Thursday, October 31, 2013

อภิสิทธิ์ ชี้ ไม่มีรัฐบาลไหนที่จะจำกัดสิทธิ์ผู้ชุมนุมตามกฏหมาย สงบและปราศจากอาวุธ

- 0 comments
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้อภิปราย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในส่วนของคำปรารภ ได้กล่าวช่วงหนึ่งของการปอภิปรายว่า "ไม่มีรัฐบาลไหนที่จะจำกัดสิทธิ์ ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ที่ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะนิรโทษ ได้เฉพาะผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งทางการเมือง แต่ไม่ควรนิรโทษกรรมให้กับคนที่ทำผิดกฏหมาย ทำผิดกฏหมายอาญา ผู้ที่มีส่วนในการสั่งฆ่าประชาชน แต่จะเป็นใครนั้น ก็ดูตอนมีมติรับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ นั่นคือผู้ที่มีส่วนทำให้คนบาดเจ็บเสียชีวิต สำหรับกระผมเองและคุณสุเทพ ก็ได้เข้าสู่กระบวนการนี้เพื่อพิสูจน์ ในชั้นศาล ว่าในที่สุดแล้วมีความผิดหรือไม่ ถ้าหากว่าผมและคุณสุเทพถูกตัดสินว่ามีความผิด จะได้เป็นบรรทัดฐานว่า ใครมาเป็นผู้ปกครองจะทำอย่างผมและคุณสุเทพไม่ได้"

ในคำสุดท้ายของคำพูดนี้ แสดงว่า นายอภิสทธิ์ ยอมรับในทีว่าเป็นผู้สั่งให้ทหารออกมาฆ่าประชาชนจริง ก็เพราะว่า ผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมาย ไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ และมีอาวุธ

นั่นหมายถึงว่า ที่มีคนบาดเจ็บเป็นพันและตายร่วมร้อย ก็เพราะผู้ชุมนุม มีอาวุธ ทำผิดกฏหมาย สามารถสั่งทหารออกมาฆ่าได้โดยไม่มีความผิด

ด้วยเหตุนี้ ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามบอกกับสังคมว่า การกระทำของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพไม่มีความผิด

และขณะนี้ ก็กำลังตีกิน โดยบอกว่าถ้าทำผิดจริง จะต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษฉบับนี้ได้อย่างไร
[Continue reading...]

Wednesday, October 30, 2013

ในที่สุด สุเทพ ก็ได้ "ข้ออ้าง"ในการเป่านกหวีด

- 0 comments
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้นำ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประมาณ 50 คนอ่านคำแถลงการคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม  ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าอาคารรัฐสภา 1 

นายสุเทพกล่าวว่า "ขอประกาศว่ากลุ่มส.ส. นำโดยผม จะร่วมกับประชาชนทั่วประเทศเคลื่อนไหวต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้มข้น เบื้องต้นขอเชิญชวนคนไทยออกมาชุมนุมที่สถานีรถไฟสามเสน วันที่ 31 ต.ค. เวลา 18.00 น. จากนั้น จะร่วมกับข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า นักธุรกิจ และชาวไทยทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศและทั่วโลก ยกระดับการเคลื่อนไหวจนกว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะยอมยกเลิกร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯ ดังกล่าว" 

และได้อ้างว่าการกระทำดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์

ในขณะที่การพูดของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์บนเวทีผ่าความจริง หลาย ๆ ครั้ง ก็มีการปลุกระดมให้ประชาชนต่vต้านรัฐบาลอยู่ทุกครั้ง (คลิกดูรายละเอียด)

ในความเป็นจริงไม่ว่าจะมี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะระดมคนออกมาโค่นล้มรัฐบาลอยู่แล้ว

เพียงแต่น้ำหนักของเหตุผลไม่เพียงพอ

อย่าเมื่อครั้งที่ พ.ร.บ.นิรโทษฉบับนี้เข้าสู่สภา พรรคประชาธิปัตย์ ก็จัดการปราศรัยข้ามคืน ในวันที่ 6 สิงหาคม 2556 เพื่อต้องการ นำมวลชนบุกรัฐสภา ในวันที่ 7 ผลออกมาคือ คนน้อยเกินกว่าที่จะแสดงพลังได้

ครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ดูมีความมั่นอกมั่นใจว่าจะระดมคนได้เป็นหมื่อคน เพราะประชาธิปัตย์ สั่งให้ ส.ส. ของพรรคแต่ละพื้นที่มีการระดมคน ออกมาอย่างเต็มที่

ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเสียงนกหวีดครั้งนี้จะดังจริงหรือไม่
[Continue reading...]

ปชป.เปิดเกมข้างถนน เดินหน้าชน "รัฐบาล" ต้านนิรโทษกรรมสุดซอย

- 0 comments
ในที่สุดประชาธิปัตย์ก็ต้องออกมานำทัพด้วยตัวเองในการต่อต้านรัฐบาล โดยมี ส.ส. 4 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคได้ยื่นหนังสือลาออกเพื่อป้องกันการเชื่อมโยงไปสู่การยุบพรรค ซึ่งนำโดยนายกรณ์ จาติกวณิช นายถาวร เสนเนียม นายอิสระ สมชัย และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู

ได้มีการนัดชุมนุมกันที่สถานีรถไฟสามเสน ในช่วงตั้งแต่เย็นวันนี้ และดูจำนวนมวลชนที่จะออกมาร่วมเสียก่อน พื่อจะได้มีการตัดสินใจในวันที่  31 ต.ค. 56  ว่าจะนำมวลชนไปปิดล้อมรัฐสภาเพื่อไม่ให้เกิดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวาระ 2 และ 3  หรืออาจจะมีการไปรวมตัวกับกลุ่มม็อบที่แยกอุรุพงษ์ (คปท.)

พรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะหาประเด็นเพื่อชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นม็อบยางภาคใต้ ม็อบสวนลุม ม็อบอุรุพงษ์ ก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น

เพียงแต่ยังไม่เปิดหน้าอย่างชัดเจนอย่างครั้งนี้

นี่คือการแสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ในระบบรัฐสภา ในวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย

เพราะพรรคประชาธิปัตย์รู้ดีว่า ยากที่จะเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ในระบอบปกติที่ผ่านการเลือกตั้ง

จากการที่เคยประกาศว่า "จะยึดมั่นในระบอบรัฐสภา" ก็กลายมาเป็นผู้นำม็อบเสียเอง

การเมืองต้องแก้ด้วยวิถีแห่งการเมือง

ถ้าประชาธิปัตย์ยังก้าวข้าม ไม่ได้

ก็ถือว่าเป็นยุดตกต่ำที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์
[Continue reading...]

Tuesday, October 29, 2013

เสี้ยมอย่างไรก็ไม่สำเร็จ...รู้ไว้ด้วย..มาร์ค

- 0 comments
ปรากฏการณ์ของนิรโทษกรรม "เดินสุดซอย" ฉบับของนายประยุทธ์ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้โอกาส โดยเฉพาะนยอภิสิทธิ์ และนายชวนนท์ หวังที่จะโยนระเบิดลงกลางหมู่คนเสื้อแดง หวังว่าระเบิดลูกนี้จะสามารถทำลายความสัมพันธ์ ระหว่างคนเสื้อแดง นปช. และพรรคเพื่อไทย

แต่ระเบิดลูกนี้ไม่ทำงาน แค่นั้นยังไม่พอดูเหมือนว่าจะระเบิดใส่ผู้ที่โยนอีกต่างหาก

การที่ทั้งคนเสื้อแดงและนปช.ส่วนหนึ่งออกมาต่อต้าน นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย

เขาไม่ได้ต่อต้านการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ร่วมชุมนุม

เขาไม่ได้ต่อต้านการที่จะนิรโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

แต่เขาไม่ต้องการให้คนที่สั่งฆ่าประชาชนอย่างนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ พ้นผิด

อย่างไรระหว่างคนเสื้อแดง นปช.และพรรคเพื่อไทย ล้วนเป็นหมู่มิตร

อาจจะมีความคิดต่างกันบ้างแต่ใช่ว่าจะแตกแยก

หมู่มิตรมีอะไรพูดคุยกันได้

การที่เสี้ยมเพื่อหวังให้คนเสื้อแดงและนปช.ไปร่วมฝักฝ่ายกับประชาธิปัตย์...เป็นการคิดผิด

ต่อให้ในประเทศนี้ไม่มีพรรคเพื่อไทย ไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ประชาธิปัตย์ก็ได้แต่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ

เพราะความหวังนั้นเป็น " 0 "

เพราะพวกเขาล้วนรู้เช่นเห็นชาติ

ของคนในพรรคประชาธิปัตย์ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง

อย่าคิดเสี้ยมเสียให้ยาก
[Continue reading...]

Monday, October 28, 2013

อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง อภิสิทธิ์ - สุเทพ กรณีสั่งทหารสลายการชุมนุมเสื้อแดง เหตุคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บเป็นพัน

- 0 comments
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดใน "สังคม" ไม่ใช่ "คนทำชั่วมากขึ้น" หรือ "คนทำดีน้อยลง" แต่อยู่ที่ "คนเราแยกแยะไม่ออกว่าอะไรชั่ว...อะไรดี

ข้อความนี้ สามารถนำมาเทียบเคียงได้กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะในขณะที่ทั้ง 2 คน ดำรงตำแหน่งนายกฯและรองนายกฯ มีการใช้กำลังทหารออกมาปราบปรามประชาชน อย่างรุนแรง ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ของกองทัพเต็มอัตราศึก มีการเบิกกระสุนออกมาใช้ยิงประชาชนเป็นแสนนัด จนทำให้มีประชาชนบาดเจ็บเป็นพันและล้มตายร่วมร้อย

แต่ทั้ง 2 คนไม่เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันยังใส่ร้ายป้ายสีว่าคนเหล่านั้นเป็นผู้ก่อการร้ายยมควรใช้กระสุนจริง

ถึงขนาดเขียนประกาศพื้นที่ใช่กระสุนจริงในเขตเมืองหลวงของประเทศไทย

แต่ในขณะเดียวกันขณะที่ทั้ง 2 คนนี้เป็นฝ่ายค้าน มีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 51 มีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม 2 ราย

ที่เป็นผู้ชาย ตายด้วยระเบิดจากในรถของตัวเอง

อีกคนที่เป็นผู้หญิง แต่จากการพิสูจน์ ไม่ได้ตายด้วยแก้สน้ำตาที่ทางตำรวจใช้ คลิกดูรายละเอียด

นายอภิสิทธิ์ ทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้น ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ

แต่สำหรับคดีสั่งสลายการชุมนุม ปี 53 มีคำสั่งศาลออกมาหลายคดีว่าผู้ชุมนุมเสียชีวิตการกระสุนของเจ้าหน้าที่ ที่ออกมาปฏิบัติตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ

พออัยการสูงสุดสั่งฟ้องในกรณีดังกล่าว บอกว่ารัฐบาลเอาคดีนี้มาเพื่อต่รอง พ.ร.บ.นิรโทษ และยังจะต่อสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

คำถามบริสุทธิ์จากอะไร

เพราะประชาชนก็ตายจริง

ตายจากกระสุนของเจ้าหน้าที่ทหาร

ซึ่งออกมาโดยคำสั่งของนายอภสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ ในฐานะรองนายกที่รับผิดชอบ ศอฉ.

คนที่ชั่วโดยสันดานมักจะไม่เห็นความผิดของตัวเอง
[Continue reading...]

Wednesday, October 23, 2013

คิดให้ดี ก่อนที่จะเดินสุดซอย ว่าทิ้งใครไว้ข้างหลังหรือไม่

- 0 comments
ประเด็นร้อนอีกเรื่องของสัปดาห์นี้ ก็คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเมื่อกรรมการพิจารณาร่างได้ทำการแก้ไข มาตรา 3  ตามมติเสียงข้างมาก ซึ่งจะผิดจากเจตนารมณ์เดิมของร่างที่นายวรชัย เหมะเสนอ

นั่นคือการที่จะนิรโทษให้กับทุกฝ่ายเสมอกัน

เหตุผลคือ คณะกรรมการยกร่างเสียงข้างมากมีความเห็นว่า ร่างของนายวรชัย จะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 30 คลิกดูรายละเอียด กฏหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 30

และได้อ้างถึงการปฏิวัติทุกครั้งในอดีตก็จะมีการนิรโทษทุกครั้ง
คลิกฟังคลิปของนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย /เลขานุการคณะกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

คลิกดูข่าว "ภูมิธรรม"บอกไม่ถอยเดินสุดซอย

แต่คณะกรรมการคงลืมไปว่า คณะปฏิวัติปี 49 ได้นิโทษให้กับตัวเองแล้วในรัฐธรรมนูญมาตรา 309

ถ้าจะนิรโทษให้กับทุกฝ่ายจริง ผลที่ได้คือผู้สั่งฆ่าประชาชนในปี 53 ก็จะพ้นผิดด้วย

จึงเป็นเหตุให้ญาติวีระชน ออกมาแถลงการคัดค้าน

แม้กทั่งแกนนำ นปช.เช่นนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 3 ในครั้งนี้

อีกประการหนึ่งถ้าหากว่า คณะกรรมการพิจารณายกร่างมีความเห็นว่า ร่างของนายวรชัย จะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 นั้น ก็เป็นการวิตกไปก่อนล่วงหน้ามากกว่า

เพราะอันที่จริง ขบวนการยุติธรรมหลังจากการปฏิวัติ ปี 49 ก็ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 อยู่ตลอดเช่นกัน

ส.ส.พรรคเพื่อไทย อย่าคิดว่าการพิจารณาแก้มาตรา 3 ของร่าง พ.ร.บ.แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น

ความปรองดองจะหวนกลับคืนมา

บ้านเมืองจะกลับสู่ภาวะปกติ

เป็นการฝันกลางวันชัด ๆ
[Continue reading...]

Tuesday, October 22, 2013

ความจริงอีกด้าน "คดียึดทรัพย์" 4.6 หมื่นล้าน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาจากการขายหุ้นชินคอร์ป

- 0 comments
กระแสที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังโหมกระพือในขณะนี้คือ เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อยู่ในวาระของกรรมาธิการว่าอาจจะมีการคืนเงินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 4.6 หมื่นล้านพร้อมด้วยดอกเบี้ย

โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ชี้ประเด็นว่า ต้องเอาเงินจากคลัง เงินจากภาษีของประชาชน

ก่อนอื่นต้องไปดูที่มาของการยึดทรัพย์ด้วยข้อหาว่าร่ำรวยผิดปกติของนักการเมือง

เงินที่ถูกศาลมีคำสั่งยึดคือเงินที่ได้มาจากการขายหุ้น ชินคอร์ปประมาณ 1,487 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณถือครองมาก่อนที่จะเข้าสู่การเมือง

ซึ่งในความเป็นจริง จำนวนหุ้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนตรงราคาหุ้นที่ขยับขึ้นลงตามราคาตลาดเท่านั้น

ก่อนที่ พ.ต.ท.เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทุกตัวอยู่ในระดับต่ำ

หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศได้ซักระยะหนึ่ง กระดานหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีค่าเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่ของชินคอร์ป หุ้นตัวอื่นก็มีราคาเพิ่มเช่นกัน เช่น ปตท. ปูนซิเมนต์ไทย ราคาล้วนสูงกว่าชินคอร์ป

การที่มูลค่าที่ได้จากการขายหุ้นให้กับเทมาเส็กเพิ่มจากราคา ก่อนที่เข้ารับตำแหน่ง ก็เป็นเรื่องปกติของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ย่อมมีมูลค่ามากขึ้นเป็นธรรมดา คลิกดูบทความส่วนตัวของ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

ความผิดที่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าจะมีหลายกรณี ศาลปกครองยกฟ้องยกเว้น แต่ ชี้มูลและพิพากษา เพียงเรื่องหุ้นชินคอร์ปเท่านั้น คลิกดูรายละเอียดคำพิพากษาที่ เว็บไซด์ ปปช.นำมาเผยแพร่ ดูที่ย่อหน้าที่ 3


ดังนั้น คำที่ว่าร่ำรวยผิดปกติ ได้มาจากการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่

เป็นเรื่องที่น่าคิด


[Continue reading...]

Monday, October 21, 2013

อภิสิทธิ์ อ้างผลการสำรวจ ม. หอการค้าไทยว่า"รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการทุจริต 2.35แสนล้าน ขณะที่ ปลายปี 53 ก็ระบุว่าจ่าย 30 %

- 0 comments
วันนี้ (21 ตุลาคม 56) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะชี้ผ่านบลูสกายว่า รัฐทำให้สูญเสียเงิน 2.35 แสนล้านบาท จากการทุจริตค่าหัวคิว ตัวเลขได้จากการสำรวจของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

โดยทางพรรคประชาธิปตย์ ได้เชิญชวนให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นว่า ถ้าประเทศมีเงินอีกปีละ 2.35 แสนล้านบาท ประชาชนอยากจะได้อะไร โดยสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านทาง เฟสบุค แฟนเพจของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 28 ตุลาคม ซึ่งเราจะรวบรวมความเห็นต่างๆ นำไปรณรงค์ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการคอร์รัปชั่น รวมทั้งนำไปสู่การนำเสนอนโยบายในวาระประชาชน 2.0 ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้างในเรื่องของการทุจริต คอร์รัปชั่น
คลิกดูรายละเอียดของข่าว
คลิกดูรายละเอียดผลสำรวจ

ในขณะเดียวกัน เมื่อปลายปี 53 ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มีการสำรวจแบบนี้เหมือนกัน โดยระบุว่า มีการทุจริต จ่ายค่าหัวคิว ไม่น้อยกว่า 30 % เช่นกัน

คลิกดูผลสำรวจปลายปี 53

หมายเหตุเนื้อหาไม่ได้แตกต่างกันเลยกับปีนี้

[Continue reading...]

Sunday, October 20, 2013

"สุเทพ" ปลุกระดมให้ "ปชช." ยึดศาลากลาง ยึดอำนาจรัฐ

- 0 comments
การเมืองร้อนแรงขึ้นมาทันที หลังจากศาลโลกนัดวันอ่านคำพิพากษามาเป็นวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ควบคู่ไปกับ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมจะเข้าสู่วาระ 3

เวทีผ่าความจริง ที่สนามหลวง 2 เขตทวีวัฒนา แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ดาหน้าออกมาคัดค้านเริ่มจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวตอนหนึ่งของการปราศรัยว่า "ผมไม่รู้ว่าคุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) จะเป่าหรือไม่เป่านกหวีด แต่ผมขอบอกว่า 1.จังหวะเวลานี้พี่น้องที่อยู่ที่นี่เข้าใจแล้ว รู้แล้ว แต่ต้องคำนึงถึงคนจำนวนมากที่ยังไม่รู้ ต้องบอกต่อไปให้มากที่สุด กลับไปบ้านก็ไปชวนคนอื่นมา และ 2.การต่อสู้ครั้งนี้ ว่าไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นการต่อสู้ของประชาชนและพรรคการเมืองก็เป็นส่วนหนึ่งของประชาชนสิทธิต่อสู้ตามวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ ขอให้พวกเราไปหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวให้มีพลังในการต่อสู้ วันนั้นเรามีกลุ่มการเมืองที่ต่อสู้อยู่แล้วทั้งที่สวนลุมพินี และแยกอุรุพงษ์ ผมเชื่อว่าในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ถ้ารู้ว่ากำลังจะล้างผิดให้กับคนโกง ผมเชื่อว่ามีคนอีกเป็นแสนเป็นล้านที่พร้อมจะออกมาต่อสู้อย่างมีเอกภาพมีพลัง" คลิกดูรายละเอียดจากมติชน

สำหรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นเวทีปลุกระดมประชาชน ให้ออกมาต่อต้าน คนที่อยู่ต่างจังหวัด ให้ไปยึดศาลากลางจังหวัด ไล่ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ กลับบ้าน ให้ประชาชนไปทำหน้าที่แทน พร้อมกับประกาศพร้อมนอนข้างถนนจนกว่าได้รับชัยชนะ คลิกดูรายละเอียด จากข่าวสด คลิกดูข่าวจากแนวหน้า คลิกดูข่าวจากบ้านเมือง


สำหรับนายนิพฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จังหวัดพัทลุง ให้สัมภาษณ์รายการเจาะข่าวเช้านี้ (วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556)ทางสถานีวิทยุจุฬาฯถึงกรณีการนัดชุมนุมเพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า การเป่านกหวีดนัดประชาชนมาชุมนุมต้องมีสถานการณ์ที่สุกงอม แต่วันนี้มีการแก้กฎหมายชนิดทะลุซอย เพราะเดิมครอบคลุมแค่ชุมนุมทางการเมืองแต่วันนี้่รวมไปถึงคดีทุจริตด้วย  และการชุมนุมก็ต้องมีการกดดันจากเบาไปหาหนัก โดยจะเชิญพี่น้องมาชุมนุม เราคาดว่าเริ่มต้นจะมีคนมาร่วม 100,000 คน ส่วนสถานที่ยังไม่บอก และไม่ว่าจะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงเราก็จะชุมนุม
 
          "ผมว่าเที่ยวนี้แตกหัก รัฐบาลต้องยุติเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นเราอยู่ร่วมกันในสังคมไม่ได้"นายนิพิฏฐ์กล่าว

 
          นายนิพิพฏฐ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นมติพรรค ตนพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เพราะเรื่องดังกล่าวผิดกฎหมายและอาจจะนำไปสู่การยุบพรรค ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่เข้าสู่การประชุมพรรค คลิกดูรายละเอียดจากคมชัดลึก

 
[Continue reading...]

Saturday, October 19, 2013

เป่าเลยนกหวีด "'นิพิฏฐ์" ไม่ต้องขู่ ดูว่าใครจะเดินตามบ้าง

- 0 comments
วันที่ 19 ตุลาคม 2556 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์  ออกมาขู่ จะเป่านกหวีดหาก "พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ผ่านวาระ 3 ไปได้ พรรคประชาธิปัตย์ จะนำทัพค้านเอง เตือนไปทางรัฐบาล ต้องรับผิดชอบ หาก ประชาชน  เกิดขัดแย้งอย่างรุนแรง

โดยอ้างว่าจะทำให้คดี ที่ดินรัดา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะพ้นผิด สำหรับคดีนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีนักกฏหมายอยู่เต็มพรรค ว่าคดีนี้ ผิดได้อย่างไร   เมื่อมูลเหตุ ผู้ซื้อ ผู้ขายไม่ผิด และที่ดินก็คืนให้กับทางกองทุนฟื้นฟูไปแล้ว แถมได้ดอกเบี้ยอีกต่างหาก งงจริง ๆ ว่าผิดตรงไหน ถ้าเปรียบเทียบกับคดีที่ ส.ส.พรรคประชาธิตย์ ใช้ปืนกระหน่ำยิงคนในปั้มน้ำมัน แถมเอาเท้าเหยียบหัวผู้ตายอีกต่างหากหลักฐานก็มี นายนิพิฏฐ์ กระโดดป้องเต็มที่  อย่างนี้ผิดเต็ม ๆ เป็นฆาตรกรฆ่าคน ประชาธิปัตย์เงียบ ไม่พูดถึง

เรื่องคดีร่ำรวยผิดปกติ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท คดีนี้ก็ไม่เป็นธรรม ยึดเขาได้ แต่ไม่อยากให้คืน

ก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่า ถ้าเอาจริง ๆ ใครจะมาเดินตามด้วยใจจริง ๆ ซักกี่คน

เพราะพอถึงเวลา ประชาธิปัตย์กระโดดหนีก่อนทุกที

ยกตัวอย่าง พ.ธ.ม. ต่อสู้จน ประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล แล้วก็ถีบหัวส่ง จน สนธิประกาศไม่เผาผีจนถึงทุกวันนี้

เอาง่าย คดีเดินล้ำแดนเขมร วีระ-ราตรี ติดคุก แต่ช่วยส.ส.พรรคตัวเองกลับมาคนเดียวและไม่ใส่ใจอีกเลย

การชุมนุมของม็อบยางที่ภาคใต้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ดำเนินการ แต่พอเรื่องจะเข้าตัวเอง ก็ออกมาปฏิเสธ

กรณีเดินเท้ามาสภาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 56 ก็ทิ้งคนที่เดินมาส่งให้เคว้งคว้าง สู้ "ปูเค็ม" ก็ไม่ได้ 

ด้วยเหตุนี้ ถ้าคนเข้าใจ และเห็นพฤกติกรรมของประชาธิปัตย์ที่ผ่าน ๆ มา ก็ยากที่จะร่วมมือด้วย

ที่มา : ไทยรัฐ
[Continue reading...]

Friday, October 18, 2013

"ประณาม" การทำหน้าที่ของกรรมการสิทธิ์...ไม่เป็นกลาง

- 0 comments
เรื่องที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิ์ฯ และประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เตรียมเชิญตัวแทนรัฐบาลชี้แจงในสัปดาห์หน้า 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.รัฐบาลได้ยึดหลักยุติธรรมและเป็นธรรมในการบริหารจัดการหรือไม่ 2.กรณีที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ สอดคล้องกับกฎหมายหรือไม่ และ 3.รัฐมีการใช้กฎหมายใดที่ละเมิดสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
การทำหน้าที่ของกรรมการสิทธิ์ ที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่ในความเป็นกลาง และดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง
ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่แค่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงอย่างเดียว ใช้มาตรการรุนแรงถึงขนาดประกาศ พ.ร.บ.ฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรง เพื่อที่จะให้ทางกองทัพมาจัดการ ควบคุมม็อบที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ขณะที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เข้าสลายการชุมนุม ที่ สี่แยกคอกวัว 10 เมษายน 53 นั่นก็มีการกระทำเกินกว่าเหตุ ถึงขนาดใช้เฮลิค็อปเตอร์ โปรยแก็สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม จนถึงใช้อาวุธร้ายแรงเข้าปราบปราม มีประชาชน ล้มตายร่วมร้อย บาดเจ็บเป็นพัน กรรมการสิทธิ์ชุดนี้มองไม่เห็น ทำเป็นไม่รู้ข่าวสาร ทั้ง ๆ ที่ข่าวการสลายการชุมนุม ดังไปทั่วโลก
นายแพทย์นิรันทร์ และพวก ไม่เคยออกมาห้ามปราม แถมมีรายงานออกมาทีหลังว่าการปราบปรามผู้ชุทนุมในสมัยนั้น "ชอบด้วยกฏหมาย"
 
การชุมนุมของขบวนการต่อต้านรัฐบาล แสดงความรุนแรงในการปราศรัย และการกระทำ จะบุกสถานที่สำคัญของบ้านเมือง 
รัฐบาลจึงมีความชอบธรรมที่จะประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ เพราะคนกลุ่มนี้ เคยสร้างวีระกรรม ยึดทำเนียบ ยึดสนามบินมาแล้ว
กรรมการสิทธิ์ฯ จะคอยให้กลุ่มคนเหล่านี้มีการกระทำเช่นนั้นก่อนแล้วค่อยจัดการทีหลัง มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
กรรมการสิทธิ์ ควรทำหน้าที่ให้สมกับชื่อหน่วยงาน ที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ
ไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ที่สำคัญ รัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้นำกำลังทหาร ไม่ได้นำอาวุธ มาปราบปรามประชาชน ใช้เพียง ตำรวจ และทำตามพื้นฐานของการควบคุมฝูงชน ตามหลักสากล จริง ๆ
ที่มา : ไทยรัฐ

[Continue reading...]

Thursday, October 17, 2013

รมว.พาณิชย์ "เผย" ไทยสามารถระบายข้าว 7 - 8 ล้านตัน ได้ในปี 56

- 0 comments
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับบริษัทผู้นำเข้าข้าวจากรัสเซีย โดยยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ขายข้าวแข่งและตัดราคากับภาคเอกชน แต่จะดูแลให้เกิดความเป็นธรรมในราคาที่ยุติธรรม โดยวางเป้าหมายที่ให้รัสเซียเป็นศูนย์กลางการกระจายข้าวไปยังกลุ่มประชาคมรัฐเอกราชหรือซีไอเอส 12 ประเทศ เพราะรัสเซียบริโภคข้าวค่อนข้างน้อยและยังมีการปลูกเองในประเทศอีก 5-6 แสนตัน ดังนั้นจึงไม่ได้วางให้รัสเซียเป็นเป้าหมายหลักมากนักแต่จะเน้นการขยายต่อไปยังกลุ่มซีไอเอสมากกว่า ขณะเดียวกันได้เสนอขายสินค้าเกษตรอื่น ๆ ด้วย เช่นปาล์มน้ำมัน รวมถึงหม้อหุงข้าว เพราะคนรัสเซียยังหุงข้าวโดยใช้วีธีแบบเดิม ๆ จึงทำให้ได้ข้าวสวยที่รับประทานแล้วไม่อร่อยและไม่มีคุณภาพ

ส่วนการหารือร่วมกับบริษัทโรสเท็กซ์ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของรัสเซียที่ดูแลในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ได้ข้อตกลงเบื้องต้นร่วมกันที่จะขยายความร่วมมือทั้งการซื้อยางพาราจากไทย เพื่อนำมาผลิตสินค้าในรัสเซียและการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตยางพาราในไทย โดยปัจจุบันโรสเท็กซ์ซื้อยางพาราจากไทยอยู่แล้วประมาณ 5 หมื่นตัน ซึ่งจะพยายามผลักดันให้เพิ่มเป็น 3 แสนตันเพื่อรองรับความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ของรัสเซีย โดยในเดือนตุลาคมนี้รัสเซียจะส่งทีมงานมาเจรจาและดูพื้นที่ที่เหมาะสมในการก่อสร้างโรงงานผลิตยางพาราในไทยด้วย โดยทั้งหมดจะดำเนินการเพื่อนำไปสู่การลงนามในเอ็มโอยูในช่วงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้

นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวด้วยว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องการระบายสต๊อกข้าวสารในโครงการรับจำนำของรัฐบาล นั้น ล่าสุด อยู่ระหว่างเจรจาขายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลให้กับอีก 2-3 ประเทศ รวมยอดคำสั่งซื้ออีกประมาณ 1 ล้านตัน เพื่อส่งมอบภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี โดยเชื่อว่าในเร็ว ๆ นี้จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดได้ เมื่อรวมกับการขายข้าวให้จีนอีก 1.2 ล้านตัน ที่เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายในเดือนตุลาคม นี้ รวมถึงการส่งมอบข้าวให้กับอิหร่านอีก 2.5 แสนตันภายใน 6 เดือน ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ รวมทั้งก่อนหน้านี้ได้มีการขายข้าวไปแล้วกว่า 4 ล้านตัน ทำให้มั่นใจได้ว่าในปี 56 นี้ ไทยจะส่งออกข้าวทั้งในส่วนสต๊อกของรัฐและของภาคเอกชนรวมกันแล้วประมาณ 7-8 ล้านตัน ตามเป้าหมายที่กำหนดแน่นอน.

ที่มา  : เดลินิวส์

[Continue reading...]

หม่อมอุ๋ย "คนเก่ง" เคยทำตลาดหนุ้น ร่วง 108 จุด เงินหายไป 8 แสนล้าน ภายในวันเดียว

- 0 comments
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือรัฐบาลที่เข้ามาจากการปฏิวัติ ได้ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกรับจำนำข้าว แนะจ่ายประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน
คลิกดูรายละเอียดของข่าว

โดยปกติ ผู้ที่จะแนะนำผู้อื่น ตัวเองต้องเก่งและเชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ

ซึ่งขณะที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการสกัดเก็งกำไรเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดให้สถาบันการเงินที่รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ต้องกันเงินสำรองเป็นเงินตราต่างประเทศไว้จำนวนร้อยละ 30 ของเงินตราต่างประเทศดังกล่าว ส่วนที่เหลือร้อยละ 70 ให้รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทให้แก่ลูกค้า 30 % ให้รับคืนได้หลังจาก 1 ปี และถ้าจะนำเงินออก ต้องเสียอีก 10 %
คลิกดูรายละเอียดของข่าว

มาตรการนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้นไทยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม อย่างหนัก 

ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับลดลงทันทีที่ตลาดเปิดซื้อขาย จากนั้นมีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเวลา 11.29 น.ดัชนีปรับลดลงเกินกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องหยุดซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที ตามระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ และเปิดทำการซื้อขายรอบใหม่อีกครั้งเวลา 11.59 น.แต่ก็ยังมีแรงเทขายออกมาไม่หยุด ซึ่งในช่วงบ่ายดัชนีหุ้นไทยไหลรูดลงไปต่ำสุดที่ระดับ 587.92 จุด ลดลงถึง 142.63 จุด คิดเป็น 19.52% เกือบจะต้องหยุดการซื้อขายตามระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์เป็นครั้งที่สอง 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นได้เริ่มมีแรงช้อนซื้อกลับเข้ามา ผลักดันดัชนีปรับขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 622.14 จุด ลดลง 108.411 จุด คิดเป็น 14.84% มูลค่าการซื้อขายรวม 72,131.55 ล้านบาท โดยเมื่อจำแนกการซื้อขายรายกลุ่มพบว่า นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ 25,121.58 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,895.52 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปมียอดซื้อสุทธิ 28,017.10 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 4.63 ล้านล้านบาท ลดลงไปถึง 8.2 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5.45 ล้านล้านบาท 


ทำให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาอัดยับในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์  คลิกดูรายละเอียด

ก็ถือว่าเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่งที่สามารถทำให้เงินหายไปจากตลาดถึง 8 แสนล้านบาทภายในหนึ่งวัน

 

[Continue reading...]

การประกันราคาของพรรคประชาธิปัตย์ สุจริต โปร่งใส ไม่โกง ชาวนาได้กำไร ?

- 0 comments
จากประเด็น Hot  ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (หม่อมอุ๋ย) ส่งจดหมายเปิดผนึกให้นายกทบทวน นโยบายจำนำข้าว  เห็นว่าจากการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สร้างความสูญเสียทางงบประมาณไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000ล้านบาท แต่มีชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวใช้ช่องโหว่ทำการคอร์รัปชั่นหาประโยชน์ไปมากกว่า 110,000 ล้านบาท

ขณะที่ทางนายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาขาดทุนไม่ถึง 425,000 ล้านบาท ตามที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร นำตัวเลขมาชี้แจงแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดความโปร่งใส และมีช่องว่างให้เกิดการทุจริต  โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า รัฐบาลสูญเสียเม็ดเงินให้กับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวสูงถึง 115,831 ล้านบาท นั้นสามารถตรวจสอบได้ว่าชาวนาได้รับเงินจากการนำข้าวเข้าโครงการรับจำนำเต็ม 100%​ ทุกราย  เพราะตามเงื่อนไขระบุชัดเจนว่าเมื่อชาวนานำข้าวเข้าโครงการรับจำนำต้องมีใบรับรองที่จะได้จากการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งจะระบุน้ำหนักข้าวและจำนำข้าวที่เข้าโครงการชัดเจน ส่วนเงินที่ชาวนาจะได้รับจากการนำข้าวเข้าร่วมโครงการจะกำหนดในใบประทวน  ซึ่งชาวนาจะต้องนำใบประทวนไปเบิกกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ธ.ก.ส. จะนำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของชาวนา ไม่ได้เบิกจ่ายในรูปแบบของเงินสด  ดังนั้น เม็ดเงินจึงไม่รั่วไหลไปไหนอย่างแน่นอน  โดยยืนยันว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้ 

 
นโยบายจำนำข้าวกับการเสียแชมป์ของไทย?

อวสานแชมป์ ภาพจากกรุงเทพธุรกิจ
หลายท่านอาจภูมิใจกับตำแหน่งนี้มากเพราะคิดว่าการส่งออกข้าวได้มากชาวนาก็จะได้เงินมากขึ้น แต่จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าการส่งออกอันดับ 1 ของโลกนั้นได้มาซึ่งการกดราคาข้าวจากพี่น้องเกษตรกร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกันรายได้ช่วยส่งเสริมให้พ่อค้าคนกลางกดราคาข้าวให้ถูกลง
ถามว่า ชาวนาจะภูมิใจกับตำแหน่งดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน? หากตนเองขายข้าวได้ในราคาที่ถูกเพื่อจะไปแข่งขันกันด้านราคาให้ประเทศไทยได้แชมป์ส่งออกข้าว

ในสถานการณ์ปัจจุบันราคารับจำนำข้าวของไทยแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน หากราคาข้าวในตลาดโลกไม่ขยับไทยอาจจะต้องเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่  ในขณะที่ชาวนาจะได้เงินมากขึ้นเพราะราคารับจำนำข้าวที่สูงขึ้น ซึ่งอาจจะต้องโยนคำถามกลับไปที่ชาวนาในฐานะผู้ปลูกข้าวว่าการรักษาแชมป์ส่งออกข้าวกับการขายข้าวได้ราคาดีขึ้นอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ?
 
 
 
โครงการประกันรายได้ ของพรรคประชาธิปัตย์

โครงการประกันรายได้เกษตรกร มาจากฐานคิดเรื่องหลักประกันความเสี่ยงเนื่องจากความผันผวนของราคาหรือกรณีเกิดการเสียหายของพืชผลการเกษตรจากภัยพิบัติต่างๆซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าเกษตรกรจะได้เงินชดเชยกลับไปบ้าง โดยรัฐไม่ต้องไปเป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ในตลาด

เพราะรัฐจะชดเชยส่วนต่างของราคาสินค้าให้เกษตรกร เช่น รัฐประกันราคาข้าวไว้ที่ตันละ 10,000 บาท แต่เกษตรกรขายข้าวได้ 5,000 บาท  รัฐก็จะชดเชยให้อีก 5,000 บาท ซึ่งเราเข้าใจกันแบบบนั้น แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เพราะรัฐบาลจะประเมินราคาขาย อยู่ที่ 8,000 บาท / ตัน ที่ได้จริง ๆ คือ 2,000 บาท

ในเรื่องการชดเชย รัฐจะมี  ข้อจำกัด   ในการชดเชยซึ่งรัฐจะทำการคำนวนคร่าวๆไว้แล้วว่าพื้นที่ปลูกข้าว 1ไร่ จะได้ข้าวกี่ตัน และรัฐจะชดเชยตามที่คำนวนให้ สมมติ 1 ไร่/1 ตัน ซึ่งรัฐจะทราบจำนวนไร่ของชาวนาจากการรลงทะเบียนของชาวนา


สำคัญที่สุดคือผู้ที่จะได้รับการประกันราคาจะต้องเป็นเจ้าของที่ดิน ผู้เช่าจะไม่ได้รับสิทธินี้


สิ่งที่ชาวนาจะต้องเจอก็คือการกดราคาของพ่อค้าคนกลาง เพราะอย่างไร รัฐก็ต้องจ่ายส่วนที่เหลืออยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามเงินที่จ่าย ก็เป็นเงินภาษีของประชาชนเช่นกัน และไม่ว่ากรณีใด ๆ รัฐก็ไม่ได้คืนจากเงินก้อนนี้
คลิกดูข่าวการประกันราคา ข้าวปี 52/53 ว่าใช้เงินไปเท่าไหร่ ชาวนาได้จริง ๆ เท่าไหร่

คลิกดูรายละเอียดการจำนำข้าว ปี 55

สรุป

๑. โครงการประกันราคามีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับพ่อค้าและโรงสีโดยไม่ต้องทุจริตก็มีกำไรมหาศาลจากการกดราคารับซื้อข้าว นี่เป็นลักษณะของการผันเงินออกจากคลังไปสู่พ่อค้าและโรงสีโดยตรง โดยที่ชาวนาสมประโยชน์จึงไม่มีเสียงร้องจากชาวนา และเป็นโครงการที่มีแต่การขาดทุนไม่โอกาสเสมอตัวหรือกำไร

๒. โครงการรับจำนำพ่อค้าและโรงสีไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการจะได้รับเพียงค่าเช่าโกดังเก็บข้าวเท่านั้น ทำให้พ่อค้าและโรงสีไม่พอใจได้ โครงการมีโอกาสได้ทั้งการขาดทุนน้อย ขาดทุนมาก หรือเสมอตัวหรือได้กำไรได้ แต่รัฐบาลต้องมีภาระในเรื่องการบริหารจัดการและงบประมาณเหมือนกับรัฐบาลเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง ส่วนปัญหาการจ่ายเงินล่าช้าสามารถแก้ไขได้ด้วยการกำหนดขั้นตอนกระบวนการทำงานในการรับจำนำเพื่อให้สามารถจ่ายเงินให้กับชาวนาได้ทันทีดังนี้ (การชื้อขายพืชผลทางการเกษตรจะใช้วิธีและขั้นตอนตามเดียวกันนี้)

จากผลการวิเคราะห์และผลสรุปเห็นว่าโครงการรับจำนำดีกว่าแต่ต้องแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นก่อนซึ่งโกงง่ายตรวจสอบยาก  และราคาไม่ควรโดดสูงกว่าตลาดโลกมาก  เพราะรัฐบาลจำรับภาระไม่ไหว  สำคัญที่สุดรัฐบาลจะต้องแถลงข้อมูลที่ชัดเจนและแม่นยำ

ที่มา : ประชาทอร์ค

 


[Continue reading...]

ปชป.รุมอัด "นายกฯปู" ขายข้าวจีทูจีให้จีน เป็นจินตนาการที่ไร้ความรับผิดชอบ

- 0 comments
พรรคประชาธิปัตย์ ใช้ความพยายามโจมตี โครงการจำนำข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ

ตั้งแต่กล่าวหาว่าโครงการที่รัฐบาลใช้ ผิดพลาด ต้องประกันราคาถึงจะได้

ทั้งอ้างว่ามีการโกงทุกขั้นตอน

อย่างนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ขึ้นเวที ม็อบสวนลุม เมื่อ 2 ต.ค. 56 (เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา) บอกว่า ซ้ายก็โกง ขวาก็โกง  คลิกดูคลิปวีดีโอ

พอรัฐบาลออกมาแถลงข่าวเรื่องการเจรจาขายข้าวให้กับทางรัฐบาลจีน ว่าเป็นแบบ รัฐต่อรัฐ และเพิ่มปริมาณ จาก 1 ล้านตันภายใน 5 ปี มาเป็น ปีละ 1 ล้านตัน คลิกดูรายละเอียดของข่าว

ซึ่งรัฐบาลก็บอกชัดเจนว่าอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา

ออกมาบอกว่าเป็นแค่จินตนาการ  รัฐบาลไร้ความรับผิดชอบ   คลิกดูรายละเอียดของข่าวจากเดลินิวส์

ขายข้าวไม่ได้ ก็โจมตี

พอจะขายข้าวได้ ก็โจมตี

ตกลง พรรคประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไรกันแน่

เพราะใจจริงของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องการให้รัฐบาลระบายข้าวได้อยู่แล้ว  เห็นได้จากการขัดขวางทุกวิถีทาง

เพื่อที่จะจุดประเด็น โครงการจำนำข้าวให้ติด
[Continue reading...]

Wednesday, October 16, 2013

"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" บนเวที "the 14th world knowledge forum" ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

- 0 comments





 
 





คลิกดูคลิปววีดีโอ ปาฐกถา ของ พ.ต.ท.ษิณ ชินวัตร


วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 สถานีโทรทัศน์อารีรัง (Arirang) เผยแพร่ภาพข่าวการปาฐกถา โดย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ในงาน World Knowledge Forum ครั้งที่ 14 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้แนวความคิด "Mega railroad network will boost 'One Asia' economy" โดยมีเนื้อหาดังนี้
 
The speakers at the 14th World Knowledge Forum say they recognize that the world needs fresh leadership, as the strength of the U.S. and Europe has waned, along with the growth potential of China.

Former Prime Minister of Thailand Thaksin Shinawatra says that an integrated Asia could offer new leadership, by adopting a growth model that's different from the mass production model of the West.

Shinawatra's idea of "one Asia" envisions connecting Asian countries with a high-speed logistics system that could boost local industries and small and medium-sized firms, allowing Asian entrepreneurs to tap into their creativity. 

Shinawatra stressed, however, that the "one Asia" vision can be achieved only when the participating countries settle political or territorial disputes.

Meanwhile, Larry Summers of Harvard University said that Asia's role will only get bigger and predicted the U.S. would have a less dominant presence in the next century.

"I believe that the challenge that will determine whether all of this works out peacefully, equally, and freely for the benefit of people everywhere, that will be determined in the United States. And that will be determined in Asia."

When asked to offer his prescriptions for the Korean economy, Summers pointed to education, saying that the focus should be on producing creative thinkers.
Creativity was a key point for many speakers, including Salman Khan, the founder of the Khan Academy, which offers thousands of academic videos in 23 languages for free.
He said the best kind of education allows students to work at their own pace and take ownership of their learning.


"The forum participants will have a chance to further explore ways to foster creativity across a range of disciplines and develop the 'One Asia' concept in the domains of business, finance and IT ventures." 


Kim Yeon-ji, Arirang News.
 
From : go6TV

[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger