Thursday, October 17, 2013

การประกันราคาของพรรคประชาธิปัตย์ สุจริต โปร่งใส ไม่โกง ชาวนาได้กำไร ?

จากประเด็น Hot  ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (หม่อมอุ๋ย) ส่งจดหมายเปิดผนึกให้นายกทบทวน นโยบายจำนำข้าว  เห็นว่าจากการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สร้างความสูญเสียทางงบประมาณไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000ล้านบาท แต่มีชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวใช้ช่องโหว่ทำการคอร์รัปชั่นหาประโยชน์ไปมากกว่า 110,000 ล้านบาท

ขณะที่ทางนายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาขาดทุนไม่ถึง 425,000 ล้านบาท ตามที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร นำตัวเลขมาชี้แจงแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดความโปร่งใส และมีช่องว่างให้เกิดการทุจริต  โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า รัฐบาลสูญเสียเม็ดเงินให้กับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวสูงถึง 115,831 ล้านบาท นั้นสามารถตรวจสอบได้ว่าชาวนาได้รับเงินจากการนำข้าวเข้าโครงการรับจำนำเต็ม 100%​ ทุกราย  เพราะตามเงื่อนไขระบุชัดเจนว่าเมื่อชาวนานำข้าวเข้าโครงการรับจำนำต้องมีใบรับรองที่จะได้จากการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งจะระบุน้ำหนักข้าวและจำนำข้าวที่เข้าโครงการชัดเจน ส่วนเงินที่ชาวนาจะได้รับจากการนำข้าวเข้าร่วมโครงการจะกำหนดในใบประทวน  ซึ่งชาวนาจะต้องนำใบประทวนไปเบิกกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ธ.ก.ส. จะนำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของชาวนา ไม่ได้เบิกจ่ายในรูปแบบของเงินสด  ดังนั้น เม็ดเงินจึงไม่รั่วไหลไปไหนอย่างแน่นอน  โดยยืนยันว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้ 

 
นโยบายจำนำข้าวกับการเสียแชมป์ของไทย?

อวสานแชมป์ ภาพจากกรุงเทพธุรกิจ
หลายท่านอาจภูมิใจกับตำแหน่งนี้มากเพราะคิดว่าการส่งออกข้าวได้มากชาวนาก็จะได้เงินมากขึ้น แต่จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าการส่งออกอันดับ 1 ของโลกนั้นได้มาซึ่งการกดราคาข้าวจากพี่น้องเกษตรกร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกันรายได้ช่วยส่งเสริมให้พ่อค้าคนกลางกดราคาข้าวให้ถูกลง
ถามว่า ชาวนาจะภูมิใจกับตำแหน่งดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน? หากตนเองขายข้าวได้ในราคาที่ถูกเพื่อจะไปแข่งขันกันด้านราคาให้ประเทศไทยได้แชมป์ส่งออกข้าว

ในสถานการณ์ปัจจุบันราคารับจำนำข้าวของไทยแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน หากราคาข้าวในตลาดโลกไม่ขยับไทยอาจจะต้องเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่  ในขณะที่ชาวนาจะได้เงินมากขึ้นเพราะราคารับจำนำข้าวที่สูงขึ้น ซึ่งอาจจะต้องโยนคำถามกลับไปที่ชาวนาในฐานะผู้ปลูกข้าวว่าการรักษาแชมป์ส่งออกข้าวกับการขายข้าวได้ราคาดีขึ้นอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ?
 
 
 
โครงการประกันรายได้ ของพรรคประชาธิปัตย์

โครงการประกันรายได้เกษตรกร มาจากฐานคิดเรื่องหลักประกันความเสี่ยงเนื่องจากความผันผวนของราคาหรือกรณีเกิดการเสียหายของพืชผลการเกษตรจากภัยพิบัติต่างๆซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าเกษตรกรจะได้เงินชดเชยกลับไปบ้าง โดยรัฐไม่ต้องไปเป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ในตลาด

เพราะรัฐจะชดเชยส่วนต่างของราคาสินค้าให้เกษตรกร เช่น รัฐประกันราคาข้าวไว้ที่ตันละ 10,000 บาท แต่เกษตรกรขายข้าวได้ 5,000 บาท  รัฐก็จะชดเชยให้อีก 5,000 บาท ซึ่งเราเข้าใจกันแบบบนั้น แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เพราะรัฐบาลจะประเมินราคาขาย อยู่ที่ 8,000 บาท / ตัน ที่ได้จริง ๆ คือ 2,000 บาท

ในเรื่องการชดเชย รัฐจะมี  ข้อจำกัด   ในการชดเชยซึ่งรัฐจะทำการคำนวนคร่าวๆไว้แล้วว่าพื้นที่ปลูกข้าว 1ไร่ จะได้ข้าวกี่ตัน และรัฐจะชดเชยตามที่คำนวนให้ สมมติ 1 ไร่/1 ตัน ซึ่งรัฐจะทราบจำนวนไร่ของชาวนาจากการรลงทะเบียนของชาวนา


สำคัญที่สุดคือผู้ที่จะได้รับการประกันราคาจะต้องเป็นเจ้าของที่ดิน ผู้เช่าจะไม่ได้รับสิทธินี้


สิ่งที่ชาวนาจะต้องเจอก็คือการกดราคาของพ่อค้าคนกลาง เพราะอย่างไร รัฐก็ต้องจ่ายส่วนที่เหลืออยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามเงินที่จ่าย ก็เป็นเงินภาษีของประชาชนเช่นกัน และไม่ว่ากรณีใด ๆ รัฐก็ไม่ได้คืนจากเงินก้อนนี้
คลิกดูข่าวการประกันราคา ข้าวปี 52/53 ว่าใช้เงินไปเท่าไหร่ ชาวนาได้จริง ๆ เท่าไหร่

คลิกดูรายละเอียดการจำนำข้าว ปี 55

สรุป

๑. โครงการประกันราคามีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับพ่อค้าและโรงสีโดยไม่ต้องทุจริตก็มีกำไรมหาศาลจากการกดราคารับซื้อข้าว นี่เป็นลักษณะของการผันเงินออกจากคลังไปสู่พ่อค้าและโรงสีโดยตรง โดยที่ชาวนาสมประโยชน์จึงไม่มีเสียงร้องจากชาวนา และเป็นโครงการที่มีแต่การขาดทุนไม่โอกาสเสมอตัวหรือกำไร

๒. โครงการรับจำนำพ่อค้าและโรงสีไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการจะได้รับเพียงค่าเช่าโกดังเก็บข้าวเท่านั้น ทำให้พ่อค้าและโรงสีไม่พอใจได้ โครงการมีโอกาสได้ทั้งการขาดทุนน้อย ขาดทุนมาก หรือเสมอตัวหรือได้กำไรได้ แต่รัฐบาลต้องมีภาระในเรื่องการบริหารจัดการและงบประมาณเหมือนกับรัฐบาลเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง ส่วนปัญหาการจ่ายเงินล่าช้าสามารถแก้ไขได้ด้วยการกำหนดขั้นตอนกระบวนการทำงานในการรับจำนำเพื่อให้สามารถจ่ายเงินให้กับชาวนาได้ทันทีดังนี้ (การชื้อขายพืชผลทางการเกษตรจะใช้วิธีและขั้นตอนตามเดียวกันนี้)

จากผลการวิเคราะห์และผลสรุปเห็นว่าโครงการรับจำนำดีกว่าแต่ต้องแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นก่อนซึ่งโกงง่ายตรวจสอบยาก  และราคาไม่ควรโดดสูงกว่าตลาดโลกมาก  เพราะรัฐบาลจำรับภาระไม่ไหว  สำคัญที่สุดรัฐบาลจะต้องแถลงข้อมูลที่ชัดเจนและแม่นยำ

ที่มา : ประชาทอร์ค

 


0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger