Friday, September 27, 2013

วิกฤติศรัทธา ...ตุลาการ

- 0 comments
                       
                                                            สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ        ในตน
                                                        กินกัดเนื้อเหล็กจน                กร่อนขร้ำ
                                                        บาปเกิดแต่ตนคน                 เป็นบาป
                                                        บาปย่อมทำโทษซ้ำ              ใส่ผู้บาปเอง
ไม่ต้องไปโทษใครในวิกฤติศรัทธา ที่เกิดขึ้นกับ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการปฏิบัติของ คณะตุลาการเองที่ไม่ ดำรงซึ่งความเป็นธรรมอย่างแท้จริง

ยกตัวอย่าง การตัดสินความผิดของ อดีตนายกรัฐมตรี สมัคร สุนทรเวช ในกรณีว่ามีความผิด แค่การทำกับข้าว ซึ่งไม่มีในบทบัญญัติของกฏหมาย เพียงแต่ปรากฏในพจนานุกรม


ขณะที่ความผิดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรณีใช้เอกสารที่ไม่ถูกต้องเข้ารับราชการ ซึ่งกรณีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า  ให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป เพื่อรอคำชี้ขาดของศาลอื่น ในประเด็นคำสั่งกระทรวงกลาโหม มีความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ทั้ง ๆ ที่มีมูลความผิดชัดเจน

กรณีรับเรื่องร้องเรียนโดยตรง กรณีแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 และรับเรื่องร้องเรียนอีกหลายเรื่องหลังจากนั้น  โดยไม่ผ่านอัยการสูงสุด ตาม กฏหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็นการขยายอำนาจให้กับคณะตุลาการเอง โดยไม่สนใจเสียงทัดทานจากสังคม

แม้กระทั่งนายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แสดงความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากลายลักษณ์อักษร และเจตนารมณ์ของมาตรา 68 แล้ว รัฐธรรมนูญมุ่งเฉพาะให้อัยการสูงสุดเป็นผู้มีสิทธิ์ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ดังนั้น ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลได้โดยตรง 

ลักษณะการตัดสิน เพิ่มอำนาจให้กับคณะตุลาการเป็นการก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างชัดเจน

แม้การตัดสินในหลายอีกหลาย ๆ คดีที่ทำให้เกิดควมกังขากับประชาชน

สิ่งเหล่านี้จึงเกิดวิกฤติศรัธาในหมู่ประชาชน มองว่า ตาชั่งเอียง

ตัดสินความผิดอีกฝ่ายโดยไม่ยึดความถูกต้อง

ขณะเดียวกันก็โอบอุ้มอีกฝ่ายจนไม่นึกถึงความผิดถูก

มโนธรรมสำนึก ความผิดชอบ ชั่วดี อย่าว่าแต่ ตุลาการผู้รักษาความเป็นธรรม แม้มนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไปก็จะขาดสิ่งนี้ไม่ได้เช่นกัน
 
[Continue reading...]

หน้าปกมติชนสุดสัปดาห์ เปิดตัว"คนฉลาด" กับโลโก้-โลก๊อบ

- 0 comments
ยังกล่าวขวัญถึง การเปิดตัวนโยบาย ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทั้งยุทธจักรต้องตะลึง "โครงการสร้างอนาคตไทยเข้มแข็ง 2020"

ที่ตะลึงไม่ใช่เรื่องนโยบาย แต่เป็นโลโก้ที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาใช้ "ตัวเลข 2020 ซึ่งมีสีธงชาติ ที่ราวจะ Copy " มาจากโครงสร้างอนาคตไทย 2020 ของกระทรวงคมนาคม

ซึ่งมีเสียงพูดกันแซด แม้กระทั่งโลโก้ ก็ยังเอาของเขามา

แต่มีเสียงปฏิเสธ จาก พัสณช เหาตะวานิช หนึ่งในทีมงานนายกรณ์ บอกว่าคิดขึ้นเอง ทางเพื่อไทยต่างหากที่เป็นคน ก๊อปปี้

แม้กระทั่งเกือบทั้งหมดของโครงการ พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนต้นคิด


มติชนสุดสัปดาห์ จึงพาดปก "กิจกรรม "คนฉลาด" SMART GENTLEMAN"

เป็นคนฉลาดที่มาในช่วงเวลาวาทกรรม "อีโง่"








แม้กระทั่งคำว่า "ไทยเข้มแข็ง" ก็ยังคิดยังกลับมาขายอีก





 

ลืมนึกไปว่าหลายโครงการไทยเข้มแข็ง

ก็ยังทิ้งเสาของความเข้มแข็งให้เห็นอยู่จนถึงบัดนี้

จึงนับว่าเป็นกิจกรรมของคนฉลาดจริง ๆ

ดูรายละเอียดของข่าวเพิ่มเติมจาก ข่าวสด
 
[Continue reading...]

เรืองไกร "ร้อง" DSI สอบ 5 ตลก เข้าข่ายความผิด ม.116

- 0 comments
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เดินทางเข้าร้องต่อ DSI  ให้สอบ 5 คุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีมติรับคำร้องของ  พล.อ.สมเจตน์  บุญถนอม  ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา กรณีโหวต รับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่มาของ ส.ว.วาระ 3

เป็นการวินิจฉัยกลับไปกลับมา ในครั้งที่มีการยกคำร้องของนาย บวร ยสินธร ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน  เนื่องจากเดิมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย ยกคำร้องในเรื่องเดียวกันโดยระบุว่า เป็นอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ  ไม่มีอำนาจก้าวล่วง  นอกจากนี้ กฎหมายยังบัญญัติให้เป็นเอกสิทธิในการลงคะแนนโดยผู้ใดไม่มีสิทธิ์นำไปฟ้องร้องได้

การที่ร้องทุกข์กล่าวโทษกับดีเอสไอเพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจของกองบังคับการกองปราบปราม  และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ แต่หากคดีมีมูลความผิดดีเอสไอต้องเสนอขออนุมัติคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) เพื่อมีมติรับเป็นคดีพิเศษเช่นเดียวกับการเสนอให้บอร์ดมีมติรับคดีเงินบริจาคอีสวอเตอร์เป็นคดีพิเศษเช่นกัน

นายเรืองไกร  กล่าวต่อว่า  เบื้องต้นตนเห็นว่า การกระทำของตุลาการรัฐธรรมนูญเข้าข่ายกระทำผิดกฏหมายอาญา ม. 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต  มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา  104  ว่าด้วยพรรคการเมืองใดหรือผู้ใดสมคบ รู้เห็นเป็นใจ หรือสนับสนุนให้บุคคลใดดำเนินการใด เพื่อให้บุคคลอื่นหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งหลงเชื่อหรือเข้าใจว่าพรรคการเมืองอื่นหรือบุคคลใดกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้โดยปราศจากมูลความจริง ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนด
“ที่มีความจำเป็นต้องพิจารณาคดีนี้ เพราะการกระทำของคณะตุลาการทั้ง 5  คน  ส่อเจตนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางกฎหมายหรือรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งอาจเข้าลักษณะเป็นคดีที่มีความสลับซับซ้อน สมควรเสนอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ”  นายเรืองไกร กล่าว

ด้านนายธาริต  เพ็งดิษฐ์  กล่าวว่า  ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เบื้องต้นต้องตรวจสอบก่อนว่ามีการทำผิดกฎหมายหรือไม่  หากเป็นการทำโดยไม่ผิดกฎหมายก็ต้องสั่งยุติเรื่อง เพราะดีเอสไอคงไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  แต่หากตรวจพบมีการกระทำผิดต้องเสนอบอร์ดพิจารณาว่าสมควรรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่.

ที่มา : เดลินิวส์
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger