พ.ร.บ.นิรโทษกรรม "ฉบับ ปชช." กฎหมายพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาล

แล้วเมื่อวานที่ผ่านมา "กลุ่มญาติวีรชน เม.ย.-พ.ค. 2553" ได้เปิดเนื้อหา "ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมแก่ประชาชน ซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ภายหลังการยึดอำนาจโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549" หรือ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน

ทั้งนี้ เตรียมนำไปยื่นต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 16 ก.ค.เวลา 9.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอความสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี ก่อนจะเดินสายไปยังพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อขอเสียง ส.ส.ในการลงชื่อสนับสนุนร่าง เพื่อเตรียมยื่นต่อประธานสภาฯ วันที่ 24 ก.ค.นี้

 นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตจาก เหตุสลายการชุมนุมปี 2553 ได้พูดความในใจ กรณี “ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม 5 ฉบับ ที่มีการเสนอเข้าสู่สภาก่อนหน้านี้ ล้วนอ้างนักโทษ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต แต่ล้วนเป็นการเสนอกันเองของนักการเมืองทุกฉบับ โดยไม่เคยรับฟังความเห็นประชาชน และญาติผู้เสียชีวิตแม้แต่ฉบับเดียว อีกทั้งยังมีการสอดไส้ ไม่เอาผิดทหาร และผู้สั่งการ ทางกลุ่มญาติจึงต้องดำเนินการร่าง พ.ร.บ.ฉบับประชาชนที่ช่วยเหลือนักโทษการเมือง โดยไม่ครอบคลุมทหาร แกนนำ ผู้สั่งการ ที่มีส่วนทำให้ประชาชนเสียชีวิต เพื่อนำเข้าสู่วาระการประชุมในสมัยเปิดประชุมสภาเดือน ส.ค.นี้

นางพะเยาว์ ยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการช่วยเหลือนักโทษการเมือง ขอย้ำว่า การที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า กลุ่มญาติ มุ่งเป้าเพียงหาฆาตกร โดยไม่ได้ช่วยเหลือนักโทษการเมืองนั้น ไม่เป็น ความจริง ถามว่า นางธิดาได้ศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้วหรือไม่ เพราะกลุ่มญาติได้ทุ่มเทประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อจัดทำร่างกฎหมายฉบับนี้

แต่ที่ผ่านมาทาง นปช.กลับไม่เคยขับเคลื่อน ช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง เอาแต่แถลงทุกสัปดาห์ในสิ่งที่เป็นนามธรรม เอาแต่พูดจับโกงเลือกตั้ง แต่ไม่เคยติดตามคดีความผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และไม่เคยทำสิ่งใดที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา
 
"ขอให้ นายกรัฐมนตรี ลงมารับหนังสือสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ด้วยตนเอง เพราะตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เคยลงมารับหนังสือของกลุ่มญาติแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่รับหนังสือของ นางนิชา ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เท่านั้น อยากถามนายกฯว่า มีเพียงชีวิตทหารเท่านั้นหรือที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี คนเสื้อแดงที่ต่อสู้จนเสียชีวิตจนในที่สุดพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ชีวิตเหล่านี้ไม่มีเกียรติและศักดิ์ศรีพอที่นายกฯ เสียสละเวลามาเป็นผู้รับหนังสือเองใช่หรือไม่" นางพะเยาว์ กล่าว

 นายนิธิวัต วรรณศิริ ผู้ประสานงานกลุ่มญาติวีรชนฯ กล่าวสนับสนุนว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ถือว่าเป็นพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ดีที่สุด และน่าจะมีแรงต้านน้อยที่สุด เพราะหัวใจสำคัญ คือ ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทั้งสองฝ่ายทั้งเสื้อแดงและกลุ่มพันธมิตรฯ และสร้างให้เกิดความปรองดอง เพราะไม่ได้มีการอ้างอิง การนิรโทษกรรมทหารและการนิรโทษกรรม อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เชื่อว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะสามารถลดความขัดแย้งในระดับประชาชน หาก ส.ส. เห็นว่า มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ ก็ควรให้การสนับสนุนเพื่อลดความขัดแย้งอย่างแท้จริง

ขณะที่ นายอรุณศักดิ์ เลื่อนไชสง ญาตินายเกรียงไกร เลื่อนไชสง ผู้เสียชีวิต 1 ใน 6 ศพที่เสียในวัดปทุมวนาราม กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือต้องการให้เกิดความปรองดองในสังคม และต้องการให้คนที่เป็นคนสั่งการ ตั้งแต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับผลของการกระทำ

เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากได้รับความสูญเสียแล้วคดีบางคดี ที่ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ยังไม่ได้การตัดสิน ไม่มีความคืบหน้า และสิ่งที่เจ็บปวดมากที่สุด คือ รู้ว่า คนที่กระทำความผิด เป็นใครแต่ไม่สามารถ ที่จะเอาผิดได้ ทั้งนี้ หากร่างพ.ร.บ.ไม่ผ่าน ก็จะเดินหน้าทำทุกวิถีทางเพื่อผลักดันต่อไป

ในวาระ ที่สภาผู้แทนราษฎร กำลังจะเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไป ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ นอกจาก พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณ ปี 2557  ที่จะถูกเข็นเข้าสู่การพิจารณา เป็นวาระแรกแล้วค่อนข้างแน่ ไม่นับพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เพื่อพัฒนาโครงสร้างขนส่งคมนาคมของประเทศแล้ว

ที่น่าจับตามากที่สุด คือ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม-ปรองดอง 5 ฉบับ ที่ค้างอยู่ในสภาฯ ที่ทุกฝ่ายต่างฟันธง! ว่า น่าจะสร้างปัญหา เกิดแรงสั่นสะเทือนกับรัฐนาวา “ยิ่งลักษณ์ 5” ได้มากที่สุด อาจถึงขั้นจอดไม่ต้องแจว หากรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าโดยไม่ฟังเสียงท้วงติง

ยิ่งถ้ารัฐบาล ยังไม่สามารถทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อได้ว่า ที่ผลักดัน ร่างพ.ร.บ.นิรโทษฯ-ปรองดองนี้ ทำเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่ได้หวังผล หรือ แฝงด้วยผลประโยชน์ของคนๆเดียว ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายใหญ่พรรคเพื่อไทย ต้องกลับประเทศได้อย่างไม่มีความผิด อย่างที่มีหลายฝ่ายออกมาทักท้วงก่อนหน้า

เพราะนั่นสุ่มเสี่ยงอาจทำให้ประเทศชาติพบกับความวุ่นวายทางการเมือง ที่ว่ากันว่า อาจรุนแรงกว่าปี 2552-2553 ก็เป็นได้ เมื่อนั่นรัฐบาลย่อมต้องพังพาบลงอย่างรวดเร็วเป็นแน่

แต่ ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ เชื่อใจว่า ทำเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศจริง โดยถ้าจะผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กันจริงๆ จะต้องมีความชัดเจนว่า จะช่วยเหลือเฉพาะ กับพี่น้องประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกคุมขังในเรือนจำเท่านั้น จะต้องไม่พ่วงไปยัง เหล่าแกนนำ ไม่ว่า เสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือว่า ไม่มีสีเสื้อ ให้สามารถพ้นผิด

นั่นคือ ต้องกำหนดออกมาให้ชัดว่า บุคคลใดบ้างที่จะเรียกว่า"แกนนำ" ซึ่งจะไม่ได้รับประโยชน์ จากกฎหมายฉบับนี้ ถ้าทำได้ก็ไม่น่ามีปัญหา ก็ได้แต่หวังว่า คงไม่ถึงขั้น ต้องไปตีความคำว่า"แกนนำผู้ชุมนุม"เหมือนกับ ยุคสมัยหนึ่ง ที่นักการเมือง ต้องมาถกเถียงกัน หน้าดำคร่ำเครียด ตีความคำว่า “เกษตรกร” หมายถึงอะไร ทั้งที่ประเทศไทย คือ เมืองแห่งเกษตรกรรม...

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ

[Continue reading...]

ประชาธิปัตย์ ช๊อค ! พาดหัวข่าวไทยรัฐ "นายกฯไหว้พระ เจ้าอาวาสอวยพรขอให้อยู่ยาว 16 ปี"

นายกฯ ทัวร์ขมิ้นสักการะพระพุทธมงคล ขณะเจ้าอาวาสวัดพุทธมงคลให้พรพร้อมมอบพระพุทธรูปพระประธานกันทรวิชัยและภาพพระพุทธ ให้ด้วย...

นายกฯ ทัวร์ขมิ้นสักการะพุทธมงคล สำหรับภารกิจวันที่สองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการเร่งด่วนรัฐบาล จ.บุรีรัมย์ และ จ.มหาสารคาม ระหว่างวันท่ี่ 14-15 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 15 ก.ค.เวลา 08.40 น.นายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นายพีระพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.

ทั้งหมดออกเดินทางจากที่พักโรงแรมตักศิลา จ.มหาสารคาม เข้าสักการะพระพุทธมงคล วัดพระพุทธมงคล(พระยืน) ต.คันธารราษฎร์ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งพระพุทธมงคลเป็นพระพุทธรูปยืนใต้ต้นโพธิ์ มีลักษณะคล้ายงอกมาจากต้นโพธิ์ และเข้ากราบนมัสการพระครูอนุรักษ์ พุทธมงคล เจ้าอาวาสวัดพุทธมงคล ขณะที่ เจ้าอาวาสได้ให้พรนายกฯ ว่า ขอให้นายกฯ คิดอะไรให้สมความปรารถนา ประชาชนให้กำลังใจอยู่  ขอให้เป็นนายกฯ 16 ปีและขอให้แฮปปี้ๆ ท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยมาที่วัดนี้ จึงถือว่าท่านเดินตามรอย ทั้งนี้ พระครูอนุรักษ์ได้มอบพระพุทธรูปพระประธานกันทรวิชัยและภาพพระพุทธมงคล (พระยืน) พร้อมกรอบรูปให้กับนายกฯ กราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล ขณะที่ประชาชน จ.มหาสารคาม และจังหวัดใกล้เคียงที่ทราบข่าวได้มารอต้อนรับนายกฯ เป็นจำนวนมาก ต่างเข้าขอจับมือนายกฯ และถ่ายภาพคู่ บางคนถึงกลับร้องไห้เข้าสวมกอดนายกฯ พร้อมกับกล่าวว่ามารอนายกฯ ตั้งแต่เช้าแล้ว ได้เจอตัวจริงก็ดีใจ

 

[Continue reading...]

ชาวบ้านสุดทน นายทุนเจ้าของธุรกิจแพปลาใหญ่ จ.เมืองนครศรีฯ บุกรุกยึดครองกรณีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน เป็นของตยเอง

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 15 ก.ค.  ที่สมาคมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวัชระ ถาวรพราหมณ์  ส.อบจ. นครศรีธรรมราช เขต อ.เมือง นายอุดม พุทธพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ปากพูน  นายทันวิทย์  ถาวรพราหมณ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 พร้อมตัวแทนชาวบ้านต.ปากพูน ได้นำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เดินทางเข้าร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน ให้ช่วยเป็นสื่อกลางประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการ แก้ปัญหานายทุนเจ้าของธุรกิจแพปลารายใหญ่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชบุกรุกยึดครองกรณีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน พื้นที่ หมู่ 2 และหมู่ 9 เป็นของตัวเองเป็นบริเวณกว้างกว่า 5,000 ไร่ 

 

โดยนายวัชระ เปิดเผยว่า นายทุนเจ้าของแพปลาดังกล่าวถือเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยติดอันดับต้น ๆ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้บุกรุกยึดครองป่าชายเลนใน ต.ปากพูน ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง ทำการเกษตร ร่วมกัน แต่จู่ ๆ นายทุนคนดังกล่าวนำหลักฐานเอกสารสิทธิ์ที่ดินทั้งที่เป็นโฉนด และ น.ส. 3 มาอ้างว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นของตนเองถูกต้องตามกฎหมาย หากใครต้องการจะทำมาหากินในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องจ่ายค่าเช่าเป็นรายปี จนชาวบ้านต้องจำใจเช่าป่าชายเลนรายปี ๆ ละหลายหมื่นบาทเพื่อทำประมงพื้นบ้านเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาตามธรรมชาติและทำการเกษตร และต้องซื้อวัสดุ อุปกรณ์ประมงต่าง ๆ  รวมทั้งอาหารกุ้ง ปลาของนายทุนคนดังกล่าว 

 

อย่างไรก็ตามชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเงินสดจ่ายค่าเช่าจึงต้องนำบ้าน โฉนดที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่น ๆ มาจำนองค้ำประกันค่าเช่าไว้กระทั่งถูกยึดบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินเพื่อใช้ชำระหนี้ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก หลายครอบครัวกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว

ส.อบจ.คนดังเมืองคอนกล่าวอีกว่า  นอกจากนี้นายทุนคนดังกล่าวยังนำแรงงานต่างด้าวทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายหลายร้อยคนเข้ามาทำงานในกิจการของตน มีนายดาบตำรวจนอกราชการเป็นผู้ควบคุมดูแลแรงงานต่างด้าวทั้งหมดและเคลียร์ผลประโยชน์กับเจ้าหน้าที่เป็นรายหัว โดยสร้างที่อยู่อาศัยให้ในที่ป่าชายเลน มีการสร้างประตูรั้วเหล็กกั้นห้ามเข้าหรือแค่เดินผ่านก็ไม่ได้ กลายเป็นอาณาจักรแรงงานต่างด้าวไปโดยปริยาย บรรดาแรงงานต่างด้าวมักจะก่อเหตุทะเลาะวิวาท ฆ่ากันตาย ก่อปัญหาอื่น ๆ ทั้งเรื่องยาเสพติดและอาชญากรรมส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่เป็นอย่างมาก ตนพยายามร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน แต่เรื่องก็เงียบหายไม่ได้รับการแก้ไขใด ๆ ตนจึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือปลดแอกชาวบ้านใน ต.ปากพูน ให้เป็นอิสระเสียที  ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องออกโฉนดที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนให้กับนายทุนได้อย่างไร

 

โดยในวันสองวันนี้ตนพร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจะเดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนกับนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายวัชระ พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้นำผู้สื่อข่าวเดินทางลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่ถูกนายทุนบุกรุกยึดครอง พบว่าพื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าวยังมีความอุดมสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งเป็นป่าโกงกางและพันธุ์ไม้น้ำอื่น ๆ หลากหลายชนิดเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำ ในขณะที่พื้นที่อีกส่วนหนึ่งที่ให้เช่าบ้านเช่าใช้เป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาตามธรรมชาติ และทำการเกษตรอื่น ๆ  โดยนายทุนได้ขุดยกร่องกว้างประมาณ 15 เมตรเพื่อแสดงอาณาเขตของตนเอง พร้อมสร้างแนวรั้วกั้นในส่วนของที่อยู่อาศัยแรงงานต่างด้าว

 

 นอกจากพื้นที่ป่าชายเลนใน ต.ปากพูน กว่า 5,000 ไร่แล้วพื้นที่ป่าชายเลนใน ต.ท่าซัก และ ต.ปากนคร ซึ่งต่อเนื่องไปจากป่าชายเลนใน ต.ปากพูน ก็ถูกนายทนรายเดียวกันบุกรุกยึดครองในลักษณะเดียวกัน คาดว่าพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกรุกยึดของในพื้นที่ 3 ตำบลไม่น้อยกว่า 10,000 ไร่ โดยมีชาวบ้านนับร้อยรายจำใจเช่าพื้นที่ป่าชายเลนจากนายทุนเพื่อทำมาหากิน นอกจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้วยังเป็นการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”.

 

ที่มา : นสพ.เดลินิวส์

[Continue reading...]

คลิบลับไม่แรงอย่างที่คิด โดยใบตองแห้ง

คอลัมน์ใบตองแห้ง ออนแอร์ ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2556

ช่วงใบตองแห้งออนแอร์วันนี้ คุยกันเรื่องคลิปลับที่เชื่อกันว่าเป็นเสียงสนทนาระหว่างพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร กับนายพลทหารท่านหนึ่ง ฟังการวิเคราะห์กันว่า เหตุใดคลิปนี้ที่ดูเหมือนผู้ปล่อยออกมา หวังสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย แต่จนถึงขณะนี้ กลับไม่มีอะไรร้อนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด 

14 กรกฎาคม 2556 เวลา 18:10 น.

[Continue reading...]

จำนวนเกษตรกรพักหนี้ลดลง เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้น

จากเว็บ คนละดอก ตอกประเด็น

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นสถาบันการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาคชนบทของประเทศ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ในการประกอบอาชีพและกิจกรรมของครัวเรือน ช่วยให้ประชาชนในภาคชนบทสามารถเพิ่มรายได้และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามประชาชนในชนบทยังต้องประสบกับปัจจัยเสี่ยงในการผลิต อันเกิดจากภัยธรรมชาติ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวมถึงปัจจัยอื่นที่ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อภาระการใช้จ่ายของครัวเรือนและหนี้สิน

อันเป็นต้นเหตุของปัญหาหนี้สินและความยากจน กระทรวงการคลังได้รับมอบหมายจากรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการพักหนี้ครัวเรือนของเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยโดยจะทำการพักหนี้ให้กับลูกค้าสถาบันการเงินของรัฐ

วัตถุประสงค์

1. เพื่อพัฒนาศักยภาพของประชาชนในภาคชนบทให้มีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง มีรายได้ที่มั่นคง
2. เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.
3. พื่อให้เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. มีโอกาสนำเงินที่ต้องส่งชำระหนี้ไปฟื้นฟูตนเองในการประกอบอาชีพ และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของครัวเรือนให้ดีขึ้นระหว่างการพักชำระหนี้
4. เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรลูกค้ารักษาวินัยทางการเงินโดยมีการชำระหนี้ได้ตามที่กำหนดไว้

ผลการดำเนินงานโครงการพักหนี้กษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท

ผลการดำเนินงาน ณ เดือนพฤษภาคม 2556 คงเหลือเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 2,080,576 ราย เป็นจำนวนเงิน 196,995 ล้านบาท จำแนกเป็นลูกค้าประสงค์พักเงินต้นและลดดอกเบี้ย จำนวน 1,825,206 ราย เป็นจำนวนเงิน 185,920 ล้านบาท ลูกค้าประสงค์ลดดอกเบี้ย จำนวน 255,370 ราย จำนวนเงิน 11,075 ล้านบาท

หมายเหตุ : จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท ลดลงในเดือนพฤษภาคม 2556 เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมโครงการพักหนี้ฯ บางส่วนชำระหนี้เสร็จ บางส่วนต้องการไถ่ถอนที่ดินคืน และบางส่วนได้รับความช่วยเหลือจากโครงการนโยบายรัฐอื่นๆที่มา : เว๊บไซด์ ธกส . http://www.baac.or.th/content-report.php

[Continue reading...]

ตำรวจหนุ่มใจเด็ด ไล่ล่าคนร้าย ขโมยรถ ด้วยปฏิภาณและไหวพริบ

 

จากเว็บ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นขณะ ด.ต.อมร พานวงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ทำหน้าที่เข้าเวรที่ตู้ยามแยก กม.14 ขณะนั้นช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.เศษได้รับแจ้งจากทางวิทยุว่าในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดมีเหตุ ขโมยรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน พร้อมกับหมายเลขทะเบียนดังกล่าว

หลังจากจดรายละเอียดแล้ว ด.ต.อมร ก็ยังคงอยู่เวรตู้ยามปกติ โดยเลือกนั่งพักในเก้าอี้ ลุกบ้างเดินบ้างเพื่อไม่ให้เกิดอาการง่วง

จนเวลาผ่านเลยไปเมื่อประมาณเวลา 05.00 น.เศษ เขาก็เลยเดินออกมาเล่นนอกตู้ยาม ปราฏว่าเหลือบไปเห็นรถต้องสงสัยที่ได้รับแจ้งทางวิทยุในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับรูปพรรณ ยี่ห้อรถ พร้อมกับป้ายทะเบียนที่แจ้งหายดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจในช่วงนั้นจากรวดเร็ว หยิบอาวุธประจำกายพร้อมรถจักรยานยนต์แล้วขี่ไล่ตามรถคนร้ายเพื่อให้ทันและไม่ให้ละสายตา จากกม. 14 ถึงแยกแกใหญ่เข้าตัวเมืองสุรินทร์ ช่วงนั้นห่างประมาณ 11 กม. ที่เขาตัดสินใจไล่ล่าคนร้าย และรถต้องสงสัย ด.ต.อมร พานวงศ์ ใช้สติและปฏิภาณไหวพริบในช่วงนั้น ที่ตัดสินใจแซงรถคนร้าย แล้วเอารถจักรยานยนต์ไปสกัดที่ตรงสี่แยกไฟแดงบ้านแกใหญ่

จากนั้นเมื่อรถยนต์คันแรกหยุดเขารีบวิ่งไปบอกรถที่จอดคันแรกว่า มีคนร้ายอยู่รถคันหลังประมาณคันที่ 4 บอกให้หยุดไม่ว่าจะเป็นไฟเขียวหรือไฟแดง จนกว่าจะสกัดจับคนร้ายไว้ได้ จากแผนการดังกล่าวรถที่วิ่งตามคันหลังก็มาติดตรงแยกไฟแดง จนถึงรถคนร้ายคันที่ 4 ช่วงนั้น ด.ต.อมร พานวงศ์ได้แจ้งให้ทางพนักงานวิทยุศรีไผท หรือสภ.เมืองสุรินทร์ให้ทราบและขอกำลังเสริม เพราะอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ ในวินาทีนั้นเองเขาตัดสินใจด้วยหัวใจของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ วิ่งไปรถเป้าหมายทางประตูด้านคนขับ หยิบอาวุธปืนที่พกติดตัว เล็งไปยังคนขับพร้อมกับตะโกนบอกให้ยกมือขึ้นแล้วมอบตัว ครั้งนั้นเขาต้องใช้สมาธิและความกล้าหาญสูงเพราะไม่ทราบว่าคนในรถมีกี่คน จากนั้นเมื่อเปิดประตูก็เห็นเป็นชายราววัย 40 ปี และเพื่อนสาวที่นั่งมาด้วย เมื่อทางตำรวจจากสภ.เมืองสุรินทร์มาถึงจึงได้ประสานให้ทางสภ.เมืองสุรินทร์ดำเนินการต่อไปเพราะอยู่ในเขตของสภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อประสานไปยังตำรวจที่ร้อยเอ็ดในพื้นที่เกิดเหตุ

จากประสบการณ์ครั้งนั้น ด.ต.อมร พานวงศ์รู้สึกได้ถึงความภูมิใจว่าตัวเองทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจไทย ....ชุมชนเขวาสินรินทร์ขอชื่นชมและกดไลน์ให้ร้อยคะแนนเต็มคร๊าบบบบบ

เรื่องราวจาก ชุมชนเขวาสินรินทร์

[Continue reading...]