รายละเอียดเพิ่มเติมุ :1.ภาพเส้นทางพายุ : http://weather.unisys.com/hurricane/index.php
2.แผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมจาก NASA : http://disc2.nascom.nasa.gov/Giovanni/tovas/realtime.3B42RT.2.shtml#description
3.แผนภาพฝนสังเคราะห์จากข้อมูลฝนรายวันของกรมอุตุนิยมวิทยา : http://www.thaiwater.net/hydro_report/gallery/index.php
ร่องมรสุม
ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณตอนบนและตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และการที่มีร่องมรสุมพาดผ่านอย่างต่อเนื่องรวมทั้งการได้รับผลกระทบจากพายุถึง 5 ลูก ทำให้ปริมาณน้ำที่เข้าท่วมหลากในแต่ละพื้นที่ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
เดือนพฤษภาคม มีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณตอนกลางของประเทศ ช่วงวันที่ 13-20 พฤษภาคม 2554 และในช่วงวันที่ 23-31 พฤษภาคม มีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณตอนกลางของประเทศและเคลื่อนตัวขึ้นไปทางตอนบนของประเทศในช่วงปลายเดือน ร่องมรสุมทั้งสองครั้งทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก
เดือนมิถุนายน มีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทย 3 ครั้ง คือ ช่วงวันที่ 1-2 มิถุนายน 2554 พาดผ่านบริเวณตอนกลางของประเทศ ช่วงวันที่ 13-19 มิถุนายน 2554 พาดผ่านทางด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงวันที่ 28-29 มิถุนายน 2554 พาดผ่านบริเวณประเทศพม่าและบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย
เดือนกรกฎาคม มีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทย 2 ครั้ง คือ ช่วงวันที่ 11-17 กรกฎาคม 2554 พาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และช่วงวันที่ 25-26 กรกฎาคม 2554 พาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่นกัน แต่ได้เลื่อนต่ำลงมาจากครั้งแรกเล็กน้อย
เดือนสิงหาคม มีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทย 5 ครั้ง คือ ช่วงวันที่ 1-3 สิงหาคม 2554 พาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงวันที่ 7-8 สิงหาคม ยังคงพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ได้เลื่อนขึ้นสู่ตอนบนเล็กน้อย ต่อมามีร่องมรสุมพาดผ่านอีกครั้งช่วงวันที่ 10-12 สิงหาคม 2554 ช่วงวันที่ 15-22 สิงหาคม 2554 และช่วงวันที่ 24-30 สิงหาคม 2554 โดยยังคงพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยร่องมรสุมมีการเคลื่อนลดต่ำลงด้านล่างสลับกับการเคลื่อนขึ้นสู่ด้านบน
เดือนกันยายน มีร่องมรสุมพาดผ่านพาดประเทศไทยเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ช่วงวันที่ 4-25 กันยายน 2554 โดยร่องมรสุมมีการเคลื่อนตัวสลับขึ้นลง ทำให้พาดผ่านทั้งบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพาดผ่านบริเวณตอนกลางของประเทศบริเวณด้านตะวันตกของประเทศ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
เดือนตุลาคม มีร่องมรสุมพาดผ่านตอนกลางของประเทศ ช่วงวันที่ 3-17 ตุลาคม 2554 ส่งผลให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนตกค่อนข้างมาก
ตัวอย่างภาพแผนที่อากาศที่ระดับความสูง 1.5 กิโลเมตร เหนือระดับน้ำทะเล จากแบบจำลองสภาพอากาศ WRF
ช่วงวันที่ 10 - 12 กันยายน 2554 ที่มีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านบริเวณภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง
ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ ปริมาณน้ำ
ในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้เหตุการณ์น้ำท่วมยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
10 ก.ย. 54 |
11 ก.ย. 54 |
12 ก.ย. 54 |
หมายเหตุ : ตัวเลขค่าน้อย หมายถึง ยิ่งมีฝนมาก ตัวเลขค่ามาก หมายถึง อากาศยิ่งหนาวมาก |
รายละเอียดเพิ่มเติมุ :ภาพแผนที่อากาศ : www.thaiwater.net , http://live1.haii.or.th/wrf_image/weather_map.php
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้
เดือนพฤษภาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่เริ่มพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตั้งแต่ต้นเดือน ทำให้มีฝนตกต่อเนื่องและเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป
เดือนมิถุนายน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตลอดเดือน โดยมีกำลังแรงเป็นระยะ ๆ
เดือนกรกฎาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมเกือบตลอดเดือน
เดือนสิงหาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเกือบตลอดเดือน ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณตอนบนของประเทศมีฝนตกหนาแน่นเกือบตลอดเดือน โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีรายงานฝนหนักถึงหนักมาก เป็นระยะๆ จนก่อให้เกิดน้ำท่วมต่อเนื่องในหลายพื้นที่
เดือนกันยายน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเกือบตลอดเดือน
เดือนตุลาคม ในระยะครึ่งแรกของเดือนร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ตอนบนเป็นส่วนใหญ่ ประกอบกับในช่วงต้นเดือนพายุไต้ฝุ่น “เนสาด” (NESAT) และพายุโซนร้อน “นาลแก” (NALGAE) ได้เคลื่อนเข้ามาและสลายตัวบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงเกือบตลอดช่วง ส่วนในระยะครึ่งหลังของเดือนบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยได้เปลี่ยนเป็นมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกในระยะครึ่งแรกของเดือน จากนั้นฝนและอุณหภูมิลดลง
ภาพตัวอย่างแผนที่ความเร็วลม ที่ระดับ 1.5 กิโลเมตร เหนือระดับน้ำทะเล จากแบบจำลองสภาพอากาศ WRF ช่วงวันที่ 29 - 31 กรกฎาคม 2554
อิทธิพลจากพายุโซนร้อน "นกเตน" ส่งผลให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดผ่านทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น
โดยความเร็วลมสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2554
29 ก.ค. 54
|
30 ก.ค. 54
|
31 ก.ค.54
|
|
รายละเอียดเพิ่มเติมุ :ภาพแผนที่ความเร็วลม : www.thaiwater.net, http://live1.haii.or.th/wrf_image/weather_map.php
ปริมาณฝน
ปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ต้นปี
ปี 2544 ปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 1,781 มิลลิเมตร ซึ่งมีค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับปริมาณฝนสะสมของปี 2549-2553 และมากกว่าปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยระหว่างปี 2493-2540 และเมื่อพิจารณาเส้นกราฟของปี 2554 ยังพบอีกว่า ปริมาณฝนสะสมเริ่มมีค่ามากกว่าปีอื่น ๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคม
แผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมรายปีเทียบค่าเฉลี่ย
จากแผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมรายปีที่สังเคราะห์จากข้อมูลฝนรายวันของสถานีตรวจอากาศกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าปี 2554 ปริมาณฝนรวมทั้งประเทศในแต่ละภาคมีปริมาณมากกว่าค่าเฉลี่ยปี 2549-2540 อีกทั้งยังมากกว่าปริมาณฝนรวมของปี 2549 และปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก และเป็นปีที่เกิดน้ำท่วมหนัก โดยปริมาณฝนรวมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤจิกายน 2554 อยู่ที่ 1,781 มิลลิเมตร มากกว่าค่าเฉลี่ย 407 มิลลเมตร และมากกว่าปี 2549 และ 2553 อยู่ 247 และ 345 มิลลิเมตร ตามลำดับ
ค่าเฉลี่ย (2493-2540)
(1,374 มม./ปี)
|
2549
(1,534 มม./ปี)
|
2553
(1,436 มม./ปี)
|
2554
(1,781)*
|
*คำนวณตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2554
แผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมรายเดือนเทียบค่าเฉลี่ย จากแผนภาพแสดงปริมาณฝนสะสมรายเดือนที่สังเคราะห์จากข้อมูลฝนรายวันของสถานีตรวจอากาศกรมอุตุนิยมวิทยา เปรียบเทียบกับปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยรายเดือนปี 2493-2540 ปี 2549 และปี 2553 สามารถสรุปได้ดังนี้
เดือนมกราคม ปี 2554 มีปริมาณฝนค่อนข้างมากในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักบริเวณดังกล่าว ตรงกันข้ามกับพื้นที่ตอนบนของประเทศที่ปริมาณฝนต่ำมาก เป็นผลทำให้เกิดภัยแล้ง
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2554 ปริมาณฝนโดยรวมทั้งประเทศมีค่าค่อนข้างต่ำ แต่หากพิจารณาเป็นพื้นที่จะพบว่าบริเวณภาคใต้มีฝนลดลงค่อนข้างมาก ส่วนตอนบนของประเทศเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้นจากเดินมกราคมเล็กน้อย
เดือนมีนาคม ปี 2554 ปริมาณฝนรวมทั้งประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ค่อนข้างมาก และปริมาณฝนรวมทั้งประเทศมีค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 48 ปี ปี 2549 และปี 2553 โดยพื้นที่ภาคใต้มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก ทำให้เกิดน้ำท่วมหนัก ส่วนตอนบนของประเทศมีปริมาณฝนมากทางด้านตะวันตกของประเทศตั้งแต่ภาคเหนือตลอดแนวยาวลงมาจนถึงบริเวณภาคกลางตอนล่าง
เดือนเมษายน ปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศปี 2554 ยังคงมีค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับปีอื่น และในเดือนนี้ปริมาณฝนในพื้นที่ภาคเหนือเริ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะทางด้านตะวันออกของภาค
เดือนพฤษภาคม ปี 2554 ยังคงมีปริมาณฝนสะสมสูงที่สุด และมีฝนตกกระจายตัวค่อนข้างมากในทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เดือนมิถุนายน ปี 2554 บริเวณภาคกลาง ตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือปริมาณฝนลดลง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่วนภาคตะวันออก บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยเดือนนี้ ปี 2554 ยังคงมีปริมาณฝนรวมทั้งประเทศมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีอื่น
เดือนกรกฎาคม ปี 2554 ยังคงมีปริมาณฝนสะสมสูงที่สุด โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วค่อนข้างมาก
เดือนสิงหาคม ปี 2554 ปริมาณฝนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมค่อนข้างมาก โดยปริมาณฝนรวมของเดือนนี้ มีค่าอยู่ที่ 288.84 มิลลิเมตร ซึ่งน้อยกว่าเดือนสิงหาคม ปี 2553 แต่มากกว่าค่าเฉลี่ย 48 ปี และมากกว่าปี 2549
เดือนกันยายน ปี 2554 ปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศ อยูที่ 314.94 มิลลิเมตร ซึ่งมีค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับปีอื่น โดยมีฝนมากบริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
เดือนตุลาคม ปี 2554 ปริมาณฝนลดลงจากเดือนกันยายนค่อนข้างมาก โดยยังคงมีฝนตกกระจุกตัวเป็นบางแห่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องจากเดือนกันยายน สำหรับปริมาณฝนรวมทั้งประเทศเดือนนี้ ปี 2554 มีปริมาณฝนรวมมากกว่ากว่าเฉลี่ย 40 ปี แต่น้อยกว่าปี 2549 และ 2553
เดือนพฤศจิกายน ปี 2554 บริเวณตอนบนของประเทศปริมาณฝนลดลงค่อนข้างมาก ส่วนภาคใต้ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แต่ยังคงน้อยกว่าปี 2553
จะเห็นได้ว่าปี 2554 เริ่มมีฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นฝนที่มาเร็วกว่าปกติ โดยมีฝนมากด้านตะวันตกของภาคเหนือ เดือนต่อมามีฝนมากด้านตะวันออกของภาคเหนือ และหลังจากนั้นก็มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในทุกเดือนและกระจายตัวเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเดือนกันยายนที่มีฝนมากที่สุด และเริ่มมีฝนลดลงในเดือนตุลาคม
ปริมาณฝนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปี 2554 ปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ต้นปีมีค่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับปริมาณฝนรายเดือนสะสม ของสำนักการระบายน้ำเฉลี่ยคาบ 20 ปี (2534-2553) และ ปริมาณฝนรายเดือนสะสมของ กรมอุตุนิยมวิทยาเฉลี่ยคาบ 30 ปี (2524-2553) โดยในวันที่ 1 ธันวาคม 2554 มีปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2,257.5 มิลลิเมตร ซึ่งปริมาณฝนรายเดือนสะสมเฉลี่ยคาบ 20 ปี ของสำนักการระบายน้ำ สิ้นเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 1,654.4 มิลลิเมตร ส่วนปริมาณฝนรายเดือนสะสมเฉลี่ยคาบ 30 ปี ของกรมอุตุนิยมวิทยา สิ้นเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 1,641.9 มิลลิเมตร
หากพิจารณาฝนสะสมรายเดือนของปี 2554 พบว่าเดือนตุลาคมมีปริมาณฝนสะสมสูงที่สุดอยู่ที่ 388.0 มิลลิเมตร และในปีนี้ปริมาณฝนเริ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฝนที่มาเร็วกว่าปกติ
ที่มา : สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร
ที่มา : สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร
ปริมาณน้ำในเขื่อน
ปริมาณน้ำไหลเข้าสะสม น้ำในอ่าง และน้ำระบายสะสมของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ปี 2554 ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ สะสมของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลต่อการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ ของเขื่อนดังกล่าวมีค่าสูงที่สุดตั้งแต่มีการสร้างเขื่อน โดยเขื่อนภูมิพล เริ่มมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ สะสมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนช่วงเดือนเมษายน ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณน้ำไหลเข้าฯ สะสม เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในเดือนพฤษภาคม ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ สะสมริ่มเพิ่มขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน และเมื่อนำข้อมูลดังกล่าวของทั้ง 3 เขื่อน เปรียบเทียบกับปี 2538 2549 และ 2553 ซึ่งเป็นปีที่เกิดน้ำท่วมหนัก พบว่าปี 2554 ปริมาณน้ำไหลเข้าฯ สะสมมากกว่าปีที่เกิดน้ำท่วมหนักในอดีตค่อนข้างมาก
เขื่อนภูมิพล | | |
ปริมาณน้ำไหลเช้าสะสมอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล
|
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล
|
ปริมาณน้ำระบายสะสมอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล
|
เขื่อนสิริกิติ์ | | |
ปริมาณน้ำไหลเช้าสะสมอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์
|
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์
|
ปริมาณน้ำระบายสะสมอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์
|
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ | | |
ปริมาณน้ำไหลเช้าสะสมอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
|
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
|
ปริมาณน้ำระบายสะสมอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
|
รายละเอียดเพิ่มเติมุ : http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/rid_bigcm.html
เปรียบเทียบปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ปี 2554 2553 2549
ปี 2554 เป็นปีที่มีปริมาณน้ำกักเก็บรวมทั้งประเทศค่อนข้างมาก ไม่ใช่แต่เพียงพื้นที่ภาคเหนือเท่านั้นที่มีปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างฯ ค่อนข้างมาก ทั้งพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำค่อนข้างมาก รวมทั้งมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ สะสม ค่อนข้างมาก เช่นกัน
รายงานวันที่ 31 ตุลาคม 2554 พบว่า อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำกักเก็บตั้งแต่ 100% ที่ รนก. ขึ้นไป ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ กิ่วคอหมา แควน้อย แม่งัด ลำตะคอง ลำพระเพลิง น้ำอูน อุบลรัตน์ จุฬาภรณ์ มูลบน ลำแซะ ป่าสัก กระเสียว ทับเสลา หนองปลาไหล คลองสียัด ประแสร์ หน่วย : ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
|
31-ต.ค.-54
|
31-ต.ค.-53
|
31-ต.ค.-49
|
| ไหลเข้าสะสม |
11,656
|
4,931
|
7,924
|
ภูมิพล (2)
| กักเก็บ |
(99%) 13,390
|
8,461
|
13,294
|
| ระบายสะสม |
6,163
|
4,392
|
4,591
|
| ไหลเข้าสะสม |
10,629
|
5,852
|
6,852
|
สิริกิติ์ (2)
| กักเก็บ |
(100%) 9,495
|
7,781
|
9,464
|
| ระบายสะสม |
8,223
|
3,248
|
5,216
|
| ไหลเข้าสะสม |
448
|
339
|
361
|
แม่งัด
| กักเก็บ |
(103%) 274
|
279
|
253
|
| ระบายสะสม |
422
|
160
|
373
|
| ไหลเข้าสะสม |
1,359
|
632
|
903
|
กิ่วลม
| กักเก็บ |
(89%) 100
|
91
|
100
|
| ระบายสะสม |
1,361
|
613
|
898
|
| ไหลเข้าสะสม |
375
|
167
|
201
|
แม่กวง
| กักเก็บ |
(98%) 259
|
148
|
178
|
| ระบายสะสม |
268
|
92
|
256
|
| ไหลเข้าสะสม |
3,196
|
2,167
|
1,896
|
ลำปาว
| กักเก็บ |
(99%) 1,969
|
1,287
|
1,405
|
| ระบายสะสม |
2,330
|
2,087
|
1,657
|
| ไหลเข้าสะสม |
492
|
427
|
308
|
ลำตะคอง
| กักเก็บ |
(112%) 353
|
360
|
237
|
| ระบายสะสม |
376
|
200
|
239
|
| ไหลเข้าสะสม |
214
|
354
|
194
|
ลำพระเพลิง
| กักเก็บ |
(100%) 110
|
111
|
106
|
| ระบายสะสม |
201
|
308
|
140
|
| ไหลเข้าสะสม |
629
|
314
|
323
|
น้ำอูน
| กักเก็บ |
(103%) 534
|
356
|
459
|
| ระบายสะสม |
365
|
122
|
338
|
| ไหลเข้าสะสม |
5,264
|
4,189
|
2,381
|
อุบลรัตน์ (2)
| กักเก็บ |
(113%) 2,738
|
2,855
|
2,141
|
| ระบายสะสม |
3,974
|
2,168
|
778
|
| ไหลเข้าสะสม |
2,161
|
1,082
|
2,079
|
สิรินธร (2)
| กักเก็บ |
(96%) 1,887
|
1,590
|
1,839
|
| ระบายสะสม |
1,265
|
576
|
1,420
|
| ไหลเข้าสะสม |
253
|
266
|
160
|
จุฬาภรณ์ (2)
| กักเก็บ |
(103%) 169
|
176
|
147
|
| ระบายสะสม |
217
|
194
|
125
|
| ไหลเข้าสะสม |
286
|
162
|
187
|
ห้วยหลวง
| กักเก็บ |
(75%) 101
|
127
|
128
|
| ระบายสะสม |
245
|
66
|
90
|
| ไหลเข้าสะสม |
66
|
63
|
33
|
ลำนางรอง
| กักเก็บ |
(85%) 103
|
86
|
47
|
| ระบายสะสม |
23
|
20
|
20
|
| ไหลเข้าสะสม |
186
|
97
|
137
|
มูลบน
| กักเก็บ |
(110%) 155
|
119
|
140
|
| ระบายสะสม |
144
|
55
|
63
|
| ไหลเข้าสะสม |
215
|
140
|
141
|
น้ำพุง (2)
| กักเก็บ |
(99%) 163
|
123
|
138
|
| ระบายสะสม |
142
|
74
|
102
|
| ไหลเข้าสะสม |
274
|
194
|
239
|
ลำแซะ
| กักเก็บ |
(112%) 307
|
252
|
253
|
| ระบายสะสม |
198
|
143
|
117
|
| ไหลเข้าสะสม |
4,958
|
3,192
|
3,212
|
ป่าสักฯ
| กักเก็บ |
(130%) 1,021
|
976
|
916
|
| ระบายสะสม |
4,279
|
2,855
|
2,995
|
| ไหลเข้าสะสม |
840
|
450
|
1,436
|
แก่งกระจาน
| กักเก็บ |
(81%) 577
|
314
|
588
|
| ระบายสะสม |
505
|
498
|
1,429
|
| ไหลเข้าสะสม |
6,937
|
3,133
|
6,272
|
ศรีนครินทร์ (2)
| กักเก็บ |
(91%) 16,179
|
14,269
|
17,135
|
| ระบายสะสม |
4,630
|
4,297
|
3,605
|
| ไหลเข้าสะสม |
6,832
|
2,324
|
7,336
|
วชิราลงกรณ (2)
| กักเก็บ |
(86%) 7,626
|
5,035
|
8,083
|
| ระบายสะสม |
3,549
|
3,869
|
6,688
|
| ไหลเข้าสะสม |
288
|
120
|
977
|
ปราณบุรี
| กักเก็บ |
(59%) 204
|
112
|
374
|
| ระบายสะสม |
167
|
291
|
914
|
| ไหลเข้าสะสม |
455
|
660
|
345
|
กระเสียว
| กักเก็บ |
(107%) 257
|
263
|
252
|
| ระบายสะสม |
383
|
533
|
229
|
| ไหลเข้าสะสม |
175
|
207
|
117
|
ทับเสลา
| กักเก็บ |
(102%) 163
|
165
|
121
|
| ระบายสะสม |
103
|
100
|
54
|
| ไหลเข้าสะสม |
68
|
70
|
46
|
บางพระ
| กักเก็บ |
(91%) 106
|
94
|
70
|
| ระบายสะสม |
45
|
35
|
28
|
| ไหลเข้าสะสม |
293
|
176
|
183
|
หนองปลาไหล
| กักเก็บ |
(102%) 167
|
166
|
164
|
| ระบายสะสม |
281
|
166
|
123
|
| ไหลเข้าสะสม |
3,315
|
1,616
|
3,002
|
รัชชประภา (2)
| กักเก็บ |
(80%) 4,515
|
3,775
|
5,143
|
| ระบายสะสม |
2,638
|
2,489
|
2,372
|
| ไหลเข้าสะสม |
1,350
|
1,015
|
1,285
|
บางลาง (2)
| กักเก็บ |
(46%) 666
|
864
|
882
|
| ระบายสะสม |
1,820
|
1,310
|
1,791
|
| ไหลเข้าสะสม |
383
|
400
|
353
|
คลองสียัด
| กักเก็บ |
(102%) 427
|
427
|
345
|
| ระบายสะสม |
276
|
195
|
189
|
| ไหลเข้าสะสม |
621
|
236
|
304
|
คลองท่าด่าน
| กักเก็บ |
(96%) 216
|
218
|
217
|
| ระบายสะสม |
612
|
194
|
294
|
| ไหลเข้าสะสม |
394
|
286
|
196
|
ประแสร์
| กักเก็บ |
(104%) 257
|
255
|
248
|
| ระบายสะสม |
305
|
192
|
150
|
| ไหลเข้าสะสม |
480
|
275
| |
กิ่วคอหมา
| กักเก็บ |
(110%) 187
|
198
| |
| ระบายสะสม |
467
|
152
| |
| ไหลเข้าสะสม |
2,950
|
1,150
| |
แควน้อย
| กักเก็บ |
(100%) 942
|
780
| |
| ระบายสะสม |
2,691
|
964
| |
การบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ปี 2554
เขื่อนภูมิพลช่วงเดือนเมษายน ปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 45% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง ทำให้การระบายน้ำของเดือนนี้ค่อนข้างน้อย
เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ เริ่มเพิ่มมากขึ้นจะเดือนที่แล้ว แต่ยังคงมีปริมาณการระบายค่อนข้างน้อยเนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูฝนมีความต้องการใช้น้ำน้อย อีกทั้งเดือนพฤษภาคม ปริมาณน้ำกักเก็บยังคงต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง
ปลายเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม มีการระบายน้ำค่อนข้างน้อยเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนมีความต้องการใช้น้ำน้อย และปริมาณน้ำกักเก็บมีเพียง 63%
เดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายน มีปริมาณน้ำไหลเข้าค่อนข้างมาก อัตราการระบายเพิ่มการระบายน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากมีข้อจำกัดน้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนจากอิทธิพลของพายุนกเตน และร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณตอนบนของประเทศ
กลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากอิทธิพลของพายุไห่ถาง เนสาด และนาลแก และปริมาณน้ำเริ่มสูงกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวบน ทำให้ต้องระบายน้ำสูงกว่าปกติ และจำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำล้นเพื่อความมั่นคงของเขื่อน
เขื่อนสิริกิติ์
ช่วงเดือนเมษายน ปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 50% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง ทำให้การระบายน้ำของเดือนนี้ค่อนข้างน้อย
เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ เริ่มเพิ่มมากขึ้นจะเดือนที่แล้วเล็กน้อย และมีปริมาณการระบายค่อนข้างน้อยเนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูฝนมีความต้องการใช้น้ำน้อย อีกทั้งเดือนพฤษภาคม ปริมาณน้ำกักเก็บยังคงต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง
ปลายเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากพายุไหหม่า และร่องมรสุมที่พัดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทำให้ปริมาณน้ำกักเก็บสูงกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง จึงมีการเพิ่มอัตราการระบาย
เดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนกันยายน ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากพายุนกเตน และร่องมรสุมที่พัดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ต้องเพิ่มอัตราการระบายสูงกว่าปกติ และจำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำเพื่อความมั่นคงของเขื่อน
กลางเดือนกันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ ค่อนข้างมากเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากพายุไห่ถาง เนสาด และนาลแก ทำให้ต้องการระบายน้ำค่อนข้างมากในช่วงแรก และลดการระบายลงในช่วงเดือนตุลาคม
ที่มา : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ปริมาณน้ำท่า
แผนผังแสดงตำแหน่งเขื่อน สถานีวัดน้ำท่า ประตูระบายน้ำ ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต
สถานี C.2 ค่ายจิรประวัติ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปี 2554 ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 4,686 ลูกบากศ์เมตรต่อวินาที (วันที่ 13 ตุลาคม 2554) ซึ่งน้อยกว่าปี 2538 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด 4,820 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (วันที่ 1 ตุลาคม 2538) แต่หากคำนวณเป็นปริมาณน้ำ พบว่าปี 2554 ปริมาณน้ำไหลผ่านตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน อยู่ที่ 39,833 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าปี 2538 อยู่ 10,728 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานี C.13 ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ปี 2554 มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 3,721 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (วันที่ 21 กันยายน 2554) ซึ่งน้อยกว่าปี 2538 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด 4,501 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (วันที่ 5 ตุลาคม 2554) แต่หากคำนวณเป็นปริมาณน้ำ พบว่าปี 2554 มีปริมาณน้ำไหลผ่านตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน อยู่ที่ 31,762 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าปี 2538 อยู่ 8,053 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานี Ct.2A หน้าศาลากลาง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ปี 2554 ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 713 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที( วันที่ 15 ตุลาคม 2554) ซึ่งมีค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับปี 2550 ปี 2551 ปี2552 และ ปี 2553
สถานี C.3 บ้านบางพุดทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ปี 2554 ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 2,965 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที( วันที่ 14 กันยายน 2554) ซึ่งน้อยกว่าปี 2553 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 3,033 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (30 ตุลาคม 2553) แต่มากว่าปี 2551 และปี 2552 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยุ่ที่ 2,250 และ 2,031 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามลำดับ
สถานี C.7A บ้านบางแก้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง ปี 2554 ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 2,665 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที( วันที่ 4 กันยายน 2554) ซึ่งน้อยกว่าปี 2550 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 3,517 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (23ตุลาคม 2550) แต่มากว่าปี 2551 ปี 2552 และปี 2553 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยุ่ที่ 2,059 1,759 และ 2,429 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
สถานี C.35 บ้านป้อม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ปี 2554 ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 1,494 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที( วันที่ 10 ตุลาคม 2554) ซึ่งมีค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับปี 2552 และปี 2553 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด 1,230 และ 1,236 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามลำดับ
สถานี C.29 บ้านสามง่าม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ปี 2554 ปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดอยู่ที่ 3,930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที( วันที่ 6 ตุลาคม 2554) ซึ่งมีค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับปี 2552 และปี 2553 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุด 1,968 และ 3,526 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามลำดับ
ระดับน้ำทะเลหนุน
ช่วงปลายเดือนตุลาคม ช่วงกลางเดือนและช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เกิดระดับน้ำทะเลหนุนบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้การระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น
จากการตรวจวัดระดับน้ำของกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือที่สถานีกองบัญชาการกองทัพเรือ พบว่าช่วงปลายเดือนตุลาคม ระดับน้ำสูงสุด อยู่ที่ 2.53 เมตร ในวันที่ 30 ตุลาคม
ช่วงกลางเดือนระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ 2.41 เมตร ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ส่วนช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน (22-24 พฤศจิกายน) ระดับน้ำหนุนต่ำกว่าช่วงปลายเดือนตุลาคมและช่วงกลางเดือน
พฤศจิกายน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการตรวจวัดระดับน้ำของสำนักระบายน้ำกรุงเทพมหานครที่สถานีสูบน้ำคลองบางอ้อ และสถานีสูบน้ำคลองบางนา
ที่มา : กรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ
ที่มา : สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร
ที่มา : สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร
แผนภาพแสดงความสูงของคลื่นในอ่าวไทย
จากแผนภาพแสดงความสูงของคลื่นบริเวณอ่าวไทยในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2554 พบว่าเกิดการยกตัวของคลื่น
บริเวณอ่าวไทยในช่วงปลายเดือนตุลาคม กลางเดือนพฤศจิกายน และปลายเดือนพฤศจิกายน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ
ลงสู่ทะเล
ช่วงวันที่ 29-31 ตุลาคม 2554