Monday, March 3, 2014

จาตุรนต์ ฉายแสง กับท่าที ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา กรณี สปป.ล้านนา

- 0 comments
ธรรมดาผมก็วิจารณ์ผบ.ทบ.บ้างชมบ้างแล้วแต่กรณีไป ผมเพิ่งชมผบ.ทบ.ไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ต้องวิจารณ์ทักท้วงอีกซะแล้ว

ผมคิดว่าที่ผบ.ทบ.ออกมาขึงขังสั่งการให้แม่ทัพนายกองเล่นงานคนเสื้อแดงในข้อหาว่าแบ่งแยกประเทศนั้น ไม่น่าจะเป็นประโยชน์หรือเป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ รวมทั้งไม่เป็นผลดีต่อตัวผบ.ทบ.เองด้วย

การที่คนเสื้อแดงบางคนออกมาพูดเรื่องการแบ่งประเทศนั้น ดูจะเป็นเรื่องของการตัดพ้อเสียมากกว่าที่จะทำอย่างนั้นจริงๆ เข้าใจว่าคนเสื้อแดงจะรู้สึกว่าพวกตนอยู่ในสภาพที่ทำอะไรก็ผิดไปหมด ในขณะที่ฝ่ายสุเทพกับพวกทำอะไรก็ไม่ผิด เขาจึงประชดว่าถ้าอย่างนั้นแบ่งประเทศกันเสียเลยดีไหม

การดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงในเรื่องนี้ก็เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่จะมีผลอะไรเป็นเรื่องที่ต้องใคร่ครวญให้รอบคอบ การที่ใครออกมาพูดลอยๆว่าจะแยกประเทศจะครบองค์ประกอบการกระทำความผิดหรือไม่ ดำเนินคดีไปจะเอาผิดได้จริงหรือ

การที่บางคนพูดว่าจะแยกประเทศเปรียบเทียบกับการที่คนอีกกลุ่มหนึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นกบฏอย่างเปิดเผยครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าไปแล้วพวกที่ประกาศตัวเองเป็นกบฏเสียอีกที่มีการกระทำเป็นกบฏจริงๆและถูกตั้งข้อหาแล้วด้วย แต่ไม่เห็นผบ.ทบ.และพวกทำอะไรกํบคนเหล่านี้บ้าง เห็นพูดแต่ว่าขอวางตัวเป็นกลาง 

การเล่นงานแต่พวกเสื้อแดงในคราวนี้จึงทำให้คำพูดที่ว่าขอวางตัวเป็นกลางหมดน้ำหนักไปเสียเปล่าๆ

ถ้าต้องการจะแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมจริงๆ เวลามีคนออกมาพูดว่าจะแยกประเทศ ผู้ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงควรจะต้องตั้งคำก่อนว่าทำไมเขาจึงออกมาพูดอย่างนั้นกัน หาต้นเหตุให้เจอว่าเป็นเพราะอะไร ถ้าสาเหตุมาจากความไม่ยุติธรรมก็ต้องหาทางให้เกิดความยุติธรรม ถ้าเป็นเพราะบ้านเมืองอยู่ในสภาพกฎหมายไม่เป็นกฎหมายก็ต้องทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ความไม่พอใจของผู้คนก็จะลดลง

ที่สำคัญต้องทำให้ทุกฝ่ายทุกคนมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศเท่าเทียมกัน

การออกมาประกาศขึงขังว่าจะจัดการกับคนที่แยกประเทศจนเป็นเรื่องใหญ่โตเกินจริงยังเป็นเรื่องเสียหายต่อภาพพจน์ของประเทศด้วย ชาวต่างชาติเขาจะรู้สึกว่าเมืองไทยนี้แย่แล้ว มีคนจะแยกประเทศเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด ลำพังการที่สุเทพกับพวกทำผิดกฎหมายสารพัด ก็เสียภาพพจน์แย่แล้ว ยังจะโฆษณาว่ามีขบวนการแบ่งแยกประเทศอีกจะเป็นประโยชน์อะไร

สุดท้ายก็ขอฝากอีกนิดเดียวครับว่ายังไงก็อย่าถึงขั้นเอาเรื่องนี้มาเป็นเหตุข้ออ้างในการยึดอำนาจเลยนะครับ เพราะมันฟังไม่ขึ้น เสื้อแดงเขาเป็นส่วนหนึ่งของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เขาจะไปแบ่งแยกประเทศไปทำไม คนที่พยายามแบ่งประเทศมาหลายเดือนแล้วคือสุเทพกับพวกต่างหาก พวกนี้เขาพยายามแยกประเทศไทยออกเป็น 2 ประเทศ คือประเทศหนึ่งเป็นประชาธิปไตยและกฎหมายเป็นกฎหมายกับอีกประเทศหนึ่งปกครองโดยคนส่วนน้อยและกฎหมายไม่เป็นกฎหมาย

นี่ต่างหากคือปัญหาที่ผบ.ทบ.และแม่ทัพนายกองต้องจัดการมานานแล้ว


ที่มา : เพจ Chaturon Chaisang
[Continue reading...]

Sunday, March 2, 2014

ความวุ่นวายในบ้านเมือง ล้วนแต่เป็นแผนที่ต้องการเข้ามาสู่อำนาจ ของ "ประชาธิปัตย์"

- 0 comments

ขบวนการล้ม "ฝ่ายประชาธิปไตย" เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครอง ทำกันเป็นขบวนการ ล้วนมีการโยงใย กับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น

พรรคประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้ในสนามการเลือกตั้งมาตลอด แทนที่พรรคนี้จะหันมาดูความบกพร่องของพรรคตัวเอง ว่าเพราะเหตุอะไรที่การทำงานของพรรค ไม่เป็นที่ต้องการของคนส่วนใหญ่ของประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ กลับใช้วิธีที่พรรคตัวเองถนัด นั่นคือการใส่ร้ายป้ายสี พรรคที่เป็นคู่แข่งทางการเมือง

สร้างวาทะกรรมเพื่อล้มล้างอีกฝ่าย

แต่ก็ยังพ่ายแพ้เมื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง

ที่เห็นได้ชัดเจน ตั้งแต่ปี 44 เป็นต้นมา

จากพรรคที่เคยอ้างมาตลอดว่า "จะยึดมั่นในระบบรัฐสภา"

กลายเป็นพรรคที่ใช้สภา เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ก่อกวน สร้างความปั่นป่วน เพื่อให้เห็นว่า กระบวนการทางสภา เชื่อถือไม่ได้ โดยการสร้างวาทะกรรม "เผด็จการ" รัฐสภา

ยังเชื่อมโยงไปถึงขบวนการเลือกตั้งว่าไม่ได้เป็นการตอบโจทย์ของการแก้ปัญหา

จากการสร้างความวุ่นวายในสภา ไปสนับสนุน ม็อบต่าง ๆ ให้ออกมาต่อต้าน รัฐบาลเช่น ม็อบชาวสวนยางพารา

การตั้งเวที "ผ่าความจริง"

จากการสนับสนุนม็อบอยู่เบื้องหลัง ก็กลายมาเป็นผู้นำม็อบเสียเอง

พรรคประชาธิปัตย์ ได้โอกาสที่ทางรัฐบาล เสนอ กม.นิรโทษกรรม..สุดซอย

ออกมานำมวลชน ระดมมวลชน

ขณะนั้นแกนนำประกาศชัดเจนว่า "ถ้ารัฐบาลถอน กม.นิรโทษกรรม" ทุกฉบับออกจากสภาการเคลื่อนไหวก็จะยุติ

เมื่อเห็นมวลชนออกมามาก แม้รัฐบาลจะถอย "พ.ร.บ. นิรโทษสุดซอย"

แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับเห็นว่านี่คือโอกาสที่จะคว่ำรัฐบางให้ได้

แม้รัฐบาลจะถอย แต่ ประชาธิปัตย์ เดินหน้าเกินที่จะหยุดได้

นายสุเทพและพวก อีก 9 คน จึงประกาศลาออกจาก ส.ส. มาเป็นแกนนำม็อบ

ด้วยความหวังที่จะคว่ำรัฐบาลจาก องค์กรอิสระ เช่น ปปช ศาลรัฐธรรมนูญ

จึงได้มีการร้องเรียนไปยังองค์กรเห่านี้ หลายเรื่อง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาของ ส.ว. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม. 190 ชี้การโยงใย ถึงผู้ที่ร่วมลงมติ ว่าเป็นการกระทำผิดไปด้วย

ถ้าหากมีการชี้มูลความผิดของ ส.ส. และส.ว.เหล่านั้นจะทำให้ คนเหล่านั้น ร่วม 312 คน ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่

และรวมถึงการชี้มูล กรณีจำนำข้าว ซึ่งส่งผลทำให้นายกและคณะรัฐมนตรี ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปด้วย

ประชาธิปัตย์เห็นโอกาสอีกครั้ง

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จึงประกาศลาออกทั้งหมดโดยอ้างว่า สภาไม่ชอบธรรม

จุดมุ่งหมายเพื่อ เกิดสูญญากาศ ทางการเมืองจะเป็นเหตุให้ได้มาซึ่ง นายก ม. 7 จัดตั้งคณะรัฐบาล ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

รัฐบาลจึงต้องแก้เกมด้วยการประกาศยุบสภา ในตอนเช้า 8.40 น. ของวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เราจึงได้เห็นการตอบรับขององค์กรอิสระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ปปช. ก็ออกมาในทางเดียวกัน คือต้องการให้เกิดสูญญากาศทางการเมือง หรือเกิดความวุ่นวาย เพื่อให้ทหารเข้ามาทำรัฐประหาร

จะเห็นได้จากการก่อความวุ่นวายของม็อบประชาธิปัตยใน 3 เดือนที่ผ่านมา

ล้วนแต่เป็นความต้องการที่จะเข้ามาสู่อำนาจของ พรรคประชาธิปัตย์ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง

เพียงหวังเพื่ออำนาจของพรรคตัวเอง

อนิจจา....

[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger