Tuesday, July 2, 2013

ค้านไปทุกเรื่อง "ประชาธิปัตย์" จะให้อยู่แบบยุคหินหรืออย่างไร ?

- 0 comments
ค้านแบบฝ่าย "ค้าน" ไม่ใช่ฝ่าย "แค้น"

กรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก อ้างคำสั่งศาลปกครองสหรัฐฯ มีหน้าที่และสิทธิมากพอ ที่จะพิจารณาว่ากฎหมายไหนขัดต่อรัฐธรรมนูญ โยงกู้ยืม พ.ร.ก.-พ.ร.บ. ยืนยันค้านกู้นอกระบบให้ถึงที่สุด
แต่กรณ์ ก็ไม่ได้เอาแบบอย่างของ "ฝ่ายค้าน" ของอเมริกา เขาค้านแบบมีเหตุและผล


ประชาธิปัตย์ มีคำพูดที่สวยหรู "ประชาชนต้องมาก่อน"

แต่มีคำถามว่า "ประชาชน" กลุ่มไหน

เพราะในอดีตที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ จะเห็นความสำคัญของ "คนรวย" ก่อนเสมอ"

สปก 4-01 นำที่ดินไปแจกให้กับเศรษฐีภูเก็ต

สมัยวิกฤต ต้มยำกุ้ง ก็อุ้ม สถาบันการเงิน จนประเทศขาดสภาพคล่อง

ไทยรักไทย มียโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค

ประชาธิปัตย์ก็ค้านว่า "เป็นโครงการตายทุกโรค"

โอท็อป ก็จะขาดทุน

กองทุนหมู่บ้านก็ให้ประชาชน กูไปซื้อของเฟือย

จำนำข้าวก็ขวาง

จะเอาเงินไปบริหารจัดการน้ำ ก็ต่อต้านอีก ทั้ง ๆ ที่น้ำท่วมอาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้

จะเอาเงินมาพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ก็ขวางอีก

ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ ทำอะไรเพื่อคนจนบ้าง

หรือจะให้เขาไปใช้ชีวิต "แบบยุคหิน" จึงจะพอใจ


[Continue reading...]

จดหมายถึง ”ผู้ว่า” ผ่าน บก.ข่าวสด เรื่องม๊อบ "สนามหลวง"

- 0 comments
ถามผู้ว่าฯกทม.เรื่องม็อบสนามหลวง

เรียน บ.ก.ข่าวสดที่นับถือ

ดิฉัน อ่านข่าวสดมานาน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ดั่งใจ พอได้อ่านแล้วก็อยากมีส่วนร่วม ดิฉันขอถามท่านเลยแล้วกันว่า ผู้ว่าฯ กทม.ของเราหายไปไหนคะ ถึงไม่มาดูแลม็อบสนามหลวงเลย ปล่อยให้มาทำลายความสวยงาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดพระแก้วซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของคนไทย ไม่ทราบว่าฝรั่งต่างชาติที่เดินไปมาแถวนั้นจะคิดอย่างไร ที่เห็นคนมาตากผ้า อาบน้ำ นอนหลับกลางสนามหลวงเหมือนเป็นบ้านตัวเอง ผู้ว่าฯ กทม.ก็ดีเหลือเกิน จัดรถสุขาบริการให้ถึง 3 คัน เวลาฝนตกสกปรกเหม็นไปทั่ว ทีเวลาประชาชนจะไปกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด ตำรวจกลับไล่ไม่ให้จอดรถบอกว่าเป็นการกีดขวางการจราจร

แล้วรถสุขา จอดเรียงตรงทางโค้งไม่กีดขวางหรือ หรือตำรวจไม่มีปัญญาจึงไม่ทำอะไร ถ้าดิฉันจะแจ้งความจับผู้ว่าฯ กทม.จะได้ไหมคะที่ไม่ทำงานตามหน้าที่ โชคดีนะคะที่ดิฉันไม่ได้เลือกท่าน ไม่คิดเลยว่าท่านจะกลืนน้ำลายตัวเอง อดีตเคยกล่าวว่าจะปรับภูมิทัศน์ให้สนามหลวงห้ามมีม็อบ แล้ววันนี้เล่าท่าน ม็อบพวกนี้ดิฉันไม่ได้ดูถูก แต่ก็ดูไม่ผิด เหนือ อีสาน ใต้ ดิฉันฟังออกหมด แต่ที่ดิฉันได้ยินคุยกัน ฟังอย่างไรก็ฟังไม่รู้เรื่องไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนกัน

รัฐบาลก็เหลือ เกิน เดี๋ยวนี้หมดสมัยพูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทองแล้ว มันต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน รัฐบาลสมัยที่ผ่านมาทำอะไรงามไว้บ้าง งานไทยเข้มแข็ง ร้องเพลงชาติทั้งประเทศได้ประโยชน์ตรงไหน ต้นกล้าอาชีพใครได้ประโยชน์ ถนนปลอดฝุ่นมีที่ไหน แล้วยังสุสานโรงพักอีก ส.ส.เขาเองต้องคดีฆ่าคนตาย มีภาพให้เห็นจะจะ พรรคก็เงียบ

และทุกวันนี้ถ้าชาวนาอยู่ดีมีสุข มันจะตายหรืออย่างไร ถึงค้านโจมตีซะราวกับไม่ได้เป็นคนไทย อ้อ ลืมไปท่านเป็นคน 2 สัญชาติ เลยพูดภาษาไทยที่คนไทยฟังไม่เข้าใจ ส่วนปัญหาภาคใต้ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์คนในพื้นที่ก็รู้ดี พรรคนี้พอเป็นเรื่องของตัวเองก็เงียบ พอคนอื่นจะทำประโยชน์ รีบลุกขึ้นมาโวยวาย พูดจาสอนจระเข้ว่ายน้ำซะอีก ถามหน่อยไม่อยากเห็นประเทศชาติเจริญ หรือไง หรือว่าตอนเรียนจบอีตัน เดินลงจากเครื่องบินอุ้มตุ๊กตาไดโนเสาร์มาเล่นด้วย

ปราบม็อบก็เอาซะ ราวกับไม่ใช่คนชาติเดียวกัน คนตายบาดเจ็บ ก็ยังไม่มีความรู้สึกสำนึกผิด แล้วพวกม็อบหน้ากากขาว ถ้าปลุกไม่ขึ้นก็เปลี่ยนเป็นหน้ากากผีแล้วกัน จะได้หลอกไปเรื่อยๆ บ้านเมืองมันถึงเป็นเช่นนี้เอง เศร้าเหลือเกินประเทศไทย โปรดฟังอีกครั้งประชาชนกินข้าวค่ะ ท่านทำไม่ดีอย่างไร ฟ้ารู้ดินรู้ กรูก็รู้เหมือนกัน อ้อ.. ขอบอกเราได้นายกฯ หญิงที่แมนมากๆ อยากให้ผู้ชายในพรรคคนดีเป็นได้แบบนี้บ้างจัง

ขอขอบคุณที่ให้ดิฉันได้ระบายความรู้สึก เพราะเครียดกับม็อบสนามหลวงมากค่ะ

บ้านเลขที่ 112

ตอบ คุณบ้านเลขที่ 112

เลย ตีพิมพ์จดหมายของคุณอย่างละเอียด จะได้ระบายความรู้สึกได้เต็มเหยียด เท่าที่อ่านดูไม่ใช่แค่อึดอัดเรื่องม็อบสนามหลวงเรื่องเดียวกระมัง แต่ยังระบายเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย หวังว่าคงสบายใจขึ้น ส่วนที่ถามถึงผู้ว่าฯ กทม.หายไปไหน เข้าใจว่ายังคงเหน็ดเหนื่อยจากช่วงหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.กระมัง เลยต้องพักยาวสักหน่อย (ฮา)
[Continue reading...]

ประชุม ครม.ทิ้งทวน รัฐบาลอภิสทธิ์ มาราธอน 15 ชั่วโมง 244 วาระ เฉลี่ย 3 นาที ต่อเรื่อง นาทีละ 555 ล้านบาท โปรงใส ?

- 0 comments

จากกรณีการประชุม ครม.นัดสุดท้ายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ดังกล่าว ถือเป็นการประชุม ครม.ที่ใช้เวลามากที่สุด 15 ชั่วโมง ทำลายสถิติประวัติศาสตร์การประชุม ครม.ทุกครั้งในประเทศไทย ตั้งแต่รู้จักว่าประเทศนี้จะต้องมีการประชุม ครม. และมีรัฐบาล
โดยการประชุม ครม. ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของ นายอานันท์ ปันยารชุน ที่ประชุมยาวนานถึง 24.00 น. (เที่ยงคืน) ซึ่งนับว่า เด็ก ๆ" เมื่อเปรียบเทียบกับการประชุม ครม.มาราธอน 15 ชั่วโมงของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ยิ่งไปกว่าระยะเวลา 15 ชั่วโมง ก็คือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้พิจารณาวาระการประชุม ครม.ทั้งหมด 244 เรื่อง แบ่งเป็นวาระพิจารณาปกติ 102 เรื่อง วาระพิจารณาจร 53 เรื่อง วาระเพื่อทราบ 58 เรื่อง วาระเพื่อทราบจร 31 เรื่อง โดยอนุมัติงบประมาณทุกประเภทไปกว่า 557,517 ล้านบาท หากคิดโดยเฉลี่ยคิดเป็นประมาณ 3 นาทีต่อ 1 เรื่อง
เท่ากับว่า ใน 1 ชั่วโมง รัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้อนุมัติงบประมาณไป 33,000 ล้านบาท หรือนาทีละ 555 ล้านบาทเลยทีเดียว !!!
สงสัยกันไหม วันประชุม ครม.นัดทิ้งทวน ของ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่งในฐานะ รัฐบาลแล้วลงสู่สนามการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554… 5 แสนกว่าล้านบาท นั้นไปอยู่ในมือใครบ้าง !!!
เราจะมาสำรวจ มติ ครม.สำคัญๆ วันนั้นกัน …..

ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการโยบายและแผนการขนส่ง (สนข.) ดำเนินโครงการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยใน 4 ปีแรกให้ใช้งบประมาณปกติจากกระทรวงคมนาคม และปีที่ 5 ให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจำนวน 62.15 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และให้ใช้เงินกู้จาก ADB ในการดำเนินการตามแผนบริหารจัดการและจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง ในวงเงินประมาณ 690 ล้านบาท

กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการลงทุนด้านรถจักรและล้อเลื่อน ภายใต้กรอบเงินกู้จำนวน 14,903.55 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรถโดยสารนุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คัน รถจักรพร้อมอะไหล่ จำนวน 50 คัน และโครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้าอัลสตอม จำนวน 56 คัน

กระทรวงคมนาคม ดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบบริการการเดินอากาศของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทยจำกัด วงเงิน 4,460.31 ล้านบาท

กระทรวงคมนาคม ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงาน จำนวน 6,278 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการ เงื่อนไข รายละเอียดของการกู้เงิน และยกเว้นการคิดค่าค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ รฟท.

ครม.อนุมัติให้กระทรวงแรงงานขออนุมัติใช้งบกลางรายการฉุกเฉินเร่งด่วนประจำปี 54 จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ

กระทรวงแรงงาน ดำเนินการโครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติ โดยใช้งบประมาณประจำปี 54 งบกลาง วงเงิน 376 ล้านบาท

อนุมัติให้กระทรวงการคลัง ขยายกรอบการช่วยเหลือผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ในส่วนของการชดเชยต่างๆ ทั้งที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดี หรือต่อสู้คดีในวงเงิน 50 ล้านบาท (จากเดิม 5 ล้านบาท) โดยระยะเวลาสิ้นสุดการช่วยเหลือในเดือนมิถุนายน 2554 (จากเดิม ธ.ค.54) พร้อมทั้งขยายคุณสมบัติ วัตถุประสงค์ในการกู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถรีไฟแนนซ์ไปชดใช้หนี้ในส่วนอื่นๆ ได้

กระทรวงการคลังขอความเห็นชอบในการให้ความช่วยเหลือบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งสูญเสียรายได้จากค่าโดยสารในช่วงเหตุการณ์ความวุ่นวายเดือนเมษายน 53 โดยอนุมัติให้ความช่วยเหลือในส่วนของความเสียหายโดยตรงที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินจำนวน 5.5 ล้านบาท ส่วนค่าความเสียโอกาสในช่วงหยุดการเดินรถนั้น จำนวน 140,276,576 บาทนั้น ให้บริษัท หารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเสนอต่อ ครม. ต่อไป

กระทรวงการคลัง ขออนุมัติขยายวงเงินสินเชื่อ โครงการบ้านธนาคารอาคารสงเคราะห์เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก ในวงเงินสินเชื่อ 2.5 หมื่นล้าบาท ในวงเงินกู้ไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท โดยไม่จำกัดรูปแบบบ้าน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับธนาคารอื่น ครม.มีความเห็นว่า คุณสมบัติของผู้กู้จะต้องไม่อยู่ในลักษณะรีไฟแนนซ์ โดยผู้กู้สามารถเริ่มขอได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ธันวาคม 2554

กระทรวงการคลัง ขอความเห็นชอบการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการในระดับสูงในแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทยในส่วนของปฏิบัติการประชาวิวัฒน์จำนวน 40 ราย โดยให้เลื่อนเงินเดือนร้อยละ 4 หรือเลื่อนเงินเดือนครึ่งปีแรก 1 ขั้น

กระทรวงการคลัง นำเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ(Structure Adjustment Loan: SAL) ใต้กรอบวงเงินคงเหลือจากการปฏิรูปบริหารภาครัฐจำนวน 710 ล้านบาท เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจตามแผนปฏิรูปประเทศไทย ในลักษณะเงินให้ยืม แก่สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ทั้งนี้หาก พ.ร.บ. ส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ พ.ศ. …. มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายเมื่อไหร่ กำหนดให้ สสค. นำรายได้มาชดใช้คืนแก่กระทรวงการคลังต่อไป

กระทรวงกลาโหม เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง วงเงิน 288 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2553 – 30 กันยายน 2554

กระทรวงกลาโหม จัดตั้งหน่วยทหารพรานเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วงเงิน 2,692 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณประจำปี 54 ของกระทรวงกลาโหม 18 ล้านบาท และอีก 2,673 ล้านบาทจะเป็นงบประมาณผูกพันข้ามปี 55 – 56 และได้อนุมัติให้เพิ่มงบประมาณหลังจากปี 2556 จำนวน 688 ล้านบาทต่อปี

กระทรวงกลาโหม ปรับอัตราค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของอาสาสมัครทหารพราน จากเดิม 55 บาทต่อคนต่อวันเป็น 120 บาทต่อคนต่อวัน โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง รวม 141 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทัพบก 120 ล้านบาทและกองทัพเรือ 21 ล้านบาท

กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพเรือจัดหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดชุดที่ 2 ไปปฏิบัติงานบริเวณหมู่เกาะเอเดน ชายฝั่งโซมาเลียและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมขยายระยะเวลาเพิ่มเติมเป็น 1 ตุลาคม 2554 – 5 ตุลาคม 2555 วงเงิน 416 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณประจำปี 54 งบกลาง 355 ล้าน โดยส่วนที่เหลือให้ใช้งบประมาณปี 2555

กระทรวงกลาโหม จัดหายุทโธปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 295.8 ล้านบาท โดยปรับแผนดำเนินการโดยใช้เงินงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ประจำปี 2554

กระทรวงสาธารณสุข ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 415,250,000 บาท เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทยใน 2 โครงการคือการส่งเสริมการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 54 และกิจกรรมพ่อแม่มือใหม่เลี้ยงลูกถูกวิธี เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 54

กระทรวงสาธารณสุข จ่ายค่าตอบแทนสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลชุมชน สถานีอนามัย ศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป วงเงิน 4,200 ล้านบาท โดยใช้งบจากกระทรวงต้นสังกัด และหากยังไม่เพียงพอให้ทำเรื่องเสนอต่อสำนักงบประมาณต่อไป

กระทรวงศึกษาธิการ ขอความเห็นชอบแผนงบประมาณขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2555 – 2561) จำนวน 371,598.379 ล้านบาท และกรอบวงเงินเพื่อดำเนินการตามโครงการฯ ตามนโยบายเร่งด่วน 10 ประการ จำนวน 15,839.965 ล้านบาท

กระทรวงศึกษาธิการ ขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเพื่อปรับอัตราค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยของรัฐจำนวน 14 แห่ง ส่วนราชการ 15 แห่ง และมหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ ในอัตรา 5% โดยใช้งบประมาณ 397.12 ล้านบาท

กระทรวงศึกษาธิการ ขออนุมัติงบประมาณเพื่อการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทั้ง 9 ศูนย์ ในระยะที่ 3 วงเงิน 4,720 ล้านบาท พร้อมมอบหมายให้ กพร. พิจารณาว่า ในเรื่องศูนย์ความเป็นเลิศ นั้นซ้ำซ้อนกับศูนย์ประการใดหรือไม่

กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินโครงการมหกรรมลดค่าครองชีพประชาชน จากงบกลาง รายการเงินสำรองฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 200 ล้านบาท

กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินกิจกรรมลดค่าครองชีพ (สินค้าธงฟ้า) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง วงเงิน 169 ล้านบาท

กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บริเวณทำเนียบรัฐบาล พร้อมอนุมัติกรอบวงเงิน 10 ล้านบาท จากงบบูรณาการ

กระทรวงพลังงาน ขออนุมัติโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนมาย-กก ของ กฟผ. จำนวน 2,740 ล้านบาท

อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย ปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนให้แก่พนักงานการประปาส่วนภูมิภาคที่ปฏิบัติในพื้นที่เสี่ยงภัย จังหวัดชายแดนภาคใต้อัตราคนละ 2,500 บาท เป็น 5,000 บาทต่อเดือน

กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง ขอรับงบประมาณประจำปี 54 เพื่อชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สินของการไฟฟ้านครหลวงที่เกิดจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ในสาขาต่างๆ วงเงิน 813,886,000 บาท

อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา 3 ฉบับ คือ 1.ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุมและเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าฯ กทม. ข้าราชการการเมืองของ กทม. และกรรมการที่ผู้ว่าฯ กทม. แต่งตั้ง 2.ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินประจำตำแหน่ง เงินค่าเบี้ยประชุมและเงินตอบแทนอื่นของ ส.ก. ส.ข. และกรรมการสภา กทม. 3.ร่างพระราชกฤษฎีกาปรับเงินเดือน ค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิก อบจ. อบต. ข้าราชการการเมืองของ กทม. โดยในส่วนผู้ว่า กทม. และข้าราชการการเมือง กทม. ให้เพิ่มไม่เกินร้อยละ 9 ของฐานเงินเดือนเดิม ส่วน ส.ก. ส.ข. เทศบาล อบจ. และ อบต. ให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มไม่เกินร้อยละ 20 โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทยหารือร่วมสำนักงบประมาณ และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาออกเป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อออกมาเป็นราชกิจจานุเบกษาต่อไป

กระทรวงมหาดไทย ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ.2555 – 2556 เพื่อเช่ารถยนต์ตรวจการณ์ขับเคลื่อน 4 ล้อ จำนวน 18 คัน ในค่าเช่าคันละ 34,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลาการเช่า 3 ปี รวมวงเงินทั้งสิ้น 22,032,000 บาท

กระทรวงมหาดไทย ขออนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 9 ทั้ง 4 ส่วน ภายใต้วงเงิน 31,170 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้จากต่างประเทศ 23,374 ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. 7,796 ล้านบาท (ในประเทศ)

กระทรวงมหาดไทย การเตรียมการด้านงบประมาณเพื่อการบริหารราชการจังหวัดบึงกาฬ เพื่อดำเนินการในการจัดหาครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้าง โดยจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง จำนวน 530 ล้านบาท

กระทรวงมหาดไทย เช่ารถยนต์มาใช้ในราชการและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 – 2557 ของกรมพัฒนาชุมชน จำนวน 235 คัน วงเงิน 152,298,000 บาท

กระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารฟุตซอลสเตเดียม เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลก พร้อมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ วงเงิน 1,239 ล้านบาท

สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงบประมาณ) และกระทรวงมหาดไทย ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 54 งบกลางสำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง จำนวน 212,655,900 บาท แก่เทศบาลนครอุดรธานีในการจัดหาครุภัณฑ์ควบคุมงานก่อสร้างของเทศบาลนครอุดรธานี

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอความเห็นชอบให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมคณะกรรมาธิการภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกและคณะกรรมาธิการภูมิภาคเอเชียใต้ ครั้งที่ 24 ในปี 2555 พร้อมขออนุมัติงบประมาณปี 55 จำนวน 8 ล้านบาท

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขออนุมัติเพิ่มรายการดำเนินงานและกรอบวงเงินงบประมาณโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 382,015,000 บาท

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอความเห็นชอบแผนภูมิองค์บริหาร โครงการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 พ.ศ.2557 จังหวัดภูเก็ต ประมาณการค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าภาพฯวงเงิน 630,190,000 บาท

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขออนุมัติเงินอุดหนุนคระกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก (ACWC) จำนวนประมาณ 600,000 บาท

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ เสนอโดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ ขอรับงบประมาณปี 54 งบกลาง จำนวน 258 ล้านบาทเศษ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีเพิ่มเติมจำนวน 129,229 ราย

กระทรวงวัฒนธรรม ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในจังหวัดสงขลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และพัทลุง รวมวงเงินทั้งสิ้น 72 ล้านบาท

กระทรวงยุติธรรม ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 เพื่อก่อสร้างเรือนจำกลางในจังหวัดชลบุรี สกลนคร พังงา พัทลุง ทัณฑสถานวัยหนุ่ม ในวงเงิน 344 ล้านบาท

อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินวงงบประมาณรายจ่ายของปี 53 เพื่อใช้จ่ายค่าหนี้วัสดุอาหาร ผู้ต้องขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ โดยขอรับเงินสนับสนุนจากงบประมาณประจำปี งบกลาง วงเงิน 508 ล้านบาท

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก้ไขปัญหาเกษตรกรยากจนและไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเอง ตามมติที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย วงเงิน 1,641 ล้านบาท

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยศัตรูพืชระบาดโรคไหม้คอรวง ในจังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง วงเงิน 439.3 ล้านบาท

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขออนุมัติงบประมาณในการชำระหนี้เงินกู้ โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกปี 52/53 เพื่อไปชดเชยให้แก่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เพื่อไปชำระหนี้คืนให้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงิน 126 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการชดเชยเป็นกรณีพิเศาแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเขื่อนน้ำอูน 578 ราย รายละ 15 ไร่ ในวงเงินไร่ละ 10,000 บาท วงเงินทั้งสิ้น 87 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 2553 ระยะที่ 2 วงเงิน 255.4 ล้านบาท ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควบคุมการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ในปี 2554 จากกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 54 งบกลาง วงเงิน 385 ล้านบาท และให้กระทรวงเกษตรจัดทำรายละเอียดต่อไป

 ที่มา:พระนครสาส์น


[Continue reading...]

"มาร์ค" เตือนอดีต รมต.หนีไม่พ้นถูกตัดสิทธิ 5 ปี ถ้าถูกถอดปมจัดการน้ำ

- 0 comments

            นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชนแนล ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกคณะ ฐานดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำ ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ขัดต่อกฎหมายว่า แม้ว่าจะมีรัฐมนตรีบางคนที่พ้นจากการเป็นรัฐมนตรีไปแล้วจากการปรับ ครม.ครั้งล่าสุด แต่ในทางกฎหมายยังถือว่ามีผล เพราะถ้าถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ก็จะส่งผลให้รัฐมนตรีคนนั้นถูกตัดสิทธิที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก 5 ปี ส่วนการทำผิดกฎหมายอื่น ก็ต้องดูทั้งในเชิงอาญา แล้วก็ในเชิงการเมืองด้วย

ที่มา มติชนออนไลน์
[Continue reading...]

เมื่อ"เฉลิม" เขย่า "ปู5"

- 0 comments
ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม  นั่นคือคำขวัญที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มักใช้เกริ่นนำ เวลาอภิปรายในสภา หรือขึ้นเวทีไฮด์ปาร์ก
  
ปรับครม.ครั้งหลังสุด ร.ต.อ.เฉลิม หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯไปนั่งรมว.แรงงาน คำว่า"ลดชั้น"หรือ"ลดเกรด" จึงเกิดขึ้น
   
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่ไม่ปิดบังปฏิกิริยาและความไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นอาการ"น็อตหลุด"ไล่ถล่มพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผอ.ศอ.บต. เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
หรืออาการ"งอน"ไม่เข้าร่วมถ่ายรูปกับรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้ง-ปรับย้ายใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล
  
มาจนถึงการไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกหลังการปรับครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
 
อาการ"ปิดไม่มิด"ของร.ต.อ.เฉลิม สะท้อนให้เห็นถึงความอาลัยอาวรณ์ในตำแหน่งและความรับผิดชอบที่รับผิดชอบอยู่เดิม
 
โดยเฉพาะการควบคุมกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผบ.ตร.ซ้อนผบ.ตร.อีกชั้น
  
ไปจนถึงการรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้-ที่ว่ากันว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของร.ต.อ.เฉลิม ในครั้งนี้ด้วย
 
เพราะรับรู้กันอยู่ว่า คนที่"เดิน"เรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจังที่สุดคนหนึ่ง ก็คือ"คนอยู่แดนไกล" ซึ่งนำร่องเจรจาทั้งกับตัวแทนกลุ่มเคลื่อนไหวในชายแดนภาคใต้ และผู้นำรัฐบาลมาเลเซียมาแล้วหลายรอบ
 
และเป็นหนึ่งในตัวตั้งตัวตีของแนวทาง"การเมืองนำการทหาร-การเจรจานำหน้าการรบ"
 
หลัง"สารภาพบาป"ว่าด้วยกำปั้นเหล็ก-ถุงมือกำมะหยี่เมื่อ 2 ปีก่อน
 
เพราะเชื่อมั่นว่าการเจรจาเป็นหนทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน เพราะลงทุนนำร่อง-เบิกทางด้วยตัวเองมาแล้วหลายครั้ง
 
ฉะนั้น อะไรก็ตามที่จะทำให้นโยบายที่กำหนดไว้ปัดเป๋ออกจากแนวทาง ก็จะต้องได้รับการ"สะสาง" เพื่อให้หนทางของการทำงานข้างหน้าสะดวกราบรื่นยิ่งขึ้น
 
ไม่อย่างนั้นคงไม่มาเป็น"แพคเกจ"ทั้งการเปลี่ยนแปลงรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกลาโหมแบบรวดเดียว
 
งานนี้ไม่ต้องให้ใครฟ้อง คนทางไกลส่องกล้องเอกซ์เรย์ทุกตารางนิ้วอยู่แล้ว
 
ไม่รู้ที่โวยๆงอนๆอยู่นี่ ตั้งใจจะสะท้อนไปให้ไกลถึงหูใครบางคนหรือเปล่า




[Continue reading...]

เมื่อสื่อเลือกข้าง...เสนอข่าวแบบไม่รับผิดชอบ

- 0 comments
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระบวนการปล่อยข่าวทางการเมืองอย่างน้อยสองเรื่องที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริง โดยหวังผลทางด้านการเมือง
กรณีแรก คือการระบุว่าสหรัฐอเมริกาประกาศห้ามนำเข้าข้าวจากประเทศไทย เพราะตรวจสอบพบการส่งข้าวเน่าหรือข้าวไม่ได้คุณภาพเข้าไปขาย

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่ากระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงการต่างประเทศ ต้องนำเอกสารของหน่วยงานสหรัฐมาชี้แจงในภายหลังว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

แต่ข่าวลือที่ไม่ปรากฏต้นตอที่มานี้ก็ถูกแพร่ออกไป
โดยผู้กระจายข่าวไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา

กรณีต่อมา คือการจัดสัมมนาโดยองค์กรวิชาชีพสื่อและการเผยแพร่ข่าวว่าบริษัทที่ชนะการประมูลการจัดการน้ำจากเกาหลีใต้เป็นบริษัทต้มตุ๋น มีผลขาดทุนและหนี้สินจำนวนมหาศาล ไม่มีความน่าเชื่อถือ
แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทต้องเดินทางมาแถลงข่าวในประเทศไทย และนำเสนอข้อมูลซึ่งเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่แล้วว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานและกำไรที่เติบโตต่อเนื่องและมั่นคงดี
โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินจากสถาบันจัดอันดับมูดี้ส์ที่ A-1

แต่ก็ไม่ปรากฏว่าสื่อหรือองค์กรวิชาชีพจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรต่อการนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาดไปเช่นนี้

กระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจนั้นเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุนให้เกิดขึ้นในทุกสังคม-รวมทั้งสังคมไทย

เพื่อป้องกันมิให้ผู้มีอำนาจใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่น หรือแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบใส่ตัว

แต่กระบวนการตรวจสอบนั้นจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเที่ยงธรรมของหลักการ และเที่ยงตรงในข้อมูลข้อเท็จจริง
การใช้คำว่าตรวจสอบทั้งที่ผู้ตรวจสอบถูกบดบังด้วยอคติ "มีธงในใจอยู่แล้ว" จนกระทั่งไม่สนใจหลักฐานหรือข้อเท็จจริงและความเสียหายที่เกิดขึ้น

เป็นการลดความน่าเชื่อถือของกระบวนการตรวจสอบ

ซึ่งยิ่งจะส่งผลเสียต่อสังคมในระยะยาว


สื่อหรือองค์กรวิชาชีพสื่อจะรับผิดชอบอย่างไร

พอใช้มาตรการที่เข้มงวด ก็หาว่าแทรกแซงสื่อ

หรือสื่อในประเทศนี้เสนอข่าวอะไร ก็ไม่ผิดเช่นกัน

ที่มาข่าวสดออนไลน์




[Continue reading...]

ผู้หญิงคนแรกของประวัติศาสตร์ไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

- 0 comments


นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 28
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
5 สิงหาคม พ.ศ. 2554[1]
(&&&&&&&&&&&&&&01.&&&&&01 ปี &&&&&&&&&&&&0330.&&&&&0330 วัน)
รองนายกรัฐมนตรีกิตติรัตน์ ณ ระนอง
ปลอดประสพ สุรัสวดี
สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
พงศ์เทพ เทพกาญจนา
พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก
นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
ยุคล ลิ้มแหลมทอง
สมัยก่อนหน้าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
30 มิถุนายน พ.ศ. 2556[2]
(&&&&&&&&&&&&&&00.&&&&&00 ปี &&&&&&&&&&&&&&01.&&&&&01 วัน)
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สมัยก่อนหน้าพลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด21 มิถุนายน พ.ศ. 2510 (46 ปี)
อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
พรรคการเมืองเพื่อไทย
คู่สมรสอนุสรณ์ อมรฉัตร
วิชาชีพนักธุรกิจ
นักการเมือง
ศาสนาพุทธเถรวาท
ลายมือชื่อ
 

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger