Tuesday, July 16, 2013

สาวใหญ่ช็อกลมจับเจอบิลค่าน้ำ9วันเกือบ 2 แสน

- 0 comments

"สาวใหญ่เมืองโอ่งช็อกแทบลมจับ "กปภ." ส่งใบแจ้งหนี้ค่าน้ำ 9 วัน เกือบ 2 แสนบาท วิ่งโร่ทำบุญ-รดน้ำมนต์ สุดท้ายโล่งใจ "กปภ." ยอมรับผิดดันลืมเซ็ตมิเตอร์ใหม่ "

วันที่ 16 ก.ค นางสมใจ เหลาโชติ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/21 ถนนบ้านดอนตูม 4 เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้นำใบแจ้งชำระค่าน้ำประปาของสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) บ้านโป่ง ที่เรียกเก็บตนเองมาให้ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำจังหวัดราชบุรีดู เพื่อขอความเป็นธรรม หลังได้รับใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปาซึ่งมียอดค่าใช้น้ำจำนวน 186,396.14 บาท  โดยระบุว่าใช้น้ำไปทั้งหมด 5,968 หน่วย
นางสมใจ กล่าวว่า หลังจากได้รับบิลแจ้งหนี้ค่าน้ำประปา ตนแทบจะเป็นลม เพราะไม่เคยใช้น้ำมากมายขนาดนี้ อีกทั้งที่บ้านก็อยู่เพียงคนเดียว ที่ผ่านมาเคยเสียค่าน้ำประปาประมาณ 800-900 บาททุกเดือน แต่เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทำให้ไม่ได้ไปเสียค่าน้ำประปา  ทางเจ้าหน้าที่ประปาได้มายกมิเตอร์จ่ายน้ำออก  และเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากตนกลับมาก็ได้ไปจ่ายค่าน้ำประปาเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงได้นำมิเตอร์น้ำมาติดตั้งให้เหมือนเดิม

กระทั่งเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่มาจดเลขที่มิเตอร์น้ำประปา และมาสอบถามว่า ทำไมช่วงตั้งแต่วันที่ 2- 10 ก.ค. ถึงได้ใช้น้ำมากขนาดนี้ เมื่อตนเห็นใบแจ้งหนี้เกือบ 2 แสนบาทก็แทบช็อก จึงรีบโทรศัพท์ไปสอบถามที่สำนักงานประปาบ้านโป่ง ว่าจะทำอย่างไร  เจ้าหน้าที่บอกว่าให้ออกบิลไปก่อน แล้วให้เจ้าของบ้านนำบิลค่าน้ำมาที่สำนักงานเพื่อตรวจสอบ  ซึ่งตนก็รีบไปที่สำนักงานประปาด้วยความร้อนใจ แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกเพียงว่าจะต้องตรวจสอบก่อน  ซึ่งตนรอมาตลอดจนเกิดอาการเครียด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร และคิดว่าจะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าน้ำประปา  เมื่อเครียดมาก ๆ จึงต้องเข้าวัดทำบุญ และให้พระรดน้ำมนต์ให้ เพื่อให้เกิดความสบายใจ

"กระทั่งวันนี้ (16 ก.ค.) ได้มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประปา โทรศัพท์มาแจ้งว่า ได้ตรวจสอบและจัดการให้หมดเรียบร้อยแล้วไม่ต้องกังวล  ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดิฉันรอมาตั้งหลายวัน ทำไมเจ้าหน้าที่การประปาถึงไม่ติดต่อมา" สาวใหญ่รายนี้ ระบุด้วยความโล่งใจ

ด้านนายสมนึก เทศทัน หัวหน้างานอำนวยการ กปภ.บ้านโป่ง กล่าวว่า กปภ.บ้านโป่ง ยอมรับว่าเลขมิเตอร์ค่าน้ำประปาที่ออกมานั้นเกิดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลให้ผิด เนื่องจากผู้ใช้น้ำคนดังกล่าวนั้นถูกตัดมิเตอร์น้ำ เพราะไม่ได้จ่ายค่าน้ำ และเมื่อมีการนำมิเตอร์ไปติดตั้งให้ใหม่ ก็ไม่ได้ทำการลบข้อมูลออก  จึงทำให้เกิดความผิดพลาด  ทาง กปภ.บ้านโป่ง ยอมรับผิดตรงนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ดำเนินการแก้ไขให้แล้ว รวมทั้งยังจ่ายค่าน้ำประปาที่เกิดขึ้นจริงในช่วงวันที่ 2-10 ก.ค. 56  จำนวน 353 บาท ให้อีกด้วย  และ กปภ.บ้านโป่งจะได้แจ้งไปยังผู้ใช้น้ำรายดังกล่าวให้ได้รับทราบต่อไป..
[Continue reading...]

ประชาธิปัตย์ "ศัตรู" ตัวฉกาจของข้าวที่ยากที่จะกำจัด

- 0 comments

การออกมาค้าน "โครงการจำนำข้าว" ของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่พรรคเพื่อไทย "จัดตั้งรัฐบาล"  และกระทำมาต่อเนื่อง ทั้งในสภาและนอกสภา

ว่าโครงการนี้ทำแล้วรัฐบาลขาดทุนอย่างมหาศาล  เล่นเอารัฐบาลเสียกระบวนท่าไปพักใหญ่

นำเรื่อง "ข้าว" เข้าสู่ศาล ส่งต่อ ปปชเพื่อที่จะทำให้โครงการนี้สะดุด หรือชะงักลง

ออกมาโจมตีโครงการ ออกมาโจมตีเรื่องข้าวมีสารปนเปื้อน

เรื่องข้าวเน่าเสีย
นายชวนนท์ออกมาปูดข้าวเน่าที่กระบี่ ผลิตในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ 29 /03/54
 

นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หมด วรงค์ นายชวนนท์ สลับหน้ากันให้ข่าวตลอดเวลาเกือบทุกวัน


ผลกระทบการออกมาของฝ่ายค้านและพวกพ้อง ไม่ใช่กระทบแค่รัฐบาลเท่านั้น

กระทบต่อผู้ผลิต "คือชาวนา" โดยตรง

เมื่อรับบาลไม่สามารถที่จะระบายข้าวได้ เพราะต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นในข้าวไทย

แม้กระทั่งคนไทยเองก็ไม่กล้าที่จะกินข้าว

ถึงเวลาหรือยังที่ชาวนาจะใช้ "ยาแรง"

เพื่อที่จะกำจัด "ศัตรู" ข้าวสายพันธุ์ใหม่นี้ให้หมดไป

ไม่เช่นนั้น "ชาวนา"เองคือผู้รับกรรม
[Continue reading...]

วสันต์ “ออกไป” อาจจะ “ร้าย” มากกว่าเดิม

- 0 comments

ข่าวของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป
ไม่ใช่ว่าจะทำให้อะไรดีขึ้นกว่าเดิม เพราะ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ชุดนี้ ตั้งธงเพื่อที่จะโค่นล้ม "ระบอบทักษิณ" และผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง

นายวสันต์เอง อาจจะมีจิตสำนึกในสิ่งที่ได้กระทำผิดไปบ้างเช่น กรณีตัดสิน "คดีทำกับข้าว" ของอดีตนายกสมัคร สุนทรเวช ซึ่งได้ออกมาพูดว่า การตัดสินครั้งนั้นทำแบบ "สุกเอาเผากิน"

โดยเฉพาะ นายจรัล ภักดีธนากุล ได้ร่วมขบวนการโค่นล้ม รัฐบาลไทยรักไทยตั้งแต่ต้น เพราะเคยไปทานอาหารที่บ้านนายปีย์ มาลากุล  ตามคำบอกเล่าของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี

ดูการทำงานของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นคดี ยุบพรรคไทยรักไทย หลักฐานที่่ายไทยรักไทยนำมาแก้ต่าง ศาลอ้าง "ฟังไม่ขึ้น" ขณะที่หลักฐานทางพรรคประชาธิปัตย์ นำมาประกอบการฟ้องร้องยุบพรรค ไทยรักไทย ศาลบอก "เชื่อถือได้ว่า"  เช่นกรณี  "ไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง" ซึ่งในที่สุด ก็ทราบภายหลังว่า พรรคการเมืองนั้น ถูกจ้างจากพรรคประชาธิปัตย์ ให้ใส่ร้ายป้ายสี พรรคไทยรักไทย

การยุบพรรคพลังประชาชนก็เช่นกัน พยานที่ทางประชาธิปัตย์ นำมาอ้าง 10 ปาก 9 คนปฏิเสธ ศาลเชื่อ 1 คน นัดสืบคดีช่วงเช้า อ่านคำวินิจฉัย ช่วงบ่าย ซึ่งในความเป็นจริงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเขียนคำวินิจฉัยได้รวดเร็วขนาดนั้น

แม้กระทั่ง กรณีการแก้ มาตรา 291 ศาลรัฐธรรมนูญสามารถ "รับเรื่อง" โดยที่ไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และขณะเดียวกัน ก็ขยายฐานอำนาจของตัวเองก้าวก่ายอำนาจ นิติบัญัติและบริหาร ซึ่งไม่มีปรากฏมาก่อนในการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย เพราะทั้ง 3 อำนาจจะต้องถ่วงดุลซึ่งกันและกัน

ในกรณี ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 1 ให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.  มีคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส. ได้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จึงขาดคุณสมบัติในการเป็น ส.ส.

ในกรณีตัวอย่างข้างต้น แม้ว่านาย "วสันต์" จะออกไป 1 คน ใช่ว่าคนที่เหลือจะไม่ดำเนินการได้ และ สามารถเลือกคนใหม่เข้ามาแทนที่ได้ และคนใหม่ ใช่ว่าจะดีไปกว่านาย วสันต์


[Continue reading...]

อุปสรรค กางกั้น ขวากหนาม การเมืองขวางการพัฒนาของ "ประชาธิปัตย์"

- 0 comments

การต่อต้านในเรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท กับการต่อต้านในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 2  ล้านล้านบาท

น่าศึกษา

ไม่เพียงน่าศึกษา 1 ในกระบวนการต่อต้าน หากแต่ยังน่าศึกษา 1 ในเจตนาอันเป็น "วาระซ่อนเร้น"

นั่นก็คือ หวังดีหรือว่าประสงค์ร้าย

หากติดตามกระบวนการต่อต้านก็จะมองเห็นได้ว่าเป็นการต้านอย่างชนิดที่เรียกได้ว่า เล่นกันทุกเม็ด เล่นกันทุกขั้นตอน

"กลไก" อะไรที่จะนำมาใช้ได้ล้วน "งัด" ขึ้นต่อตี

เมื่อการต่อสู้ในหนทางรัฐสภาไม่ประสบผลสำเร็จ ก็เลือกหนทางของ "องค์กรอิสระ" ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน ที่ขาดไม่ได้คือ "บนท้องถนน"

ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคการเมือง ไม่ว่าจะมองผ่านองค์กรมวลชน ไม่ว่าจะเป็นในรัฐสภา นอกรัฐสภา ล้วนไม่ต้องการให้ผ่าน

"ขวาง" ทุกขั้นตอน

หากศึกษาบทเรียนในอดีต กระบวนการต่อต้านโครงการบริหารจัดการน้ำ กระบวนการต่อต้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม

มิได้เป็นปรากฏการณ์ "แรก"

ตรงกันข้าม ก่อนหน้านี้ได้มีการต่อต้านมาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ไม่ว่าจะเป็นโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ไม่ว่าจะเป็นโครงการพักหนี้เกษตรกร

อันเป็นการเสนอเข้ามาในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2544

ลองย้อนกลับไปอ่านรายงานการประชุมรัฐสภาก็จะเห็นการคัดค้านต่อต้านเหมือนกับที่ต่อต้านคัดค้านโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เหมือนกับที่ต่อต้านคัดค้านการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 2 ล้านล้านบาท
สะท้อนความหวาดกลัวในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น

เป็นความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ล้ำลึก กระทั่งไม่ยอมให้มีการขยับขับเคลื่อนอะไร ไม่ยอมให้มีการพัฒนา

เว้นแต่จะเป็นการพัฒนาโดยตน พรรคการเมืองของตน

เหมือนที่รัฐบาลบางรัฐบาลเคยสวมรอยทำหลังรัฐประหาร เหมือนที่รัฐบาลบางรัฐบาล เคยสวมรอยทำหลังจัดตั้งในค่ายทหาร

แต่ถ้าคนอื่นเสนอก็พร้อม "ขวาง"
กระนั้น หากมองตามความเป็นจริงที่ประเทศไทยเพิ่งผ่านประสบการณ์มหาอุทกภัยในห้วงเมื่อปลายปี 2554

ทุกตนล้วนตระหนักในความจำเป็น

เป็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างหลักประกันทั้งต่อประชาชนและต่อนักลงทุนว่าจะต้องไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีก

เรื่องนี้แทบไม่ต้องทำ "ประชาพิจารณ์"

เช่นเดียวกับ ความจำเป็นต้องสร้างรถไฟทางคู่เพื่อพัฒนาโครงการการขนส่งทั้งขนส่งคนและขนส่งสินค้าให้สอดรับกับพัฒนาการของโลก

เพราะรถไฟไทยหยุดนิ่งมาเกือบศตวรรษแล้ว

เพราะหากไม่มีการตระเตรียมโครงสร้างพื้นฐานอย่างเต็มที่การก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็จะดำเนินไปอย่างทุลักทุเล

"เดี้ยง" กันถ้วนหน้า

การขวางทุกเม็ด ทุกโครงการของฝ่ายต่อต้านจึงเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะนำไปสู่การแสดงเจตจำนงที่ไม่ต้องการพัฒนา ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง

จึงไม่ยอมให้ "รัฐบาล" เดินหน้า

ณ เบื้องหน้าสภาพทางการเมืองเช่นนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเป็นต้องหนักแน่น มั่นคง

ทาง 1 ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขณะเดียวกัน ทาง 1 ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ไม่มีการหมกเม็ด

สุจริตคือเกราะบัง

ที่มา: มติชนออนไลน์
[Continue reading...]

ผลตรวจสอบ "ข้าวสารถุง" พบยี่ห้อเดียวที่เกินมาตรฐาน

- 0 comments

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค - มูลนิธิชีววิถี ร่วมแถลง ข้าวถุงร้อยละ 26.1 ไม่พบสารเคมีตกค้าง ส่วนอีกร้อยละ  73.9 ตรวจพบสารรมควันข้าวเมธิลโบรไมด์หลายระดับทั้งระดับน้อยจนสูงเกินมาตรฐานระหว่างประเทศ (0.9 – 67 มิลลิกรัม/กิโลกรัม) เรียกร้องรัฐบาลตรวจสอบโรงสีและผู้ผลิตที่มีปัญหา - เร่งผลักดันให้เกิดองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อดำเนินการและสนับสนุนเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นจริง โดยสามารถระบุชื่อสินค้าหรือบริการหรือชื่อของผู้ประกอบการได้  เช่น ชื่อข้าวถุงที่ตรวจสอบ รวมทั้งมีระบบที่ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในการติดตามและรายงานความปลอดภัยด้านอาหารอย่างเป็นรูปธรรม 

วันนี้ (16 ก.ค. 56) เวลา 13.30 น. ณ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กทม. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ร่วมกับมูลนิธิชีววิถี (biothai) และศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ รายงานผลการตรวจข้าวสารถุงจำนวน 46 ตัวอย่าง พบข้าวสารถุงร้อยละ 26.1 หรือจำนวน 12 ยี่ห้อไม่พบสารตกค้างทุกกลุ่ม แต่มีมากถึง 34 ยี่ห้อหรือร้อยละ 73.9 ที่พบสารรมควันข้าวเมทธิลโปรไมด์ ตั้งแต่ 0.9-67 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
นางสาวสารี  อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า การเปิดเผยข้อมูลผลการทดลองในวันนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณะและเพื่อการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการได้รับข้อมูลข่าวสารที่เพียงพอในการบริโภค สิทธิในการเลือกซื้อสินค้า และสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการบริโภค เฉพาะการตรวจสารเคมีในข้าวสารบรรจุถุง จากยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต, ยากันรา (fungicide)  และสารรมควันข้าวเมธิลโบรไมด์เท่านั้น เนื่องจากสารพิษจากเชื้อรา และคุณภาพข้าวถุงนั้น ยังไม่แล้วเสร็จ โดยผลทดสอบข้าวสารบรรจุถุงจำนวนทั้งสิ้น 46 ตัวอย่าง
 พบว่าทั้ง 46 ตัวอย่างไม่พบการตกค้างของยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต รวมทั้งไม่พบการตกค้างของยากันรา (fungicide) มีภาพประกอบด้านล่าง
"มีข้าวถุงจำนวน 12 ตัวอย่างหรือคิดเป็นร้อยละ 26.1 ที่ไม่พบการตกค้างของสารเคมีทางการเกษตรชนิดใดๆ  ได้แก่ 1.ลายกนก ข้าวหอมมะลิแท้ 100%, 2.ข้าวพันดี ข้าวขาว 100% ชั้นดีพิเศษ, 3.ธรรมคัลเจอร์ ข้าวหอมคุณภาพคัดพิเศษ, 4.รุ้งทิพย์ ข้าวขาวเสาไห้, 5.บัวทิพย์ ข้าวหอม, 6.ตราฉัตร ข้าวขาว 15%, 7.ข้าวมหานคร ข้าวขาวคัดพิเศษ, 8.สุพรรณหงส์ ข้าวหอมสุรินทร์, 9.เอโร่ ข้าวขาว 100%, 10.ข้าวแสนดี ข้าวหอมทิพย์, 11.โฮมเฟรชมาร์ท จัสมิน ข้าวหอมมะลิ 100% และ 12.ชามทอง ข้าวขาวหอมมะลิ 100%
ขณะที่ผลการทดสอบสารรมควันข้าว – เมธิลโบรไมด์ พบการปนเปื้อนถึง 34 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 73.9  ของจำนวนตัวอย่างที่นำมาทดสอบปริมาณของสารเมธิลโบรไมด์ที่พบการตกค้างในตัวอย่างที่นำมาทดสอบอยู่ที่ระดับ 0.9–67 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โดยตัวอย่างข้าวสารบรรจุถุงที่พบการปนเปื้อนสูงที่สุด คือตัวอย่าง ยี่ห้อ โค – โค่ ข้าวขาวพิมพา พบการปนเปื้อนสูงถึง 67.4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ(codex) ที่กำหนดไว้ให้มีการตกค้างได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังมีพบอีก 5 ตัวอย่าง ที่ตกค้างไม่เกินมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ แต่พบการตกค้างสูงกว่า 25 มิลลิกรัม/กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ประกอบด้วย ข้าวแสนดี ข้าวหอม พบการปนเปื้อน 41 มิลลิกรัม/กิโลกรัม, ข้าวตราดอกบัว ข้าวเสาไห้ พบการปนเปื้อน 29.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม, ข้าวตราดอกบัว ข้าวตาแห้ง พบการปนเปื้อน 28.9 มิลลิกรัม/กิโลกรัม, สุรินทิพย์ ข้าวหอมมะลิ พบการปนเปื้อน 27.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และข้าวถูกใจ ข้าวขาว พบการปนเปื้อน 27.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม" 
ทางด้านนายวิฑูรย์  เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า แม้ว่าการตกค้างส่วนใหญ่ที่พบจะไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานของ codex หากก็พบว่าในหลายประเทศมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานที่สูงกว่า codex เช่น อินเดียกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 25 มิลลิกรัม/กิโลกรัม หรือ ประเทศจีน ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศคู่ค้าข้าวรายสำคัญของประเทศไทย กำหนดปริมาณการตกค้างของเมธิลโบรไมด์ในข้าวไว้ที่ไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แต่เมื่อดูจากผลทดสอบครั้งนี้กลับพบตัวอย่างข้าวสารบรรจุถุงที่มีการตกค้างของเมธิลโบรไมด์เกิน 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัมมีจำนวนถึง 13 ตัวอย่างที่ไม่สามารถส่งออกไปประเทศจีนได้
 "ประเทศไทยไม่เคยมีประกาศเรื่องเกณฑ์ เมธิลโบรไมด์ ซึ่งเป็นสารที่นิยมใช้รมข้าวก่อนบรรจุถุงเพื่อป้องกันมอดและแมลง ทั้งๆ ที่เราเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวส่งออกลำดับต้นๆของโลก ทำให้การตรวจสอบต้องยึดมาตรฐานระหว่างประเทศ ส่งผลเสียต่อตลาดส่งออกข้าวและมาตรฐานข้าวในประเทศ และน่าสังเกตว่า หากพบว่ามีการตกค้างของสารรมข้าวเกินค่ามาตรฐาน codex จะสามารถดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ประกอบการได้หรือไม่ ทั้งนี้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งตรวจสอบโรงสีและผู้ประกอบการที่มีปัญหาการปนเปื้อน แม้ไม่สูงเกิน CODEX แต่ก็สูงเกินที่จะส่งออกไปจีนเพื่อรักษาชื่อเสียงของข้าวไทยและสุขภาพของประชาชนไทยดังนั้น หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลควรให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพข้าวสารในประเทศให้มากขึ้น มีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการปนเปื้อนสารเคมี เพื่อยกระดับการผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้น"
เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผลักดันองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งเรียกร้องหน่วยงานรัฐทั้ง อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้เปิดเผยรายละเอียดชื่อยี่ห้อของข้าวที่พบการปนเปื้อนหรือตัวอย่างยี่ห้อที่ตรวจแล้วปลอดภัยไม่พบการปนเปื้อน ซึ่งจะส่งผลต่อการกำหนดทิศทางการผลิตสินค้าและการบริโภคของประเทศในอนาคต และการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐครั้งต่อๆไป ควรมีองค์กรผู้บริโภคร่วมด้วย
"หากมีแจ้งข้อมูลดังกล่าวผู้บริโภคก็จะสามารถนำข้อมูลนั้นไปใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อข้าวสารบรรจุถุงมารับประทานเพราะฉะนั้นหากมีการสุ่มตรวจทดสอบเรื่องของความปลอดภัยในอาหาร หน่วยงานของรัฐอย่าง อย. หรือ กรมวิทยฯ ควรมีการเปิดเผยชื่อตัวอย่างที่นำมาทดสอบเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค พร้อมเสนอให้มีการตรวจสอบดูแลเรื่องของอาหารปลอดภัยอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่ช่วงเวลาที่เกิดปัญหาเป็นกระแสสังคมเท่านั้น ทั้งนี้ภาคประชาสังคมพร้อมจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบและเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยในอาหาร และพร้อมดำเนินการสุ่มตรวจเรื่องความปลอดภัยทั้งในข้าวสารและอาหารอื่นๆ เป็นระยะ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้บริโภค และพร้อมร่วมมือกับผู้ประกอบการในการพัฒนาคุณภาพข้าวถุง"

สำหรับการตรวจสอบข้าวสารบรรจุถุงครั้งนี้ นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร หัวหน้าศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวเรื่องความไม่ปลอดภัยของข้าวสาร ทางสื่อมวลชน สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในคุณภาพของข้าวสารถุงว่าจะมีความปลอดภัยกับผู้บริโภคหรือไม่ นั้น รวมทั้งได้มีการเรียกร้องจากผู้บริโภคมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคให้ทดสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ทางศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อจึงได้ร่วมกับโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคความปลอดภัยด้านอาหารภาคประชาชน
 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ไทยแพน) มูลนิธิชีววิถี เก็บตัวอย่างข้าวสารถุงที่มีการจำหน่าย ระหว่างวันที่ 19 – 27 มิถุนายน 2556 ทุกยี่ห้อจากซูเปอร์มาเก็ต และห้างโมเดิร์นเทรด ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง 6 แห่ง ได้แก่ ห้างเทสโก้ โลตัส, ห้างบิ๊กซี, ห้างแมคโคร, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, และโฮมเฟรชมาร์ท, กับร้านสะดวกซื้อ 1 แห่ง คือ เซเว่นอีเลฟเว่น รวม 7 แห่ง ได้ข้าวถุงจำนวน 46 ตัวอย่าง แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิ 100% จำนวน 15 ตัวอย่าง และข้าวขาวกับข้าวหอมอื่น ๆ อีก 31 ตัวอย่าง โดยส่งตรวจคุณภาพข้าวสารถุงที่จำหน่ายในท้องตลาดใน 5 ด้านที่สำคัญ คือ 1)การตรวจคุณภาพข้าวสารถุง ตามมาตรฐานข้าวสาร กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ 2)สารเคมีทางการเกษตร ยาฆ่าแมลง 2 กลุ่ม ได้แก่ ออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต 3)ยากันรา (fungicide) 4) สารรมควันข้าวเมธิลโบรไมด์ 5)สารพิษจากเชื้อรา – อะฟลาท็อกซิน ซึ่งการตรวจสอบทั้งหมดดำเนินการโดยศูนย์ทดสอบที่ได้รับมาตรฐานถูกต้อง ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถดูรายละเอียดและติดตามข่าวการทดสอบสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคได้ที่ www.ฉลาดซื้อ.com อีกทางหนึ่ง
เป็นการตรวจตัวอย่างข้าวที่จัดจำหน่ายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 19 - 27 มิถุนายน 2556 
ผลจากการตรวจ มีอยู่ยี่ห้อเดียวที่เกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน







ภาพข่าวจากเว็บไซต์ฉลาดซื้อ

[Continue reading...]

วิปค้าน ขู่ เปิดสภารัฐดื้อไม่ถอนนิรโทษฯ ป่วนแน่

- 0 comments
วิปค้านฯ เฝ้ากฎหมายกู้ 2 ล้านล้านบาท แฉรัฐไม่ทำตาม รธน. ม.57,68 บี้ “นิคม” ชง ป.ป.ช.ถอด ครม.ตามกรอบ แนะรัฐปลดฉนวนระเบิด ถอน ก.ม.นิรโทษฯ-ปรองดองออกไป...

เมื่อเวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงผลประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ส่งความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทมายังวิปฝ่ายค้านนั้น ฝ่ายค้านได้พิจารณาและสรุปได้ว่าการออก พ.ร.บ.ดังกล่าว ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 และขัดต่อกฎหมาย จึงเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังความเห็นและนำความเห็นของ คปก.ไปพิจารณา ส่วนฝ่ายค้านจะติดตามว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 และมาตรา 67 หรือไม่

โดยเบื้องต้นการพิจารณาในวาระ 2 พบว่ารัฐบาลยังไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทั้ง 2 มาตรา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 หน่วยงาน มีเพียง 3 หน่วยงานที่ได้ศึกษาผลกระทบและทำบางส่วนเท่านั้น ขณะเดียวกันฝ่ายค้านติดตามความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้น และจะติดตามในชั้นกรรมาธิการที่ปรับลดงบประมาณของที่ปรึกษามาเพิ่มให้เป็นงบเผื่อเหลือเผื่อขาด ทำให้งบประมาณส่วนนี้เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว เป็น 21,050 ล้านบาท ซึ่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยื่นแปรญัตติกว่า 108 คน นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่าที่ประชุมพิจารณาเรื่องปัญหาข้าวเน่าตามโครงการรับจำนำของรัฐบาล โดยขณะนี้วิปรัฐบาลมีมติให้คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเรื่องสารรมข้าว โดยคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม จะประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าว ในวันที่ 17 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ฝ่ายค้านมีเจตนาต้องการให้ความมั่นใจกับผู้บริโภคและป้องกันไม่ให้เราเสียแชมป์การส่งออกสองปีติดต่อกัน ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านได้ยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อประธานวุฒิสภา เรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพราะส่อทุจริตและกระทำผิดกฎหมาย 5 ฉบับ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าจนถึงวันนี้จะครบ 15 วัน ตามข้อบังคับของประธานวุฒิสภาที่ต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. แต่จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่ายังไม่มีการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. จึงขอเรียกร้องให้นายนิคมเร่งรัดเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่าที่ประชุมพิจารณาเรื่องการบรรจุระเบียบวาระในการเปิดประชุมสภา สมัยสามัญทั่วไปวันที่ 1 ส.ค. นี้ ที่มีเรื่องสำคัญรออยู่จำนวนมาก ซึ่งหากเป็นไปตามระเบียบวาระ จะต้องเริ่มต้นด้วยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เนื่องจากรัฐบาลได้เลื่อนขึ้นมาเป็นวาระแรกก่อนปิดสมัยประชุมที่ผ่านมา และแม้ว่าฝ่ายค้านจะคัดค้านไปแล้วแต่ก็แพ้เสียงข้างมาก ทั้งนี้การพิจารณาวาระการประชุมจะเป็นเรื่องอะไรก็ขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากว่าจะเลื่อนเรื่องใดขึ้นมาพิจารณา ซึ่งตนมั่นใจว่าเมื่อถึงวันดังกล่าวก็จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย แต่ถ้ารัฐบาลมีความตั้งใจจริงจะปลดฉนวนระเบิดเวลา 5 ลูกที่รออยู่ก็ควรจะถอนออกไปหรือให้ผู้เสนอเป็นผู้ถอน เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นทั้งในและนอกสภา.

ที่มา ; นสพ.ไทยรัฐ
[Continue reading...]

ไม่ผิดความคาดหมาย กกต.ประกาศรับรอง "อี้" นั่ง ส.ส.กทม.เขต 12 ดอนเมือง อ้างสอบสำนวนไม่เสร็จ

- 0 comments
 
กกต.ประกาศรับรอง "อี้-แทนคุณ" นั่ง ส.ส.กทม.เขต 12 ดอนเมือง ชี้พิจารณาเรื่องร้องเรียนไม่เสร็จภายใน 30 วัน ลุยสอบต่อ หากพบฝ่าฝืน กม. ส่งศาลฎีกาพิจารณา...

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 ก.ค. 56 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเอกฉันท์ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขต 12 ดอนเมือง ให้ผู้ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงสุด คือ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ จากพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเรื่องร้องเรียนที่เข้ามายัง กกต.กทม. ปรากฏว่าคณะอนุกรรมการไต่สวน พิจารณายังไม่แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทำให้ กกต.ไม่สามารถพิจารณาเรื่องได้ จึงต้องประกาศผลรับรองไปก่อน

อย่างไรก็ตาม กกต.กทม.จะพิจารณาเรื่องคัดค้านต่อไป หากปรากฏว่ามีการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 สามารถส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิจารณาต่อไป ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียน 1 สำนวน ระบุว่านายแทนคุณหาเสียงเลือกตั้งในลักษณะให้ประโยชน์ให้ทรัพย์สิน เช่น เรื่องการปรับปรุงถนน นอกจากนี้ นายแทนคุณสามารถเดินทางมารับหนังสือรับรองได้ที่ กกต. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อนำไปรายงานตัวต่อเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ
[Continue reading...]

ดู 'วิธีการรมยาข้าวสาร' ในคลังกลางรัฐบาล ที่ปทุมธานี โดยผู้สื่อข่าววอยซ์ทีวี

- 0 comments

 

ผู้สื่อข่าววอยซ์ทีวี ลงพื้นที่รายงาน 'วิธีการรมยาข้าวสาร' ในคลังกลางรัฐบาล ที่แพดดี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง ปทุมธานี หลังมีผู้ไม่หวังดีสร้างข่าวลือว่ามีการรมยาข้าวสารจนแมวตาย  ...ไปดูกันว่า การรมยาข้าวสารที่นี่จะทำให้ 'แมว' ตายรึเปล่า ?
 
ขั้นตอนรมยาข้าว
1.เจ้าหน้าที่นำ แอมโมเนียมฟอสฟีนใส่ถุง หรือภาชนะ 20 เม็ด วางข้างกระสอบข้าวทุกจุดๆ ละ10 กระสอบ 
 
 
 
2.นำถุงพลาสติกพิเศษปิดกระสอบข้าว ซีลด้วยเทปกาว ปิดด้วยถุงทรายอีกที ทิ้งไว้ 7-10 วัน ยาจะระเหิดหมดไป
 
 
3. เมื่อครบ7-10 วัน ยาระเหิดหมด เปิดถุงผ้า รอระบายข้าวออกตามนโยบายรัฐบาล
 
 
4. เมื่อเม็ดยาแอมโมเนียฟอสฟีน ระเหิดหมดฤทธิ์ยาแล้ว ยาจะกลายเป็นผง ไม่เป็นประกายไฟ 
 
 
ทั้งนี้ในคลังกลางแพดดี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง ปทุมธานี รมยาข้าว 12 วัน นานกว่าที่กำหนดได้ เพื่อให้ยาระเหิดหมดจริงๆ ครบกำหนดก็เปิดพลาสติกคลุมออกได้
 
 
ที่สำคัญ บริษัทรมยาข้าว ต้องมีใบรับรองจากกรมวิชาการเกษตรแล้ว ต้องนำใบรับรองมั้งหมดไปแสดงต่อ กระทรวงกลาโหม เพื่อรายงานการนำเข้าสารรมยาและการจัดเก็บด้วย
 
และข้าวบรรจุกระสอบที่อยู่ในขั้นตอนการรมยา ต้องปิดด้วยพลาสติกคลุมใหญ่พิเศษ เมื่อผ่านการใช้งานแล้วบริษัทรมยาต้องเก็บคืน
 
 
 
 
 
เรียบเรียง : Nutchanad
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger