เงินสงเคราะห์ตามระเบียบ 4 พันบาท พร้อมประสานครอบครัว โดยบิดาทราบเรื่องแล้ว แต่ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการ แต่กรมฯจะพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมครอบครัวให้รับตัวยุ้ยไปดูแล เพราะสถาบันครอบครัวน่าจะเป็นที่ที่อบอุ่นที่สุด แต่หากครอบครัวยืนยันให้เจ้าหน้าที่ดูแล ทางเราก็พร้อมจะรับตัวไปดูแลที่สถานสงเคราะห์

ที่มา : เดลินิวส์
[Continue reading...]

จริงก็คือ ประชาธิปัตย์ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังแต่อยู่ "เบื้องหน้า" ม็อบสวนยาง

- 0 comments
จากการที่มีชาวสวนยางออกมาชุมนุมเรียกร้องเรื่องราคายางตลอดหลายวันที่ผ่านมา มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้โยงใยอยู่เบื้องหลังม็อบเหล่านี้ จนทำให้ ระดับแกนนำพรรค อย่างนายสุเทพฯ นายนิพิฏฐ์ แม้กระทั่ง โฆษกอย่างนาย ชวนนท์ ต้องออกมาปฏิเสธ ข่าวดังกล่าว

การออกมาแถลงข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นความจริง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ม็อบชาวสวนยางดังกล่าว แต่..กลับเป็นผู้อยู่เบื้องหน้าม็อบ

จากข่าวที่ปรากฏ ส.ส.ของพรรค ไปคลุกคลีอยู่กับม็อบ และขึ้นเวทีสนับสนุน แม้กระทั่ง มาพูดแทนในสภา อย่างนาย วิทยา แก้วภราดัย มาพูดในสภา วันที่แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาของ สว. ว่า"ถ้าหากมีการสลายการชุมนุม นครฯจะลุกเป็นไฟ"

และที่สำคัญ แกนนำกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางในนามสมาคมเครือข่ายสถาบันเกษตรกรยางพารา มานั่งหารือวางแผนงานกันที่ร้านกาแฟโอชาคอฟฟี่ ข้างที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนร่วมกันแถลงข่าว ประกาศปิดถนนทั่วประเทศในวันที่ 3 กันยายนนี้
แม้กระทั่งบนเวที ผ่าความจริงที่ มีนบุรี นายนิพิฏฐ์ ประกาศจะนำม็อบเอง ถ้าหากมีการสลายการชุมนุม

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การชุมนุมของม็อบชาวสวนยาง จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้า ประชาธิปัตย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

เชื่อมโยงกับที่พรรคประชาธิปัตยืได้ประกาศก่อนหน้านี้ ในช่วงที่มีการต่อต้าน กม.นิรโทษกรรมว่า หาก รัฐบาลไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯออกจากสภา ประชาธิปัตย์จะค้านเต็มที่ ทั้งในและนอกสภา จะมีการปิดถนนประท้วงทั่วประเทศ

การประท้วงของประชาชนสามารถกระทำได้ตาม สิทธิในรัฐธรรมนูญ

สามารถกระทำได้หากประชาชนออกมาเรียกร้องถึงปัญหาที่จะให้รัฐบาลแก้ไข

ทางรัฐบาลเองก็ต้องลงไปแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ปฏิเสธการเรียกร้องของประชาชน อย่างใน ปี 53 จนระทั่งนำไปสู่การเข่นฆ่าประชาชน อย่างโหดเหี้ยมที่สุด

การเกิดม็อบเป็นการหวังผลทางการเมืองของประชาธิปัตย์อย่างปฏิเสธไม่ได้

เพียงแต่รัฐบาลอย่าไปเดินตามเกมตามที่ประชาธิปัตย์ วางไว้

เพราะในที่สุด ประชาชนจะรู้เองว่าใครเปป็นผู้หวังดีกับประชาชนอย่างแท้จริง
[Continue reading...]

ปชป.ขู่ หากสลายม็อบยาง จะนำม็อบปิดทำเนียบฯ

- 0 comments
วันที่ 31 ส.ค. 56 เวลา 17.00น. ที่ตลาดนัดดีดี บริเวณการเคหะบางชัน พรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีผ่าความจริงหยุดกฎหมายล้างผิด โดยมีประชาชนกว่า 1,000 คน เข้าร่วมฟังการปราศรัยของแกนนำพรรคที่ผลัดกันขึ้นเวทีอย่างต่อเนื่อง ส่วนโดยรอบพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 3 ประมาณ 100 นาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัย

มาเวลา 18.45 น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ขึ้นปราศรัยว่า  หากปราบม็อบเมื่อใดตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส. สฺราษฏร์ธานี จะออกมานำม็อบเอง ไม่ต้องมาสืบแล้วว่าอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังม็อบหรือไม่ และจะนำพี่น้องมาปิดทำเนียบรัฐบาลทันที เพราะไม่ว่าปิดถนน รางรถไฟ หรือทำเนียบฯ ก็ผิดเท่ากัน
[Continue reading...]

จำเป็นหรือไม่ที่ต้องยกเลิก สว.สรรหา

- 0 comments
การแก้รัฐธรรมนูญ ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ได้รับการต่อต้านจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม สว.สรรหา

ก้าวสู่วันที่ 6 ของการอภิปราย

ฟังข้อมูลจากฝ่ายที่คัดค้าน ว่าการสรรหานั้นชอบด้วยหลักประชาธิปไตย อ้างว่าเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม เพราะคำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่อยู่แค่ในคูหาเลือกตั้งเท่านั้น ฝ่ายนี้ก็อ้างว่าขบวนการสรรหา มาจากประชาชน คลิกดูองค์ประกอบ ของคณะกรรมการสรรหา

ที่อ้างว่า มาจากประชาชน แต่ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ เพราะใช้คนแค่ 7 คนในการพิจารณา มาจากองค์กร ต่าง ๆ ซึ่งองค์กรเหล่านี้ ไม่ได้ยึดโยง กับประชาชน เพราะผู้ที่แต่งตั้งองค์กรเหล่านี้ ก็คือ สว.

ที่สำคัญ องค์กรเหล่านี้มีผลพวงมาจากการรัฐประหาร

องค์กรตามรัฐธรรมนูญปี 50 มีบทบาท มีอำนาจหน้าที่มากมาย จนสามารถก้าวก่ายอำนาจในการบริหาร และนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นอำนาจที่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน

จึงดูเหมือนว่า คนเพียงไม่กี่คน มีอำนาจเหนือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

หลายครั้งในการทำงาน องค์กรเหล่านี้ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนอย่างแท้จริง เช่น กรณีปราบปรามประชาชนในปี 53

ดูเหมือนว่าองค์กรเหล่านี้ขัดขวางการพัฒนาประเทศ เพราะสามารถเข้าไปยับยั้งโครงการสำคัญ ๆ ของรัฐบาลได้

ด้วยเหตุนี้ สมาชิกวุฒิสภาจึงมีบทบาทสำคัญ คลิกดูบทบาทและหน้าที่ของสว.

การแก้ที่มาของสมาชิกวุฒิสภาจึงเป็นเรื่องจำเป็น

อันที่จริง รัฐธรรมนูญปี 50 ยังมีหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไข

ช่วงที่มีการเสนอให้ประชาชนออกเสียงประชามติรับร่าง ก็มีหลายคนออกมาพูดว่า รับ ๆ ไปก่อน สามารถแก้ทีหลังได้

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นผู้นำการต่อต้านอยู่ในขณะนี้

 
คลิปอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันเมื่อปี 2550 ให้รับร่างรัฐธรรมนูญไปก่อน แล้วค่อยไปแก้ไขได้ และจะสนับสนุน ยกมือ ร่วมแก้ไข รธน.ฉบับนี้ (นาทีที่ 2.35น.)





[Continue reading...]

คลิปวิเคราะห์ ยื้อแก้รัฐธรรมนูญใครได้ ใครเสีย จากมติชน

- 0 comments
จากการวิเคราะห์ ของคุณสุชาติ ศรีสุวรรณ คอลัมนิสต์ ว่า จากการยื้อการแก้รัฐธรรมนูญ  อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้อยู่แล้ว คือสามารถยื้อเวลาได้ ตามที่ได้ประกาศไว้ ว่า นิรโทษกรรม การแก้รัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน จะไม่ให้ผ่านได้ง่าย ๆ

แต่ที่ได้เต็ม ๆ คือ พรรคเพื่อไทย จะสำเร็จหรือไม่ ก็ได้ใจกลุ่ม ส.ว.อยู่แล้ว เพราะเพื่อไทสทำเต็มที่ แต่ที่ยังไม่ได้เพราะ พรรคประชาธิปัตย์คอยขัดขวางอยู่

ขอบคุณคลิป ข่าวค่ำ 30 ส.ค. 56 จากมติชน
[Continue reading...]

Friday, August 30, 2013

ปู่ชัย "แนะ" นายก ให้เกียรติโทรหา "มาร์ค" เพื่อทางออกของบ้านเมือง...ปู่มาร์คยังไม่ฟังปู่เลย

- 0 comments
จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เกิดจากปัญหาของ 2 พรรคการเมือง คือประชาธิปัตย์ และพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน

เป็นปัญหาซึ่งปัจจุบันก็ยังแก้ไม่ตก

ถ้ามองกันด้วยใจเป็นธรรม ทางเพื่อไทยถอยแบบสุดขอบ

ขณะที่ประชาธิปัตย์ เล่นกันแบบเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

ประชาธิปัตย์เอาแต่ตั้งเงื่อนไข ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้

ต้องเป็นอย่างที่ตนต้องการ

จนลืมนึก (แกล้งลืม) ว่าเพื่อไทยได้เสียงฉันทามติจากประชาชน มากกว่าประชาธิปัตย์

ประชาธิปัตย์อ้างอยู่ตลอด เสียงข้างมาก ต้องฟังเสียงข้างน้อย

แต่ขณะเดียวกันเสียงข้างน้อยทำเป็นเหมือนเด็กเอาแต่ใจ อะไร ก็ไม่เอาซักอย่าง

แล้วอย่างนี้จะทำให้ประเทศชาติสงบได้อย่างไร

การที่ "ปู่พิชัย"แนะนำให้นายกปู "โทรหานายมาร์ค"

โดยบอกว่าให้เกียรติเพื่อบ้านเมือง

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

นายมาร์คเป็นใคร

ที่จะให้ใคร ๆ คอยเอาใจอยู่ตลอดเวลา

ปากบอกว่ารักชาติ จงรักภักดี

แต่การกระทำ ต่าง กันโดยสิ้นเชิง

บอกตรง ๆ ต่อให้นายก "ปู" โทรหา หรือไปเชิญด้วยตัวเอง

ยากที่จะประสบความสำเร็จ

เข็นครกขึ้นภูเขายังง่ายกว่าเสียอีก

[Continue reading...]

ภาพจาก ปกมติชนสุดสัปดาห์ "ผู้ดี อนาธิปัตย์"

- 0 comments
"
ผู้ดี อนาธิปัตย์ " จาก..จม.ดร.ชาญวิทย์
สิ้นเสียง สุเทพ เทือกสุบรรณ อวดสรรพคุณม็อบอันพรรคประชาธิปัตย์ชนิด "ครบองค์" ปลุกขึ้นข้างถนน

"ม็อบของผมเป็นม็อบผู้ดี"

พลัน นั้น ภาพที่ชัดเคียงขึ้นมาคือภาพ กุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.ประชาธิปัตย์ บุกเข้าบีบคอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในสภา

อ้างว่าถูกเหยียบตาปลาก่อน

พลันเช่นกันก็ตอกย้ำด้วยคำประกาศของส.ส.สุเทพ

พรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำงานมวลชนนอกสภา

ช่วงเวลาเดียวกัน จดหมายเปิดผนึกจาก ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ก็ส่งถึง ชวน หลีกภัย ผู้ปรากฏกายบนเวทีม็อบ เช่นกัน

"สืบ เนื่องจากสถานการณ์ป่วนสภา ป่วนถนน และการป่วนอื่นๆ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่สร้างสถานการณ์ อนาธิปไตย อันจะนำไปสู่การรัฐประหาร ยึดอำนาจ โดยนายทหาร และ/หรือนายศาล"

ยกถ้อยแถลง ปรีดี พนมยงค์ ผู้ปฏิวัตินำประชาธิปไตยสู่สยาม

"ระบอบ ประชาธิปไตยนั้น เราหมายถึงประชาธิปไตยอันมีระเบียบตามกฎหมายและศีลธรรมและความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ใช่ประชาธิปไตยอันไม่มีระเบียบ หรือประชาธิปไตยที่ไร้ศีลธรรม เช่น การใช้สิทธิเสรีภาพอันมีแต่จะให้เกิดความปั่นป่วนความไม่สงบเรียบร้อย ความเสื่อมศีลธรรม ระบอบชนิดนี้เรียกว่าอนาธิปไตย หาใช่ประชาธิปไตยไม่

"ขอให้ระวัง อย่าปนประชาธิปไตย กับอนาธิปไตย"

"มติชนสุดสัปดาห์" พาดปก "ผู้ดี อนาธิปัตย์"

จดหมายฉบับยาวนั้น ส่งผลดังที่เห็น

บางพรรค บางคน ออกอาการเต้นเร่าๆ ยิ่งกว่า "ผู้ดี" โดนเหยียบ "ตาปลา"
[Continue reading...]

แก๊งเงินกู้ทวงหนี้โหด ขาดส่ง 2 งวด ยกพวกบุกพังบ้านแม่ค้าขนมเละ ทำร้ายสามี-ลูกเขยสาหัส

- 0 comments
เมื่อเวลา 22.30 น. ( 29 ส.ค.) พ.ต.ท.วินิจ ศรีสูงเนิน พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.บางเขน ได้รับ มีกลุ่มวัยรุ่นบุกทำร้ายร่างกายและทำลายข้าวของภายในบ้านเลขที่ 5/9 ม.4 ซอนเพิ่มสิน 20 แยก

13 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่บนเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ตรวจสอบภายในบ้านพบข้าวของแตกกระจัดกระจายพังเสียหายจำนวนมาก ทั้ง หลอดไฟ โทรทัศน์ ประตูบ้าน จานชามแก้วน้ำ ที่บริเวณลานจอดรถหน้าบ้านยังพบรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่พังเสียหายไปอีก 3 คัน นอกจากนี้ ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อคือ นายฉัตรชัย คารีวงศ์ อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บถูกเหล็กแป็บฟาดที่แขนขวาจนหัก และถูกฟันเข้าที่แขนซ้าย และนายสมชาย เกิดสาย อายุ 52 ปี ถูกฟันและเหล็กตีเข้าแขนซ้ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นำตัวส่งรพ.ภูมิพล

สอบปากคำ นางปาริฉัตร เกิดสาย อายุ 50 ปี แม่ค้าขายขนมในตลาดเทพทิพย์ ย่านสายไหม ให้การด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ได้มีคนส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของตนว่า “มึงกล้า มึงเก่งกับกูเหรอ” จากนั้นไม่นานก็มีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขับมาจอดที่หน้าบ้าน จากนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นอาวุธครบมือประมาณ 20 คน ได้กรูกันลงมาก่อนใช้วัตถุคล้ายระเบิดปิงปองปาเข้ามาในบ้านเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นได้พากันเข้ามาทำลายข้าวของ และทำร้ายคนที่อยู่ในบ้าน ตน ลูกสาวและหลานได้พากันหนีไปหลบในห้องนอน เมื่อเหตุการณ์สงบลง ตนจึงพากันออกมาก็พบนายสมชาย สามีของตน และนายฉัตรชัย ลูกเขย ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บนอนกองอยู่กับพื้น ตนจึงเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล

นางปาริฉัตร กล่าวว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากที่ตนไปกู้เงินจากแก็งเงินกู้นอกระบบจำนวน 20,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ย 4,000 บาท รวมเงินที่ส่งคือ 24,000 บาท โดยจะแบ่งจ่ายเป็นรายวันวันละ 1,000 บาท ทั้งหมด 24 วัน และตนได้ส่งไปแล้ว 11 วัน แต่เนื่องจากมารดาของตนไม่สบาย จึงขอลดมาเป็นจ่ายวันละ 500 บาท และผ่อนไปได้อีก 7 งวด ต่อมาตนได้ขาดส่งไป 2 งวด และวันนี้ลูกสาวได้เตรียมเงินไว้ให้แล้ว แต่มาถูกก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยก่อนหน้านี้แก็งเงินกู้ดังกล่าวได้มาทวงแล้วครั้งหนึ่ งแต่ไม่เจอตน ก็ใช้ขวดปาเข้าไปในบ้านทำให้เศษแก้วไปถูกหลานจนได้รับบาดเจ็บ

ด้าน พ.ต.อ.ชยุต กล่าวว่า เบื้องต้นพอจะทราบกลุ่มคนร้ายแล้ว ซึ่งเป็นแก็งเงินกู้ที่อยู่นอกพื้นที่ โดยเข้ามาอาศัยปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา :โพสทูเดย์
[Continue reading...]

Thursday, August 29, 2013

ทวีเกียรติจากกลุ่ม "สยามประชาภิวัฒน์" นั่ง ตุลาการศาลรธน.คนใหม่

- 0 comments
ที่ประชุมสรรหาตุลาการศาลรธน.ลงมติให้ "ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ" ศ.ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ นักวิชาการกลุ่ม "สยามประชาภิวัฒน์" ได้เป็นตุลาการศาลรธน.คนใหม่ แทนนาย "วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์" ที่ลาออกไป เตรียมเสนอวุฒิสภา เห็นชอบ

วันที่ 29 ส.ค. 56 ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาสรรหาบุคคล ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แทน นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ที่ลาออก โดยมีนายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน มีกรรมการ 4 คน ประกอบด้วย นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน

โดยผู้ได้รับเลือกต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการสรรหาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คือ 4 คะแนน โดยที่ประชุม ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง ที่สุดได้ลงมติเลือก นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากนี้ จะนำชื่อเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อลงมติให้ความเห็นชอบต่อไป
 

ที่มา :ไทยรัฐ
[Continue reading...]

คลิป มติชนฟันธง ปชป.จะปฏิรูปต้อง สลัดความคิดเก่า ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรค

- 0 comments
จากการวิเคราะห์ของสุชาติ ศรีสุวรรณ ฟันธงว่า การที่จะปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะประชาธิปัตย์ยังยึดอยู่กับแนวคิดเดิม ๆ

และโดยภาพลักษณ์ ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่ามีการปราบปรามประชาชน แม้ว่าการปราบปรามนั้นจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม แต่ก็เกิดขึ้นในสมัยนายอภิสิทธิ์

การที่จะเจาะคะแนนเสียงภาคเหนือ ภาคอีสานให้ได้นั้น ค่อนข้างลำบากเพราะ เพื่อไทย จากพรรคไทยรักไทย มีการนำนโยบายจากประชาชน

มติชนฟันธง จะให้ชนะ ต้องเปลี่ยน หัวหน้าพรรค....

ขอบคุณข่าววิเคราะห์ จากมติชน 29 08 56
[Continue reading...]

เปิดใจ รมต."โหนรถเมล์"

- 0 comments
การบริหารใช่ว่าจะนั่งวางแผนแต่ในห้องแอร์แต่สำหรับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดปฏิบัติการลงสัมผัสของจริง ไม่ว่าจะโหนรถเมล์ นั่งเรือ ล่องรถไฟ
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการที่ชัชชาติดำเนินการอยู่ขณะนี้ ไม่อาจหนีเสียงวิจารณ์ได้ว่ามีเป้าหมายอื่นหรือไม่? “ท่านรมต.สร้างภาพใช่หรือไม่” “ต้องการเรียกเรตติ้งบ้างหรือเปล่า” หรือ “หวังกลบข่าวทางการเมืองร้อน”
มีหลากคำถามพุ่งตรงมาถึงผู้รับผิดชอบกระทรวงคมนาคมจำเป็นต้องตอบ
“สำหรับการไปนั่งรถเมล์-รถไฟ จำเป็นต้องรู้ปัญหาจริง มีบางส่วนบ่นว่าเป็นรัฐมนตรีแล้วมาทำไมให้เสียเวลา ควรไปทำงานในเชิงนโยบายมากกว่า แต่ผมมองว่าทุกอย่างต้องไปด้วยกัน เพราะว่าผลพวงส่วนหนึ่งมาจากนโยบาย ถ้าไม่เข้าใจปัญหาจริงคงทำให้นโยบายที่ดีไม่ได้ ดังนั้น การลงไปก็เพื่อต้องการเก็บข้อมูล เพราะถ้าไม่ลง ก็ไม่มีทางรู้ได้” รมต.ชัชชาติ ชี้แจง
รมต.ชัชชาติ เปิดเผยต่ออีกว่า สิ่งที่เขาทำเริ่มต้นจากการใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อกลางในการรับเรื่องร้องเรียน รับข้อเสนอแนะจากประชาชน เกี่ยวกับการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้เห็นเรื่องราวมากมาย บางเรื่องไม่เคยทราบมาก่อน การเปิดเฟซบุ๊กไม่ใช่เปิดแค่มาโพสต์ข้อความเล่น ๆ แต่เป็นการต้องการเพื่อจะได้ข้อมูล และลงไปสัมผัสหาข้อเท็จจริง ซึ่งมีทีมงานคอยประมวลผล ดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป
“ซึ่งผมก็มีกังวลนะ อาจจะถูกมองว่าเป็นการสร้างภาพ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีคนคอยติดตามตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสังคมเฟซบุ๊กทุกคนความจำดี เดี๋ยวเขา ก็ต้องโพสต์ข้อความถามเราว่าที่ลงไปตรวจ ไปดูรถเมล์ รถไฟสายโน้นสายนี้ ทำไปถึงไหนแล้ว ถ้าสร้างภาพมันไปไม่รอด เพราะขณะที่เราเริ่มเดินหน้าไปประเด็นที่ 3-4 ก็จะมีคนถามว่าประเด็นที่ 1 ทำหรือยัง ดังนั้น ต้องพิสูจน์ระยะทาง ทุกประเด็นปัญหาต้องบันทึกเก็บไว้ พยายามติดตามเรื่องเก่าแล้วต้องแก้ปัญหาให้ได้ ไม่ใช่รุดหน้าอย่างเดียว”ชัชชาติ กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

จากการไม่ได้เปิดเผยวาระงาน จู่ๆ ก็ไปโหนรถเมล์ เผลออีกแป๊บไปนั่งรถไฟชั้นสามพบเห็นสภาพปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งเจ้าตัว บอกว่า ปัญหารถเมล์กับรถไฟเป็นคนละเรื่อง เพราะรถไฟมีข้อเท็จจริงที่ยังไม่รู้อีกมาก สำหรับรถเมล์ส่วนใหญ่ก็รู้ปัญหา คือ นั่นก็คือผู้บริหารไม่มีความกระตือรือร้น ดังนั้น การไปนั่งรถเมล์เพื่อเป็นการกระตุ้น และลงไปแบบไม่บอกว่าสายไหน ซึ่งถ้าลงไปแล้วไม่พบการดูแลที่ดี ก็โดนแน่ (น้ำเสียงเข้ม) เพราะการลงตรวจมีหลายรูปแบบ ทั้งเก็บข้อมูล กระตุ้น แต่กับรถไฟคงต้องลงไปหาข้อมูลจริง ๆ เพราะไม่ได้นั่งมานาน
“รถไฟต้องมีแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นที่จะต้องดำเนินการได้ก่อน เช่น ห้องน้ำไม่สะอาด ห้องเก็บเงิน คนเมา ทำได้เลย ส่วนระยะยาว คือ โครงสร้าง ผมเคยไปคุยกับพนักงานขับรถไฟซึ่งทำงานมากว่า 30 ปี บอกว่าตู้อัดเบรกรถไฟเหลือแค่อันเดียว พนักงานมี 50 อัตรา แต่ทำงานแค่ 20 คน ถามว่าอนาคตจะเป็นยังไง”
“คนเมาผมไม่เคยนึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่มี|ผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า คนเมาทำให้ผู้โดยสารธรรมดาไม่อยากขึ้นรถไฟ ซึ่งผมเจอคนเมามากอดคอถ่ายรูปที่ตู้เสบียง และมีคนเมามานั่งด้วย และด่าเรื่องรถไฟให้ฟัง เรื่องขายของบนรถไฟเป็นเรื่องดี แต่มิจฉาชีพแฝงตัวเยอะมาก ฉวยของผู้โดยสารกระโดดลงรถ ถามว่า ถ้าจะเอารถไฟเป็นเส้นทางหลักจะทำอย่างไร จะต้องมีนโยบายให้เทียบเคียงกับเครื่องบิน แต่รถไฟปล่อยจนเป็นธรรมเนียม หรือห้องน้ำเก็บค่าบริการ 3 บาท ถามว่าจำเป็นจริงหรือ จะรวยขึ้นจากการเก็บ 3 บาท ไปเมืองนอกก็ไม่เห็นเก็บหรือน้อยมาก เพราะมันคือบริการพื้นฐาน ประชาชนมีสิทธิ ถามว่าไม่เก็บแล้วสกปรก ทำไม่ได้อย่างอื่นก็ไม่ต้องไปทำ บางอย่างมานั่งคิดให้ดี ก็เป็นมิติเอาไปปรับปรุงได้”
ที่ผ่านมา รมต.ชัชชาติยังเคยแอบไปตรวจโรงงานซ่อมรถไฟที่มักกะสันถึงกับอึ้ง เพราะโรงงานแห่งนี้ยังใช้เทคโนโลยีตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว พบทั้งช่างซ่อม ช่างเชื่อม ยังหลอมเหล็กอยู่ในโรงงาน ทำให้เกิดคำถามว่าในเมื่ออยากเห็นระบบรางที่ดีในอนาคตจะทำแบบเดิมหรือจ้างเอาต์ซอร์ส ปัญหาตรงนี้ต้องมีการตัดสินใจ ไม่เช่นนั้น คุณภาพจะแย่อยู่อย่างนี้
นอกจากรถเมล์ รถไฟที่ตรวจสอบแล้ว รมต.ชัชชาติ เล่าว่า เรือเคยนั่งทุกเช้า เพราะถือเป็นทางเลือกที่ดีของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเรือคลองแสนแสบมีคนนั่งเกือบ 6 หมื่นคนต่อวัน เรือด่วนเจ้าพระยา 4 หมื่นคนต่อวัน แต่ปัญหา คือ มาตรฐาน ความมั่นใจของประชาชนเรื่องความปลอดภัย คุณภาพ จึงได้กำชับเจ้าของเรือและกรมเจ้าท่าไปเขียนแผนงานมา โดยตั้งเป้าเพิ่มผู้โดยสารให้ได้แสนคนต่อวัน
ขณะที่เรือด่วนเจ้าพระยา ปัญหาอยู่ที่ระบบเชื่อมโยง เช่น บ้านแถวบางใหญ่จะมาขึ้นเรือแต่ไม่มีรถเมล์วิ่งผ่าน ไม่มีที่จอดรถ จะทำอย่างไรให้ทั้งหมดเชื่อมโยง ก็ให้ 2 ฝ่ายไปดู ร่วมกันคิด เพื่อให้ทำได้ครบวงจร จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประชาชน ซึ่งเปรียบได้กับรถไฟสายหนึ่ง
ส่วนปัญหาความปลอดภัยของรถตู้โดยสาร รมต.ชัชชาติ ยืนยันว่า ปัจจุบันได้ดำเนินการติดเครื่องควบคุมจับความเร็ว แต่พบปัญหา 2 ส่วน คือ หมวด 1 วิ่งเฉพาะกรุงเทพฯ ที่ได้รับสัมปทานจาก ขสมก. และหมวด 2 วิ่งต่างจังหวัด รัศมี 300 กม. ซึ่งทั้ง 2 แบบพบปัญหาคล้ายกัน คือ รถตู้หมวด 1 มีปัญหาเรื่องการวิ่งทับซ้อนเส้นทางรถผี แต่หมวด 2 ปัญหาเรื่องรถผีวิ่งทับเส้นทางไปจอดอนุสาวรีย์ แต่ต้องเข้าใจว่ารถตู้เป็นสิ่งที่คนไทยชอบ
รมต.ชัชชาติ เล่าว่า เมื่อมีจำนวนผู้ใช้มาก รถผิดกฎหมายก็ตามมาและมาเฟียคุม ดังนั้น ขั้นตอนแรกที่เตรียมดำเนินการ คือ ความปลอดภัยก่อน รถตู้ติดเครื่องควบคุมความเร็ว ทำให้ปัญหานี้น้อยลง ต่อมาจัดสถานีจอดรถให้เป็นระเบียบ หากทำเหมือนสถานีขนส่งย่อยๆ ได้จะช่วยกำจัดรถผีออกไปได้ เพราะปัจจุบันไม่มีจุดรับเป็นเรื่องเป็นราว เช่นเดียวกับ บขส.จะไม่พบปัญหานี้ ต้องเป็นรถถูกต้องเท่านั้นถึงเข้าจอดสถานีได้ และจะไม่เกิดปัญหาดังกล่าว
“รถผีได้เปรียบเพราะไม่ต้องไปจ่ายค่าทะเบียน ไม่ต้องตรวจสอบสภาพทุก 6 เดือน ดังนั้น ควรเริ่มจากการจัดจุดจอดให้ดี มีที่พักให้ประชาชน พร้อมทั้งมีความเชื่อมโยงรถถูกกฎหมายเข้ามาจุดจอด เพื่อเป็นระบบ ซึ่งได้มีการกำหนดจุดตั้งแล้ว อาทิ ซอยหมอเหล็ง พื้นที่ใต้ทางด่วน แต่มันไม่ง่าย เพราะพบแต่ผู้มีอิทธิพลทั้งนั้น”

สำหรับปัญหาแท็กซี่ รมต.ชัชชาติ พูดพลางยิ้มว่า คิดเสมอ เพราะโดนด่าเยอะสุด โดยเฉพาะเรื่องไม่รับผู้โดยสาร ซึ่งกรมขนส่งทำตลอด เช่น จับ ปรับ ล่อซื้อ แต่คิดว่าเป็นการแก้ปลายเหตุ ถามว่าจะแก้ยังไง อย่างแรกต้องมาจากจิตสำนึกของแท็กซี่ก่อน ไม่ใช่ใครมาจากไหนก็ขับได้ ต้องมีการอบรม เข้ากระบวนการ เพื่อให้เกิดความภูมิใจในอาชีพ และไปวิเคราะห์ปัญหาต้นเหตุว่าคืออะไร
“หากถามว่าทำไมแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร ขนส่งต้องไปวิเคราะห์ เช่น ไปที่ไม่มีปั๊มแก๊ส ขับกลับไม่ได้ ก็ต้องไปดู จุดไหนในกรุงเทพฯ มีปัญหาขาดปั๊มแก๊ส ราคาค่าโดยสารเป็นธรรมหรือไม่ ราคามิเตอร์เวลาช่วงรถติดมันต่ำกว่าที่ควรเป็น ทำให้แท็กซี่ไม่อยากเข้าไปในพื้นที่รถติด มิเตอร์เดินไม่คุ้มต้นทุน หากทำใจให้เป็นกลาง การรับคนคือการทำธุรกิจ ถ้าปฏิเสธเป็นเพราะได้ไม่คุ้มทุนหรือเปล่า ต้องคิดในแง่มุมเขาด้วย ขนส่งต้องไปดูตรงนี้ หรือจัดจุดจอด มีกล้องวงจรปิด ซึ่งตามห้างได้มีการดำเนินการแล้ว เช่น พารากอน เพื่อตรวจดูแท็กซี่รับผู้โดยสารหรือไม่ แต่ก็ต้องมีมือไม้ เมื่อสั่งไปแล้วต้องทำให้จบ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงไปช่วยดู บางทีไม่ได้ดั่งใจ ก็ต้องเอาเท่าที่ทำได้”
ดูเหมือน รมต.ชัชชาติจะเข้าใจสารพัดปัญหาระบบขนส่ง แล้วจะแก้ปัญหาได้มากน้อยขนาดไหน หรือแค่จุดพลุเปิดประเด็นแล้วหายไป
“เรื่องพวกนี้มีตัวชี้วัดของแต่ละรัฐวิสาหกิจ ขสมก. รถไฟ ว่าตรงเวลาหรือไม่ หรือบางตัวอาจต้องมีการปรับตัวชี้วัด”
ทั้งนี้ทั้งนั้น การเป็น รมว.คมนาคม ไม่ได้แค่ลงมาเกาะติดปัญหาปลีกย่อยระบบขนส่งสาธารณะเท่านั้น หากแต่ดำเนินการคู่ไปกับการวางนโยบาย
“ทำเฉพาะเรื่องปลีกย่อยไม่ได้ ต้องย้อนกลับมาในเชิงนโยบาย ทั้งคิด ทำ วางแผน เวลาไปจะดูเรื่องปรับโครงสร้าง เช่น รถไฟ มาดูปัญหาชีวิตจริง และทำให้เห็น เช่น การแบ่งเขต 4 เดินรถ คือ เดินรถ ช่างกล กรมโยธา สื่อสาร แต่ละคนคนละนาย ถามใครก็โยนกันไปมา เหมือนเป็น 4 บริษัทในบริษัทเดียว ไม่คล่องตัว เมื่อเห็นปัญหานี้คิดว่าจะทำอย่างไรให้เป็นเนื้อเดียวกัน”
ก่อนจบบทสนทนา เจ้าตัวทิ้งท้ายไปถึงรถตู้สาธารณะด้วยว่า สัปดาห์หน้าจะไปนั่งรถตู้แน่นอน จากนั้นเตรียมโดยสารรถ บขส. วางแผนนั่งไปถึงต่างจังหวัด
รถตู้-รถทัวร์ หรือแม้แต่รถแท็กซี่อย่าชะล่าใจ คงไม่ช้าเกินรอ หัวหน้านายตรวจ รมต.ชัชชาติอาจปรากฏตัวอยู่ในรถคันใดคันหนึ่งแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้
ส่วนจะเป็นวินไหน สายใด เตรียมพร้อมล้อหมุนกันให้ดีๆ!!!
เกาะขบวนไฮสปีดการเมือง สถานการณ์ที่ต้องยอมรับ
เข้ามาทำงานในกระทรวงคมนาคม แต่ปัจจัยการเมืองทำให้มีผลต่องาน ชัชชาติ ยอมรับว่า มีผลอยู่ แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะการเมืองมันเกี่ยวข้องกับทุกด้าน แต่พยายามทำเรื่องเนื้องานให้ดีที่สุดเช่น  2 ล้านล้านบาท ไม่พูดถึงเรื่องการเมือง เน้นเรื่องเทคนิคและขอบเขต ส่วนการเมืองจะพลิกโฉมอย่างไร ก็ต้องไปแก้สถานการณ์ สมมุติร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางไม่ผ่านขึ้นมา ก็ต้องหาทางทำต่อไปด้วยวิธีอื่น ไม่ได้ชีวิตจบแค่นี้ ส่วนแผนสำรองอาจจะต้องคิด คงไม่พูดดีกว่า
หากผลการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ เช่น สภาพัฒน์ฯศึกษาไม่คุ้มทุนต้องเปลี่ยนเส้นทางชัชชาติ ระบุว่า มันคนละส่วนกัน เพราะ 2 ล้านล้านบาท เป็นการให้กรอบ เตรียมเงินไว้ถ้ารัฐบาลอนุมัติทำโครงการพวกนี้ มีเงินให้ เพราะครม.ผ่านแล้ว แล้วสภาพัฒน์ฯไม่อนุมัติก็ทำไม่ได้ รัฐบาลก็พิจารณาได้ ในเรื่องกู้เหมือนกับว่าไปขอกรอบ ไว้ก่อนเพื่อเตรียมเงินไว้ มีเวลาเท่านี้ๆ แต่ละโครงการเมื่อถึงเวลา หรือโครงการใดโครงการหนึ่งไม่ผ่านอีไอเอ มันก็ทำไม่ได้ ไม่ต้องไปกู้เงินตรงนี้
“ถ้าไม่ผ่านจริงๆก็ไม่เสียสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนเพราะพูดชัดเจนแล้วว่า ต้องผ่านอีไอเอโครงการพวกนี้มีขั้นตอนแต่ถามว่าเราจะให้ออกพรบ.ทุกฉบับแต่ละโครงการมันไม่ได้ต้องออกในภาพรวมไปก่อนและให้มั่นใจว่า ถ้าเกิดทำจริงๆ มันมีเงิน ที่ไปกู้มาซึ่งอยู่ในกรอบหนี้สาธารณะแต่ถ้าไม่ทำหรือไม่ผ่าน สภาพัฒน์ฯไม่เห็นด้วยกับตัวเลขก็ต้องเป็นรายโครงการไปไม่ได้ดื้อ หรือโกหกต้องทำทุกโครงการ” 
ส่วนจะอยู่ถึงลงเสาฝังเข็มหรือไม่ ชัชชาติ บอกวันต่อวัน มาตรงนี้ก็ถือว่าเกินที่คิดไว้แล้ว การเมืองมีหลายปัจจัย ก็ทำแต่ละวันให้ดีที่สุด และเชื่อว่ากระทรวงก็ต้องเดินหน้าต่อไป ใครอยู่ก็ได้ ส่วนปัญหาสส.รัฐบาลไปกว้านซื้อที่ดิน ต้องไปหาข้อเท็จจริงกันเอาเอง ข้อมูลมันตรวจสอบได้ไม่ใช่สส.รัฐบาลอย่างเดียว ฝ่ายค้านก็ซื้อได้ แนวเส้นทางไม่ได้ให้ใครเป็นพิเศษเกิดขึ้นทุกวัน เอกชนก็ซื้อเยอะแยะที่ดิน
รมต.ชัชชาติ อธิบายการทำงานสร้างความโปร่งใส ด้วยการเอาเอกชนเข้ามาร่วม และกล้ายืนตอบทุกคำถาม ถ้าเกิดมุมมิบ  ก้มหน้า ไม่ยอมคุย อย่างนี้ไม่โปร่งใส เช่น ทีโออาร์รถเมล์ ให้ซักไม่รู้กี่ร้อยคำถาม ทุกคำถามก็ตอบละเอียด จนพอใจ แต่สิ่งที่ต้องการ คือให้ช่วยกันดูตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ทำเสร็จแล้วมาด่าว่าโกง มันก็เหนื่อย เรามาย้อนอดีตไม่ได้ ถ้ามาช่วยตังแต่ต้น มาดู ร่วมตรวจสอบ ก็ไปได้ เพื่อยกระดับประเทศให้ดีขึ้น
สำหรับรถไฟความเร็วสูง ชัชชาติ บอกเป็นสิ่งทีดี เพราะเป็นตัวสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ โดยมีหลักการศึกษา มีข้อมูล แต่สุดท้ายให้ผู้มีหน้าที่อย่างสภาพัฒน์ฯชุดใหม่ มาดูตรวจเลข ตกลงไหม มาคุยในหลักการ ไม่ใช้ความรู้สึก ถ้าไม่ทำไม่มีปัญหาช่วยกันมาให้เหตุผล ไม่ใช่ทำได้พรุ่งนี้ ประเทศไทยที่ว่าไม่พร้อมอย่างน้อยก็อีก 7 ปี ตอนนั้น 55 เกือบเกษียน ถ้าบอกไม่พร้อมตอนนี้ก็ใช่ แต่ไม่ได้ซื้อตอนนี้ อีกที 7 ปี 7 ปี ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ โลกเปลี่ยนไปแค่ไหน นี่เป็นการวางรากฐานอนาคต
"บันทึกของเพื่อน"ความคาดหวังรมต.
ไม่ว่าจะเป็นกรณีรถเมล์ร่วมสาย 8 ที่ติดอันดับผู้โดยสารร้องเรียนปัญหาการใช้บริการมากที่สุด หรือภาพขบวนรถไฟสายระทมทุกข์ “ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง” ปรากฏเป็นข่าวนำไปสู่การปรับปรุงในเวลาต่อมา ล้วนมาจากการสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม
เดิมที รมต.ชัชชาติ เป็นคนที่ไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะการเขียนข้อความสนุกสนานถึงเพื่อนหรือคนที่รู้จัก แต่เมื่อมารับตำแหน่งรัฐมนตรี เขาหันมาให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดีย โดยใช้เป็นช่องทางสื่อสารการทำงาน ตั้งแต่สื่อสารกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกระทั่งนำมาใช้เป็นช่องทางให้ประชาชนร้องเรียนเรื่องการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
รมต.ชัชชาติ ขยายความว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องการให้กระทรวงคมนาคมสื่อสารไปยังประชาชน ทั้งเรื่อง 2 ล้านล้านบาท โครงการต่างๆ แม้ที่ผ่านมาจะให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี แต่เป็นลักษณะวันเวย์ (สื่อสารทางเดียว) ไม่มีกลับมา แต่มีอีกกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ คือ โซเชียลมีเดีย
“ส่วนตัวไม่ได้รู้จักเท่าไหร่และไม่เคยเล่นเฟซบุ๊ก แต่สาเหตุที่มีเฟซบุ๊ก เกิดขึ้นสมัยเรียน MBA เนื่องจากอาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละคนเปิดเอาไว้ แต่มีแล้วก็ไม่เล่น คนมาขอเป็นเพื่อนเยอะ ก็ไม่ได้รับ เพราะมองเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ถ้าดูตัวเลขกรุงเทพฯ ถือเป็นกลุ่มที่มีเฟซบุ๊กมากที่สุดในโลก ถ้าสามารถสื่อข้อมูลให้เข้าใจถึงสิ่งที่ทำหรือสื่อสารกลับมาได้บ้างเป็นเรื่องดี คิดเพียงเท่านั้น และได้บอกน้องๆ ซึ่งเป็นทีมงานว่าควรทำเฟซบุ๊กดีหรือไม่ แต่การทำพยายามเน้นเรื่องเป็นประโยชน์”
รมต.ชัชชาติ อธิบายว่า กระทรวงคมนาคมมีประเด็นมาก เรื่อง 2 ล้านล้านบาท โครงการต่างๆ ที่ต้องทำความเข้าใจ โดยเน้นย้ำทุกกระทรวง แต่คมนาคมมากหน่อย และประเด็นเรื่องน้ำ หรือที่เป็นประเด็นหลัก แต่ก็โอเค

ส่วนเหตุผลที่ต้องใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวในนาม ชัชชาติ เพราะถ้าเป็นของกระทรวงคนไม่เชื่อ เพราะคุยกับใครไม่รู้ มีตัวตนหรือเปล่า พอบอกเป็น ชัชชาติ เหมือนคนมาบ่นให้รัฐมนตรีฟัง จึงเป็นเรื่องซีเรียสทำเล่นๆ ไม่ได้ เพราะคนคาดหวัง
“มีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ เพื่อนผมเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ อ.แก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี และมีปัญหาเรื่องมอเตอร์เวย์แล่นผ่านบ้านเขา เขาจึงมาโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า เฮ้ย! ชัชชาติ มอเตอร์เวย์ที่จะผ่านเมืองกาญจน์ 3-4 เส้น ผ่านหมู่บ้านเราหรือเปล่า ช่วยอธิบายหน่อยสิ ซึ่งตอนนั้นเพิ่งมีเฟซบุ๊กใหม่ๆ ไม่ได้เข้าไปอ่าน และเขาบ่นในห้องเฟซบุ๊ก เฮ้ย! สร้างภาพ ถามแล้วไม่ตอบ ไม่สนใจประชาชน ผมก็ไม่เห็นอีก เพราะเฟซบุ๊กผมไม่ได้เล่น กระทั่งไม่กี่อาทิตย์ต่อมาเขาถูกรถชนเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องแรงมาก”
“ตอนเขาเสียชีวิต เราก็ไม่เห็นเฟซบุ๊ก เพื่อนมาบอกว่าเขาเขียนไว้ก่อนตาย ไปตอบเขาหรือยัง ถือว่าแรง เพราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เนื่องจากคาดหวังกับคำตอบ ดังนั้นเป็นอุทาหรณ์ว่าเฟซบุ๊กดูเหมือนเล่นๆ แต่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะถ้าเขาเสียเวลาพิมพ์มาถึงผมได้ เขาก็เสียเวลา ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาพิมพ์ สุดท้ายผมต้องไปชี้แจงที่งานศพ จึงเป็นเรื่องเตือนใจ ถือเป็นเรื่องใหญ่”
รมต.ชัชชาติ ยอมรับว่า เฟซบุ๊กมีฟีดแบ็กกลับมาว่าประชาชนรู้เยอะ เช่น ไปตรวจรถเมล์ 1 สาย ไป 1 วัน ได้ 1 สาย ถ้าไปอย่างนี้ได้แค่นี้ เมื่อเอาลงเฟซบุ๊กจะมีคนมาช่วยตรวจอีก 100 สาย ซึ่งดูแล้วเป็นพาวเวอร์ฟูล มีพลัง แต่บางคนอาจมองว่าเป็นการสร้างภาพ แต่เฉยๆ แม้ก่อนหน้านี้ก็ทำ แต่ไม่มีเฟซบุ๊ก คนเลยไม่รับรู้ พอมีก็เล่าให้ฟังว่าไปทำอะไร การทำเฟซบุ๊กไม่ใช่สนุกหรือสร้างภาพไปเฉยๆ ต้องมีออกผลมาเป็นรูปธรรมตามสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องหรือให้คอมเมนต์มา
ชัชชาติ บอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ยากที่สุดไม่ใช่การทำเฟซบุ๊ก แต่เป็นเรื่องการเอาความเห็นไปปรับปรุง เพราะมีเป็นร้อยๆ พันๆ เรื่อง เลยต้องใช้ทีมงานเอาข้อมูลที่ได้รับมากรอง เช่น รถเมล์ มีคอมเมนต์ประมาณ 1,600-1,700 พูดเรื่องอะไรบ้าง จะนำมาขึ้นตารางไว้ จากนั้นต้องไปไล่ว่าทำได้หรือไม่ โพสต์ทุกครั้งจะมีคอมเมนต์กลับมา ไม่เช่นนั้นแล้วเฟซบุ๊กไร้ความหมาย เล่าเรื่องอย่างเดียว เป็นวันเวย์ แต่ที่ต้องการคือ ทูเวย์ ประชาชนว่ายังไง แม้กระทั่งด่ายังไงก็ต้องฟัง
“เวลาลงพื้นที่ เช่น นั่งรถเมล์ รถไฟ จะมีทีมงานไปบันทึกประมาณ 1-2 คน เพื่อเก็บภาพลงเฟซบุ๊ก ส่วนเนื้อหาจะเขียนเองและส่งให้ทีมงานดูว่าเป็นยังไงก่อนลง เพราะบางทีไม่ได้อ่านทุกคอมเมนต์ หากโพสต์ข้อความไม่สอดคล้องกับคอมเมนต์มันก็แปลก ดังนั้นทีมงานจะมาไล่อ่านแล้วเอาไปประมวล แบ่งปัญหาสรุปมา แต่ไม่ได้ตอบรายบุคคล จะรวมเป็นเอกสารขึ้นโพสต์ให้คนเปิดอ่านว่าเรื่องที่ร้องเรียนมาอยู่ตรงไหน”
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนตัวตอบเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องเทคนิค จะให้ฝ่ายเทคนิคตอบ เพราะไม่รู้เรื่องเทคนิค เช่น รถเมล์สายนี้วิ่งหยุดแค่นี้ ทำไมไม่วิ่งต่อ โดยมีทีมงานจดไว้ให้ แล้วให้หน่วยงานนั้นมาอธิบายว่าทำไม เพราะอะไร จะมีโครงการหรือไม่ ถ้าไม่มีก็บอกว่าไม่มี คือ ต้องมี 1-2-3 คืออธิบายให้เขาทราบอย่างชัดแจ้ง”รมต.ชัชชาติ เล่าเบื้องหลังให้ฟัง

ที่มา :...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว / ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์ โพสทูเดย์
[Continue reading...]

Wednesday, August 28, 2013

คนจริงหรือเปล่า ? คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชน

- 0 comments
ถ้าไม่สะกดจิตตัวเองเสียจนไม่เห็นความจริง

สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนไม่น้อยก็คงคิดเหมือนกับหรือคล้ายกับคุณอลงกรณ์ พลบุตร ว่าถึงเวลาที่จะต้องยกเครื่องพรรคครั้งใหญ่

ไม่ต้องพูดถึงว่าผลงานในการเป็นรัฐบาลครั้งล่าสุดนั้นสุดจะบรรยายอย่างไร

เอาแค่ผลงานในระหว่างที่เป็นฝ่ายค้าน ที่ตุปัดตุเป๋ไปมา หาหลักยึดอะไรไม่ได้

ก็ฉายภาพอนาคตอันใกล้และไกลให้เห็นชัดเจนแล้ว

ธรรมดาพรรคฝ่ายค้านที่ไหนๆ ก็ต้องได้คะแนนความเห็นใจ คะแนนสงสารจากชาวบ้าน (ที่ชอบมวยรองตามธรรมชาติอยู่แล้ว) เป็นทุน

แต่ประชาธิปัตย์สามารถทำให้ชาวบ้านเกิดอาการคลื่นเหียนเมื่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์ กระตุ้นให้นักวิชาการมีชื่องัดเอาประวัติศาสตร์ของพรรคเองมาสอนใจ

และตกเป็นเป้าให้หนังสือพิมพ์ชั้นนำของโลก วิจารณ์แบบแทงใจ

ชาวบ้านถูกทักษิณซื้อ อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ถูกทักษิณซื้อ หรือนิวยอร์ก ไทมส์ถูกทักษิณซื้ออีกหรือไม่

ถ้าตอบว่าไม่ ก็ต้องถามว่ารู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า

เพราะถ้าไม่รู้สึกรู้สมอะไรบ้างเลย

ก็แปลกมนุษย์

แต่ถ้ารู้สึกแล้วยังเก็บอาการได้ แถมยังเดินหน้าแสดงพฤติกรรมแบบเดิมต่อไป

ก็น่ากลัวมาก

เป็นไปได้อย่างไรที่พรรคซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารเต็มอัตราศึกและใช้อาวุธจริงกระสุนจริง จนทำให้มีคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บพิการเป็นพัน

ถึงวันนี้ก็ยังไม่ออกปากขอโทษหรือแสดงความเสียใจ

เป็นไปได้หรือที่พรรคซึ่งเกี่ยวข้องกับการสั่งให้ใช้กฎหมายที่มีอำนาจครอบจักรวาล ที่จับเอาคนไปคุมขังหรือตั้งข้อหาสารพัดได้

ถึงวันนี้นอกจากจะไม่แก้ไข แล้วยังขัดขวางกระบวนการแก้ไขไม่ให้เดินหน้า ไม่งั้นก็ขู่จะกอดคอคนส่วนใหญ่เดินลงเหวไปด้วยกัน

และไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการหรือสนับสนุนการชุมนุมของพี่น้องสวนยางภาคใต้ในครั้งล่าสุดนี้หรือไม่ หรือจะเป็นแค่การไปดูแลประชาชนตามหน้าที่

แต่ก็มีข้อดีอย่างน้อยสองประการ

ข้อแรก ให้เห็นกันชัดเจนไป ไม่ต้องแอบจิต ว่าวันนี้พรรคเลือกเดินแนวทางโค่นล้มรัฐทุกรูปแบบแล้วจริงๆ โดยไม่ต้องสนใจวิธีการ ไม่ต้องสนใจผลต่อเนื่อง-ความเสียหายที่จะตามมา

ประชาชนจะได้ตัดสินใจได้ถูก ว่าจะให้การสนับสนุนแนวทางนี้หรือไม่-แค่ไหน

ข้อต่อมา เมื่อพรรคประชาธิปัตย์แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอ่อนไหวต่อบาดแผลของพ่อแม่พี่น้อง ไม่ว่าจะเล็กน้อยขนาดไหน

คนทั่วไปก็หวังว่าท่านจะใช้มาตรฐานเดียวกันนี้กระชากตัว "ฆาตกร" ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางเมืองเมื่อปี 2553 ที่มีคนตายร่วมร้อย บาดเจ็บพิการนับพัน ออกมาด้วย

ไหนๆ จะเป็น "คนจริง" ทั้งที

ต้องจริงให้ทุกเรื่องสิน่า
[Continue reading...]

วาทะ อภิสิทธิ์ “คนดีของจังหวัด แต่เป็นคนเลวระดับชาติหรือไม่”

- 0 comments
จากการอภิปราย แก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของสว.ฟังการอภิปรายของฝ่ายที่คัดค้าน เหมือนจะเป็นแนวทางเดียวกัน คือ ให้คงอยู่สำหรับ สว.สรรหา

หลายคนที่มาจากการเลือกตั้งเช่นพรรคประชาธิปัตย์ กลับดูถูกการเลือกตั้ง

และเหมือนจะดูถูกผู้ที่มาใช้สิทธิ์ คือประชาชน

ว่าขาดความเข้าใจ และสามารถซื้อเสียงได้

และมีการกล่าวหาว่า สว.ที่มาจากการเลือกตั้ง ขายตัว ให้กับพรรคการเมือง

ในอดีต มีการพูดว่า ประชาชนทางภาคอีสาน ใครมีเงินสามารถ เข้ามาเป็น ส.ส.ได้

แม้กระทั่งปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีการกล่าวหาเช่นนี้

นี่คือการดูถูกประชาชน ว่าไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ

ความเป็นจริง คนไที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องกลับเป็นตัว ส.ส.เอง

เหมือนกับว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหมดไม่ได้ใช้เงินในการซื้อเสียงเลย

ทั้ง ๆ ที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร ได้กล่าวถึงการที่จะต้องปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ในตอนหนึ่งว่า ที่ประชาธิปัตย์แพ้พรรคเพื่อไทยไม่ใช่เพราะเงิน แถมประชาธิปัตย์ ใช้เงินในการเลือกตั้ง "มากกว่า" เสียอีก

คำว่ามากกว่านั้นมองได้หลายด้าน

มากกว่าเพราะทุ่มเงินเป็นค่าใช้จ่ายมาก

มากกว่าเพราะใช้ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง

การอภิปรายของนายอภิสิทธิ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาของ สว. เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา ว่าคนดีของจังหวัด อาจจะเป็นคนเลวระดับชาติหรือไม่

คนในพรรคประชาธิปัตย์ มักจะมองไม่เห็นความผิดของตัวเอง

ชี้ความผิดแต่ของผู้อื่น

เพราะความเป็นจริง คนดีในพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะเป็นคนเลวระดับโลกก็ได้

คลิกอ่านที่มา "คนดีของจังหวัด แต่เป็นคนเลวระดับชาติหรือไม่"
[Continue reading...]

คลิป นักเลง "สาธิต" เดินกร่างเข้าหา "นายก ปู" กลางสภา

- 0 comments
"นายกฯ ยิงลักษณ์"
เดินเข้าชี้แจงสมาชิกฯ ฝ่ายค้าน ด้วยตนเอง
ระหว่างประชุมสภาฯ...
รับปาก หารือ แก้ไขเรื่องราคายางพารา
ขอบคุณคลิปจากครอบครัวข่าว 3

เป็น "ภาพประวัติศาสตร์" ที่ไม่เคยมี ในการเมืองไทย

ขณะเดียวกัน ภาพของ นายสาธิต วงศ์หนองเตย เดินมือล้วงกระเป๋าเข้าหา นายกยิ่งลักษณ์  ขณะที่นายกยิ่งลักษณ์ สวัสดีก่อน แต่นายสาธิต เฉย และใช้มือกอดอก ขณะคุย

นี่คือการไม่ให้เกียรติ ระดับผู้นำ

คนที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ไม่เห็นแก่คน ก็น่าเห็นแก่ "ตำแหน่ง"

และคนที่แสดงกริยานี้ เป็นถึง ส.ส.ที่ใคร ๆ เรียกว่าผู้ทรงเกียรติ

แท้ที่จริง มีเกียรติหรือไม่ ภาพเป็นคำตอบ

สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล  ก็ยังใช้ได้ กับ ส.ส.พรรคนี้
[Continue reading...]

สุเทพประกาศ "ยกระดับ" การชุมนุม หากรัฐยังไม่ถอน กม.นิรโทษกรรม

- 0 comments
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประาศขอยกระดับการชุมนุม นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากรัฐบาลยังไม่ถอนกฎหมายนิรโทษกรรม ออกจากสภา โดยไม่รอวาระ 3  พร้อมไปอยู่เคียงข้างกับประชาชนข้างถนน

นายสุเทพ ยังกล่าวต่ออีกว่า การตัดสินใจนี้ กระทำเป็นการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับสมาชิกคนอื่นในพรรคจะตัดสินใจอย่างไร นั้น นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ทราบ

จาการแถลงข่าวดังกล่าว ของนายสุเทพ แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์กระทำในเรื่องที่ถูกต้องมาตลอด และจากการกระทำนี้ นายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธการต่อสู้ทางการเมือง ตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย

ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าความคิดของตัวเอง คนอื่นจะต้องปฏิบัติตาม

ใครไม่ปฏิบัติตามถือว่าผิด

ในที่สุดแล้ว ตังเองและพรรคกำลังใช้ระบบเผด็จการอยู่ใช่หรือไม่

กล่าวหาว่ารัฐบาล เป็นเผด็จการทางรัฐสภา

แต่กำลังกระทำในสิ่งที่ตัวเองกล่าวหา คือเป็นเผด็จการเสียเอง

คลิกดูรายละเอียดของการแถลงข่าวของนายสุเทพ ที่นี่
[Continue reading...]

Tuesday, August 27, 2013

คลิป ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ชะอวด ขอให้ยุติการชุมนุม อย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง

- 0 comments
คลิป ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากตำบลต่าง ๆ ใน อ.ชะอวด ได้แถลงข่าวว่า ทางชมรมกำนันฯซึ่งเป็นผู้นำม็อบชาวสวนยางในช่วงแรก ได้ตอบรับการเจรจากับตัวแทนของทางรัฐบาลที่มาเจรจา และทางกลุ่มได้ยุติการชุมนุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับผู้ที่ชุมนุมในขณะนี้เป็นคนมาจากที่อื่น และเป็นที่น่าสังเกตุว่า ผู้นำในพื้นที่ก็ไม่รู้จัก

ในขณะเดียวกัน ได้ขอร้องแกนนำให้ยุติการชุมนุมเพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา

และขอร้องถึงคนบางกลุ่มอย่าหาประโยชน์จากประชาชนการ อย่านำไปเป็นประเด็นทางการเมืองการเมือง

ขอบคุณ คลิปข่าว จากศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวไทย อสมท.
[Continue reading...]

สภาอุตฯ เมืองคอน ครวญ พิษม็อบปิดถนน-รถไฟ เสียหาย100ล.

- 0 comments
สภาอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราชโอดม็อบปิดถนน-รถไฟ ทำอุตสาหกรรมเมืองคอน เสียหายเกือบ 100 ล้าน

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.56 นายยุทธกิจ มานะจิตต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ม็อบชาวสวนยางและชาวสวนปาล์มหลายจังหวัดในภาคใต้ได้ ปักชุมนุมประท้วงปิดถนนทั้งขาขึ้นและขาล่องถนนสายเอเชีย 41 บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และล่าสุดลุกลามไปปิดการสัญจรทางรถไฟบริเวณแยกควนเงิน ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราชยืดเยื้อมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว ส่งผลให้สร้างความเสียหายและผลกระทบต่ออุตสาหกรรมใน จ.นครศรีธรรมราช เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการขนส่งที่ต้องอาศัยการขนส่งทางรถยนต์เป็นหลัก ทำให้มีผลกระทบเป็นอย่างมาก แม้จะใช้เส้นทางเลี่ยงสายรองก็ยังมีผลกระทบเป็นอย่างมากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไม้ยางพาราที่จะขนส่งเข้ากรุงเทพฯ และท่าเรือขนส่งที่ จ.สงขลา ต้องหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง มูลค่าความเสียหายจากภาคอุตสาหกรรมใน จ.นครศรีธรรมราช ประเมินเบื้องต้นแล้วน่าจะเกือบ 100 ล้านบาท

[Continue reading...]

คนในพื้นที่สุดจะทน แถลงการให้ม็อบยางยุติการชุมนุม ไม่งั้นจะเป็นผู้ขับไล่เสียเอง

- 0 comments
จากการประท้วงของม็อบสวนยาง ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนเฉพาะการเดินทางของคนส่วนใหญ่เท่านั้น แม้แต่คนในพื้นที่เองก็ได้รับการเดือดร้อน ซึ่งไม่สามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ ล่าสุด ออกหนังสือแถลงการณ์ให้กลุ่มผู้ประท้วงยุติการชุมนุม

หลังจากที่ตัวแทนของฝ่ายรัฐบาล โดยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้มีการเจรจาและรับปากให้การช่วยเหลือที่ 80 บาท / กิโลกรัม คนในพื้นที่ คือ อ.ชะอวด พึงพอใจในราคานี้ ก็ได้เก็บข้าวของแยกย้ายกันไป

แต่ยังมีอีกส่วนไม่ยอมรับและปฏิเสธข้อเสนอของนายสุภรณ์ โดยยืนยันให้รัฐบาลประกันราคายาง กิโลกรัมละ 100 บาท เป็นอย่างต่ำ ยังคงรวมตัวกันประท้วงปิดถนนกดดันรัฐบาลต่อไป 

ส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้มาจากนอกพื้นที่ จากการชุมนุมสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่ในการสัญจรไปมา

คนในพื้นที่ ซึ่งใช้ชื่อกลุ่มว่า กลุ่มชะอวดรักสงบ ออกแถลงการณ์ให้คนที่กำลังชุมนุมให้ยุติการชุมนุมปิดถนน ไม่อย่างนั้น กลุ่มนี้ จะนำคนมาเป็นผู้ขับไล่เสียเอง

ภาพข่าวจากช่อง 3
[Continue reading...]

รฟท.ประกาศยกเลิกรถไฟสายใต้อีก 5 ขบวน ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หลังม็อบยังปิดเส้นทางรถไฟนครศรีธรรมราช

- 0 comments
รายงานข่าวการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากเหตุม็อบสวนยางปิดทางรถไฟ ช่วงสถานีบ้านตูล-ชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช  จนเป็นเหตุให้การรถไฟฯ ต้องประกาศหยุดเดินขบวนรถ 4 ขบวน ในทางสายใต้ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา  สถานการณ์ล่าสุด ยังมีม็อบปิดขวางเส้นทางอยู่ การรถไฟฯ จึงจำเป็นต้องประกาศหยุดการเดินรถขบวนรถสายใต้จากกรุงเทพ อีก 5 ขบวน เนื่องจากไม่มีขบวนรถหมุนเวียนกลับมาจากสายใต้ได้

มีดังนี้ ขบวนรถเร็ว 171 กรุงเทพ-สุไหงโกลก ออกจากกรุงเทพ เวลา 13.00  น. ขบวนรถด่วนพิเศษ 35 กรุงเทพ-บัตเตอร์เวร์ธ ออกจากกรุงเทพ เวลา 14.45 น. ขบวนรถด่วนพิเศษ 37 กรุงเทพ-สุไหงโกลก ออกจากกรุงเทพ เวลา 15.10 น.ขบวนรถเร็ว 169 กรุงเทพ-ยะลา  ออกจากกรุงเทพ เวลา 15.35 น. และขบวนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ-ยะลา ออกจากกรุงเทพ เวลา 22.50 น. โดยการรถไฟฯยินดีคืนเงินค่าโดยสารให้เต็มราคา ติดต่อรับเงินคืนได้ที่สถานีรถไฟ หรือสอบถามสายด่วน 1690

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ปิดถนนและทางรถไฟสายใต้ของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ อ. ชะอวด จ. นครศรีธรรมราชว่า ล่าสุด  การให้บริการรถไฟเส้นทางสายใต้ปั่นป่วนอย่างหนัก หลังจากม็อบยางและสวนปาล์มรวมตัวปิดเส้นทางรถไฟสายใต้บริเวณสี่แยกบ้านตูน หมู่ 2 ต.บ้านตูน อ.ชะอวด ระหว่างสถานีชะอวด-บ้านตูน  พร้อมจุดไฟเผาทางรถไฟด้วยนั้น  ทำให้รถไฟสายใต้ขาขึ้นกรุงเทพฯ รวม 4 ขบวน ไม่สามารถผ่านได้ต้องตีรถกลับเข้าสถานีชุมทางหาดใหญ่3 ขบวน คือขบวนรถด่วน38 สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ ขบวนรถเร็ว 172 สุไหลโก-ลก-กรุงเทพฯ และขบวน42 สปรินเตอร์ยะลา-กรุงเทพฯ รวมทั้งขบวนรถบัตเตอร์เวิร์ธ ซึ่งเป็นขบวนรถระหว่างประเทศต้องจอดอยู่ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่  มีเพียงขบวนรถเร็ว170 ยะลา-กรุงเทพฯเพียงขบวนเดียวที่ขอผ่านทางได้
[Continue reading...]

Monday, August 26, 2013

67 ปี เกมสภา "ประชาธิปัตย์" มรดกการเมืองจาก "ควง" สู่ผู้นำ "อภิสิทธิ์" เชื้อไม่เคยเปลี่ยน

- 0 comments
ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จงใจ "ยื้อ" เวลาการอภิปรายในสภาทุกวาระ โดยงัดตัวอักษรทุกย่อหน้ามาขัดขวางการพิจารณา

และไม่ใช่ครั้งเดียวที่ พรรคสีฟ้า เล่นเกมนอกสภาควบคู่ไปกับเกมในสภา

ปชป.เคยเล่นมาแล้วครบทุกสูตร ทั้งในสภา ริมถนน ตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมื่อ 67 ปีก่อน สมัยหัวหน้าพรรคชื่อ "ควง อภัยวงศ์"

ในปี 2490 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ "พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาสวัสดิ์" ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะหัวหน้าพรรคแนวรัฐธรรมนูญ ได้รับเลือกให้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทน "ปรีดี พนมยงค์" ที่ประกาศไม่รับตำแหน่ง แม้จะชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส.พระนครศรีอยุธยาอีกสมัย

ภาวะเศรษฐกิจไทยช่วงหลังสงครามตกต่ำ เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง กระทั่งรัฐนาวาของ "ปรีดี" เชื่อมต่อถึงยุค "พล.ร.ต.ถวัลย์" ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ดีขึ้นได้

8 เดือนต่อมา หลังที่ "พล.ร.ต.ถวัลย์" นั่งเก้าอี้นายกฯ ปชป.ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งใหญ่ ใช้เวลาถึง 7 วัน 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 19-27 พฤษภาคม 2490 มุ่งทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล

ประเด็นหนึ่งที่รัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ถูกโจมตีหนักคือ องค์การสรรพาหาร ที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อขายสินค้าอุปโภคแก่ชาวบ้าน ถูกโจมตีว่าเป็นแหล่งทุจริต

นอกจากนี้ยังถูกโจมตีกรณี "กินจอบ กินเสียม" ที่รัฐบาลซื้อมาราคาถูก เพื่อไปแจกจ่ายประชาชน แต่ถูกกล่าวหาว่านำไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง

เช่นเดียวกับกรณี "ชื้น โรจนวิภาต" บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อิทธิธรรม หนังสือพิมพ์ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เริ่มต้นโจมตีการดำเนินงานของรัฐบาลต่อกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 แต่รัฐบาลมิอาจจับคนร้ายได้ กลายเป็นปัจจัยแทรกซ้อนนอกสภา ที่ถูกนำมาขยายผลบนเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันนั้น

สุดท้ายเกมในสภาของ ปชป.ไม่อาจเอาชนะเสียงข้างมากฝ่ายรัฐบาล
แต่ผลกระทบจากการอภิปรายครั้งนั้นเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ "พล.ร.ต.ถวัลย์" สิ้นสุดจากการเป็นนายกฯ

ข้อกล่าวหาทุจริตฉ้อฉลของรัฐบาล-สภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองต่อเนื่อง-กรณีสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ขมวดเป็นปมที่รัฐบาลไม่สามารถคลี่คลายได้

เป็นเหตุผลให้คณะรัฐประหาร 2490 นำโดย "พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ" (ยศขณะนั้น) ใช้ข้ออ้างดังกล่าวทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาล พล.ร.ต.ถวัลย์ ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490

44 ปีให้หลังในยุคที่การเมืองมีวรรคทองสำคัญคือ "เสียสัตย์เพื่อชาติ" ดังกึกก้องทั่วกระดานการเมือง เป็นวรรคทองของ "พล.อ.สุจินดา คราประยูร" นายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของไทย

เวลานั้นพรรคการเมืองไทยแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว "พรรคเทพ" เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์-พรรคพลังธรรม-พรรคความหวังใหม่-พรรคประชากรไทย
อีกขั้วหนึ่งคือ "พรรคมาร" ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับทหาร คือพรรคชาติไทย-พรรคกิจสังคม-พรรคสามัคคีธรรม
ก่อนที่ "พล.อ.สุจินดา" จะตระบัดสัตย์คำพูดกลางสภา ขณะเดียวกัน "ชวน หลีกภัย" หัวหน้าพรรคนำมวลชนเรียกร้องรัฐธรรมนูญ หลัง รสช.ยึดอำนาจรัฐบาล "พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ" มา 9 เดือน

มูลเหตุมาจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับ รสช.ที่มีเนื้อหาเอื้อให้สืบถอดอำนาจกันเอง

เนื่องจากมีการระบุให้ประธาน รสช.เป็นผู้แต่งตั้งวุฒิสมาชิกจำนวนไม่เกิน 360 คน และให้อำนาจวุฒิสมาชิกมีอำนาจเท่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ข้าราชการประจำเป็นข้าราชการการเมืองได้ และให้ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบพวงใหญ่ เขตละ 7 คน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2534 ฝ่าย "พรรคเทพ" ที่หนึ่งในนั้นคือ ปชป. พามวลชนนับแสนเข้าร่วมชุมนุมใหญ่บริเวณท้องสนามหลวง

การชุมนุมดังกล่าวนำมาสู่เหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ในอีก 6 เดือนต่อมา และเป็นเชื้อให้มีการปฏิรูปการเมือง จนมีรัฐธรรมนูญ 2540 ในที่สุด...

เมื่อปี 2490 ยุค "ควง อภัยวงศ์" เป็นหัวหน้าพรรค อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา 7 วัน 7 คืน กลายเป็นปมสู่การยึดอำนาจ พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาสวัสดิ์ โดยคณะทหาร
เมื่อปี 2534 การปลุกมวลชนลงท้องถนนร่วมกับ "พรรคเทพ" ในยุค "ชวน หลีกภัย" เป็นหัวหน้าพรรค ต่อยอดให้เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ต้องจับตาว่าในปี 2556 ยุคที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เป็นหัวหน้าพรรค ที่มีการปลุกมวลชนลงถนนอีกครั้ง คู่ขนานกับข้อกล่าวหาว่าจงใจทำให้เกมในสภาดุเดือดจะนำไปสู่เหตุการณ์อะไรต่อไป

ที่มา :ประชาชาติธุรกิจ
[Continue reading...]

ชัดเจน ! "ถาวร" ลั่น ยกระดับ 3 ก.ย.นี้ ม๊อบเกษตรทั่วทุกภาคเคลื่อนไหวปิดถนน เตรียมบุกทำเนียบ

- 0 comments
24 ส.ค. 56 นายถาวร  เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะตัวแทนแกนนำของเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลการประชุมของแกนนำเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย 15 คน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า ทางกลุ่มเกษตรกรมีมติร่วมกัน คือ จะทำการยกระดับการชุมนุมในวันที่ 3 กันยายนนี้ โดยใช้ชื่อว่า “สามบวกหนึ่ง” โดยมีกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายชาวสวยยางแห่งประเทศไทยจาก ภาคเหนือ อีสาน ใต้  จะกระจายกำลังปิดถนนสายหลัก ส่วนภาคกลางจะเดินขบวนโดยมีจุดมุ่งหมายที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ละจุดใช้จำนวนคนประมาณ 15,000 คน ทั้งนี้ก็เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาดูแลและแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ หลังดำเนินการยืนเรื่องไปแล้วหลายครั้งแต่ไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาล
นอกจากนี้ นายถาวรยังเปิดเผยว่า สาเหตุที่แกนนำกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ไม่เปิดแถลงการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์นั้น เนื่องจากไม่อยากให้รัฐบาลนำมาเป็นข้ออ้าง ว่าเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทยมีนักการเมืองคอยสนับสนุนหรือมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง และขอฝากรัฐบาล ให้เร่งหาวิธีแก้ไขปัญหาราคายาง และ ผลผลิตการเกษตรกรตกต่ำ โดยเร็วที่สุด เพราะเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง อาจรุนแรงมากกว่าเหตุการณ์การประท้วงของเกษตรกรชาวสวนยางที่ยกระดับการชุมนุมไปก่อนหน้านี้ ที่จ.นครศรีธรรมราช 
ที่มา :ทีนิวส์
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger