Saturday, July 20, 2013

จดหมายเปิดผนึกจาก "นายชู อยู่ยาก" ถึง "สารวัตรเหลิม อยู่สบาย" สน.ประเทศไทย

- 0 comments
ภาพจากเฟส ชูวิทย์ I'm No.5

("แรงบันดาลใจ" จากจดหมายของ นายเข้ม เย็นยิ่ง ถึงนายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ)

เรียน สารวัตรเหลิม ที่เคารพ (แต่ไม่ใคร่นับถือเสียเท่าไหร่)

ผมตั้งใจเขียน "จดหมาย" ถึง "สารวัตร" ทันที ที่หลุดออกจากตำแหน่ง "สน.ประเทศไทย" ผมเห็นข่าวที่สารวัตร "ฟิวส์ขาด" ฟาดงวงฟาดงาใส่ "หมวดวี" ว่าไปฟ้อง "นายใหญ่" เรื่องเปิดบ่อน จนทำให้สารวัตรออกอาการ "แฉ" โรงพักตัวเอง ว่ามีเรื่อง "ทุจริต" ซ้ำยัง "สาบานสาปแช่ง" ให้ฉิบหาย 7 ชั่วโครต

การที่สารวัตร "เจ็บช้ำน้ำใจ" ถูกย้ายจากฝ่าย "ปราบปราม" ไปเป็นฝ่าย "ธุรการ" คุม "แรงงานต่างด้าว" ถือเป็น "ธรรมชาติการเมือง" จะไป "ตี อก ชก ตัวเอง" แล้วโทษ "หมวดวี" คนเดียวคงไม่ถูก เพราะสารวัตรเติบโตมาจาก "ชั้นประทวน" ไม่ได้จบ "โรงเรียนนายร้อย" จึงไม่มี "รุ่นพี่รุ่นน้อง" ถึงแม้ที่ผ่านมา สารวัตรจะ "ออกหน้าออกตา" เอาใจ "นายใหญ่" แต่เมื่อ "สถานการณ์เปลี่ยน" หากยังคงให้รับผิดชอบต่อไป จะเสียการในภายภาคหน้า "นายใหญ่" จึงลดชั้นสารวัตร เพราะ ไม่มีผลงาน

สารวัตรท่านอื่นถูกย้าย "ก้มหน้าก้มตา" เก็บของ ลุกออกจากตำแหน่ง บอกว่า "ไม่แปลกใจ" หรือไม่ บอกว่าเป็น "เรื่องปกติ" เชื่อว่า "งานไม่สะดุด" บางคนยันว่า "ไม่เสียใจ" ในเมื่อตัวสารวัตรเองบอก "ไม่ยึดติด ไม่น้อยใจ" แล้วทำไมถึงไป "เผา" บ้านตัวเองแบบนั้น 

ผมรู้จัก "หมวดวี" มีคุณสมบัติเป็น "ตำรวจ" ทุกกระเบียดนิ้ว "อ่อนนอกแข็งใน" คล่องแคล่ว นุ่มนวล เรื่องงานไม่เกี่ยง "หนักเอาเบาสู้" สารวัตรเป็นตำรวจเหมือนกัน น่าจะเข้าใจ "หมวดวี" ดี ไม่น่าไปให้ร้ายเขา ควรยอมรับ "หน้าชื่นอกตรม" ไม่ใช่ "โฉ่งฉ่าง โวยวาย" ให้ข่าวยาวยืด ด่าคนอื่น สาปแช่ง (อีกตามเคย) แถมของขึ้น ยกตัวเองว่า ทางการเมือง มี "ลุงหมัก" กับ ตัวเองเท่านั้น ที่ไม่มีใครกล้า "ชน" ผมว่าไม่ใช่ เพราะมีคนพร้อมจะชนอีกมาก เพียงแต่รอตอนสารวัตรไม่มี "อำนาจรัฐ" โดยเฉพาะ สหายเก่าแถบ "เตาปูน" เขารอ "สวน" อยู่

นี่เป็นเพราะ สารวัตรเป็นคนเคยตัว "ลงทุนน้อย หวังกำไรมาก" สองปีที่ผ่านมา ในท้องที่มีปัญหามากมาย อาชญากรรม ลัก จี้ ชิง ปล้น สถานอบายมุข บ่อนการพนัน แพร่กระจายเพิ่มขึ้น ประชาชนมีความรู้สึก "เอือมระอา" ล่าสุด จ่า "จ." เพิ่งอนุญาตเปิดบ่อนใหม่ "ย่านพระราม 3” สร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้านแถบนั้นเป็นอย่างยิ่ง

บัดนี้ อนิจจา ผ่านไปสองปี "โครงการโรงพัก" สร้างได้เพียง "ตอม่อ" ผู้รับเหมาหนี หาคนรับผิดชอบไม่ได้ ปล่อยให้ลูกน้องของท่าน ทำงานลำบากแสนเข็ญ ที่ทำงานไม่มี ต้องมาตั้ง "ด่านรีดไถ" กันอยู่กลางถนน เป็นที่อับอายปวงประชา ล้วนเกิดขึ้นในช่วงที่สารวัตรรับผิดชอบทั้งสิ้น

ผมได้พิจารณาใคร่ครวญแล้ว เมื่อมี "อนุสนธิแห่งการเปลี่ยนแปลง" สารวัตรหลุดออกจากตำแหน่ง คงมีการเปลี่ยนแปลงจาก "ร้ายกลายเป็นดี" รวมถึงเรื่อง "ความไม่สงบ" ตามชายแดนหมู่บ้านด้านใต้ของเรา คงจะดีขึ้น เพราะช่วงที่สารวัตรดำรงตำแหน่ง ไม่ได้ลงไปดูแล เอาแต่ "โม้" ต่อจากนี้ไป ประชาชนในท้องที่ สน.ประเทศไทย จะได้ "หลับตานอน" อย่างมีความสุข เมื่อตำรวจได้ทำหน้าที่สมกับเป็น "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" อย่างแท้จริง

อีกประการหนึ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญมากคือ "อายุ" ของสารวัตร ตอนนี้ปาเข้าไป 66 ปีแล้ว ผมเองก็ใกล้จะ 60 เข้าไปทุกที ต่างก็จะ "ลาโลก" กันไปในไม่ช้า ทิ้ง สน.ประเทศไทย ไว้ให้ลูกหลาน แม้ว่าที่ผ่านมา ผมได้ "ขัดแย้ง" กับสารวัตรในหลายเรื่อง เพียงเพราะผมหวังจะให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในหมู่ตำรวจ ไม่ใช่หลับตาชื่นชม เอาใจลูกน้องเฉพาะที่เคลียเคล้าใกล้ชิด เฝ้า "บ้านริมคลอง" อันโอ่อ่า ตั้งแต่เช้ายันค่ำ 

ด้วยเหตุผลนานาประการ ที่ผมได้เรียนมาข้างต้น ประกอบกับความรักเคารพในตัวสารวัตร ผมขอให้สารวัตร "เพลาๆ" เรื่องของมึนเมา พวก "ไวน์" ลงบ้าง จะได้ไม่หน้าแดง ทะเลาะเบาะแว้งเที่ยวกัดไปทั่ว มันเสียหายต่อส่วนรวม ขอให้ "ทำใจ" สวดมนต์ภาวนาก่อนนอน เอาธรรมะเข้าข่มจิตใจ อายุปูนนี้แล้ว รู้ว่าที่ "บ้านใหญ่" ญาติเยอะ คงไม่ต้องเลี้ยงหลานเอง แต่ถ้าทำให้จิตใจสบายก็ทำไปเถอะ

ตั้งแต่นี้ต่อไป คนใหม่ฉายา "อินทรีย์อีสาน" ที่เคยเป็นตำรวจเก่าเช่นกัน จะมารับผิดชอบแทนสารวัตร หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงจะทำงานได้ดีกว่านี้ เพราะคงไม่มีอะไร "แย่" ไปกว่าช่วงที่สารวัตรอยู่อีกแล้ว

ด้วยความเคารพ แต่ไม่นับถือ

ชู อยู่ยาก


ที่มา: เฟส  ชูวิทย์ I'm No.5
[Continue reading...]

โฆษก ปชป.พลิ้ว อ้างไม่เคยหนุนร่างพ.ร.บ.นิรโทษฯ

- 0 comments

ขอบคุณภาพข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐ
นายชวนนท์ "ปชป.หนุนร่างก.ม.นิรโทษกรรมฉบับ"แม่น้องเกด" 17 ก.ค. 56 จาก เดลินิวส์ คลิกดูรายละเอียด
อภิสิทธิ์ "แบไต๋" หนุนร่างฉบับประชาชน  18 ก.ค. 56 จาก ไทยรัฐ คลิกดูรายละเอียด

ปชป. โวยบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าพรรคให้การสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ย้ำจุดยืนเดิมไม่เห็นด้วยกับ ม.112  แนะมวลชนเสื้อแดงทบทวนพฤติกรรมแกนนำ ลั่นถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ...

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชนของนางพะเยาว์ อัคฮาด และพวกว่า ขณะนี้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนร่างดังกล่าวทั้งฉบับ ซึ่งไม่เป็นความจริง ตนขอย้ำใน 3 ประเด็นหลัก คือพรรคประกาศจุดยืนตั้งแต่ต้นว่าเห็นด้วยในหลักการที่จะออกกฎหมายขึ้นมาใช้ฐานการกระทำความผิดในแต่ละส่วนว่า สมควรได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ ซึ่งในร่างนี้มีสาระหลัก คือ

1.นิรโทษกรรมให้บุคคลที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ไม่มีคดีอาญาติดตัว หรือมีความผิดลหุโทษ ตรงกับที่พรรคประกาศก่อนหน้านี้มานานแล้ว

2. ไม่นิรโทษกรรมให้บุคคลที่ใดที่มีพฤติกรรมหรือทำผิดกฎหมายอาญา ทั้งการมุ่งร้ายชีวิตและทรัพย์สิน ใช้อาวุธกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ และ 3. ไม่นิรโทษกรรมให้บุคคลที่ความผิดฐานเผาสถานที่ราชการ เอกชน สร้างความเสียหายให้ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ซึ่งขณะนี้มีบิดเบือนซ้ำว่าว่า พรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งขอยืนยันว่าพรรคไม่เห็นด้วยในกรณีมาตรา 112 แน่นอน

นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า น่าเสียดายเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนที่สอดคล้องกับประชาชน แต่นักการเมืองและแกนนำมวลชนคนเสื้อแดงกลับแสดงพฤติกรรมให้เห็นว่า แกนนำใช้ประชาชนเป็นเพียงเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ทั้งกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. และ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า พรรคโยนบาปให้ทหาร หรือแม้แต่นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำนปช.ที่พูดว่า จะล้างผิดให้ทหาร ล้วนบิดเบือนแบบมวยวัด แต่กลับตอกย้ำสาระที่ตรงกันของบรรดาแกนนำ นปช.คือ ต้องการสกัดกันกฎหมายฉบับประชาชน ทั้งที่ผ่านมา บรรดาแกนนำนปช.คนเสื้อแดงต่างท่องคาถาตลอดว่า ไม่ต้องการได้รับอานิสงส์จากการนิรโทษกรรม แต่พอถึงเวลากลับไม่ปล่อยประชาชนโดยให้อยู่ในคุก ทั้งที่บรรดาแกนนำได้รับการประกันตัวไปแล้ว เช่น กรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติสนับสนุนร่างของนายวรชัยแล้ว

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้ประชาชนและคนเสื้อแดงจำไว้เป็นบทเรียนว่า การกระทำของแกนนำ นปช. แสดงให้เห็นว่าประชาชนมาทีหลัง ซึ่งน่าเจ็บปวดที่แกนนำล้วนเอาตัวรอดก่อนมวลชน แต่สุดท้ายคือ การหลอกซ้ำสอง คือนอกจากไม่เอากฎหมายของประชาชนแล้ว กฎหมายของนายวรชัยก็ไม่เร่ง เพราะต้องการให้มีการพิจารณากฎหมายงบประมาณ 2557 และกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทก่อน ทั้งหมดจึงเป็นเพียงละครฉากใหญ่ที่พวกแกนนำและพรรคเพื่อไทยร่วมเขียนขึ้น เพื่อต่อรองระหว่างผู้ที่ต้องการงบประมาณ เงินกู้ 2 ล้านล้าน และผู้ที่เอาประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อล้างผิดให้ตนเอง.
[Continue reading...]

เปิดตัวอพส.ชุดใหม่เป็น “กองทัพโค่นระบอบทักษิณ”

- 0 comments

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย (สนามม้านางเลิ้ง) กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ได้เปิดตัวคณะเสนาธิการร่วม ประกอบด้วย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตแกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดิน พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) พล.อ.ชูเกียรติ ตันสุวัจน์ อดีตนายทหารคนสนิทพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี อดีตโฆษกอพส. และนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 โดยมีนายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำขบวนการอีสานกู้ชาติ ทำหน้าประสานงานองค์กรกลุ่มเครือข่าย และพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวมวลชน
โดย พล.ร.อ.ชัย เป็นตัวแทนคณะเสนาธิการร่วม อ่านแถลงข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.ให้รัฐบาลแสดงจุดยืนในความจงรักภักดีต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ ด้วยการหยุดการกระทำอันไม่ควร การจาบจ้วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2.ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม และรมช.กลาโหม 3.ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาข้าวยากหมากแพง ด้วยการยุติการขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม และลดราคาน้ำมันทุกประเภท ด้วยการดำเนินการให้ ปตท.หยุดการค้ากำไรเกินควร เอาเปรียบประชาชน และปฏิรูป ปตท. ให้กลับมาเป็นของประชาชนโดยทันที 4.ให้รัฐบาลยุติโครงการกู้เงินเพื่อบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม หรือ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพราะเห็นชัดแล้วว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
พล.ร.อ.ชัย กล่าวว่า 5.ให้รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทุกฉบับที่เสนอ เพื่อล้างผิดฟอกโทษต่อพ.ต.ท.ทักษิณ และ 6.ให้รัฐบาลดำเนินการเอาผิดกับผู้ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวทุกขั้นตอน ยกเลิกการตั้งกรรมการสอบสวน น.ส.สุภา ปิยะจิต รองปลัดกระทรวงการคลัง รวมทั้งคืนตำแหน่งให้นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลโดยทันที ทั้งนี้ให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้องใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการใดๆ หรือบ่ายเบี่ยง ซื้อเวลา กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ จะนัดชุมนุมโดยสันติ แสดงสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการตามข้อเรียกร้องต่อไป ส่วนเวลาและสถานที่จะแจ้งให้ทราบต่อไป
พล.ร.อ.ชัย กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ยังไม่แจ้งเวลาและสถานที่ เพราะถ้าพูดไปก่อน เดี๋ยวรัฐบาลจะออก พ.ร.บ.ความมั่นคง จึงยังแจ้งสถานที่ไม่ได้ เดี๋ยวพวกเขาจะตั้งกำลังสกัดอีก ทั้งนี้ขอให้ประชาชนร่วมแสดงจุดยืน ด้วยการนำกระดาษมาเขียนว่า “ไม่เอาระบอบทักษิณ” หรือถ่ายรูปมาส่งทางเฟซบุ๊ค เพื่อที่จะได้ประเมินว่า มีคนสนใจมากน้อยแค่ไหน และจะได้กำหนดท่าทีการชุมนุมอีกครั้ง
ด้านพล.อ.ปรีชา กล่าวว่า กองทัพประชาชนเป็นเพียงกลุ่มคนที่จะมาอำนวยความสะดวกและหล่อหลอมความสำนึกคนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดินที่เหลืออยู่ให้แสดงตัว แสดงตนที่ทนไม่ไหวต่อระบอบทักษิณ ซึ่งชายแดนไทยเขมรกำลังจะสูญเสียไปเพราะการที่ไปยอมขึ้นศาลตามที่เขมรชักจูง โดยรัฐบาลอ่อนข้อให้ถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลที่ทักษิณสั่ง เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์ทำ นอกจากนี้ในสังคมยังแตกแยกเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง รัฐบาลก็ยังนิ่งเฉยเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ รวมถึงขณะนี้ระบบข้าวของไทยถูกทำลายเพราะนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลประชาชน ต้องกินข้าวเน่า ข้าวเสีย ถือเป็นภัยร้ายแรงที่เราต้องขับไล่รัฐบาลชุดนี้
"เราหวังเพียงอย่างเดียวคือคนไทยที่รักชาติที่ยังเหลืออยู่ ที่ยังนิ่งเฉย เราเลยแสดงตนออกมาให้เป็นที่หลอมรวมเป็นที่พัฒนากำลังประชาชนผู้รักชาติและ ทวงคืนพลังแผ่นดิน เราจึงขอประกาศว่าเราจะไม่มาเป็นผู้นำแต่จะเป็นอ่างใบหนึ่งที่หลอมรวมให้ ประชาชนที่รักชาติออกมาแสดงตนร่วมกันโค่นระบอบทักษิณ" พล.อ.ปรีชา กล่าว
ขณะที่พล.อ.ท.วัชระ กล่าว่า รัฐบาลสร้างเขื่อนป้องกันตัวเอง ด้วยการใช้กลไกอำนาจของของรัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกเป็นเครื่องมือของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ใช้วิจารณญาณในการทำหน้าที่สลายมวลชน และใช้กำลังมากกว่า 5 หมื่นคนสกัดประชาชน ตนจึงขอเข้ามาร่วมขจัดรัฐบาลสามานย์ ขจัดประชาธิปไตยสามานย์.

ที่มา : เดลินิวส์
[Continue reading...]

"เรืองไกร" ขู่ DSI ถอนคดีบริจาค ปชป.เจอ ม.157แน่!! ท้า "บัญญัติ"ฟ้องตรงต่อศาลยุติธรรม

- 0 comments

"เรืองไกร"เดินหน้าลุยฮึ่ม"ดีเอสไอ"ถอนคดีบริจาคเงินเข้า ปชป.เจอ ม.157 แน่ขู่เอาผิดถึงนายกฯ ในฐานะ ปธ.คดีพิเศษ ท้า"บัญญัติ"ฟ้องตรงต่อศาลยุติธรรม

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.นายเรือง ไกรลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) ตรวจสอบการบริจาคเงินเข้าพรรคของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่ากระบวนการตรวจสอบของดีเอสไอ ยังต้องเดินต่อไปไม่สามารถยุติคดีได้ เพราะตอนนี้มีการแยกสำนวนคดีเป็นรายบุคคล และมีการสอบปากคำไปพอสมควรแล้ว ทราบว่าเหลือการสอบปากคำ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประมาณ 10 คนเท่านั้น ถึงแม้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 1 ในผู้ถูกกล่าวหา ขู่จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป. ช.) สอบสวนเอาผิดนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ หากไม่ยอมถอนออกจากคดีพิเศษก็ตาม ซึ่งคงเป็นการแก้เกี้ยวโดยไปอ้างความเห็น ของนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ทั้งที่ตนไม่เคยยื่นฟ้องต่อ กกต.เลย

เมื่อถามว่านายธาริต ระบุจะนำคำวินิจฉัยของ กกต.ไปประกอบการพิจารณา นายเรืองไกร กล่าวว่า นำมาประกอบการพิจารณาได้ ไม่มีผลกระทบกับการพิจารณาคดี เพราะถึงอย่างไรก็ถอนออกจากคดีพิเศษไม่ได้ ขอท้านายบัญญัติหรือ ส.ส.ที่ถูกกล่าวหาถ้าแน่จริงขอให้ยื่นร้องโดยตรงต่อศาลยุติธรรม ในฐานะผู้เสียหายโดยตรงจะได้รู้กันว่าคดีนี้จะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม หากดีเอสไอยุติการสอบสวนหรือยอมถอนออกจากคดีพิเศษ ตนจะยื่นเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แน่นอนขอเตือนนายธาริตว่าหากเดินหน้าต่อยังมีกฎหมายรองรับไว้โต้แย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้ายอมถอนมีความผิดแน่ และจะเดือดร้อนไปถึงประธานคณะกรรมการคดีพิเศษซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี.
[Continue reading...]

คอลัมน์อัพเดท ติดใจลีลา...“ท่านวสันต์” โดยแม่ลูกจันทร์

- 0 comments

 
 



การไขก๊อกลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ของท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ถือเป็นเรื่อง น่าเสียดาย และน่าเสียใจอย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์

เสียดาย...เพราะ
ท่านวสันต์ เป็นผู้มีคารมคมคายไม่ว่าจะพูดเรื่องไหนหนังสือพิมพ์หยิบไปพาดหัวเป็นประจำ

จากนี้จะไม่มีประธานศาลรัฐธรรมนูญที่มีลีลาฮากระจายอย่างนี้เป็นสีสันทางการเมือง


เสียใจ...เพราะ
ท่านวสันต์ตัดช่องน้อยลาออกไปคนเดียว น่าจะถือโอกาสชักชวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 8 คนให้พร้อมใจลาออกล้างสต๊อกฉลองเทศกาลเข้าพรรษาซะเลย
ความจริง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันได้ปฏิบัติหน้าที่มานานถึง 6 ปี

ถ้าต้องอยู่จนรากงอกครบ 9 ปี ก็เป็นเวลายาวนานเกินไป

แม่ลูกจันทร์เชื่อว่าถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันพร้อมใจลาออกทั้ง 9 คน จะเป็นคุณูปการที่จะช่วยกอบกู้วิกฤติศรัทธาต่อสถาบันศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากการวินิจฉัยคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ หลายกรณีทำให้เกิดข้อขัดแย้งในสังคม และเกิดข้อกังขาในการตีความมากมายหลายประเด็น
ขออนุญาตหยิบเฉพาะเรื่องใหญ่ๆมาฉายเป็นตัวอย่าง 4 กรณี

1
,การอ้างพจนานุกรมเช็กบิล สมัคร สุนทรเวชตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กรณีเป็นพิธีกรรายการทำกับข้าวทางทีวี

2
,การสั่งยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมา ลงโทษกรรมการบริหารพรรคเหมาเข่ง 109 คน โดยให้หัวหน้าพรรคแถลงปิดคดีตอนสาย แล้วสั่งยุบพรรคตอนบ่ายวันเดียวกัน

3
,การสั่งเบรกไม่ให้สภาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ทั้งๆที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

4
,การที่ศาลรัฐธรรมนูญแนะนำให้สภาฯ แก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ครั้นสภาฯ ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำ ศาลรัฐธรรมนูญกลับลงมติ 3 ต่อ 2 รับคำร้องของขาประจำ ว่าการแก้ไขเป็นรายมาตราขัดรัฐธรรมนูญ

นี่คือต้นเหตุทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเกิดปัญหาวิกฤติศรัทธาเรื้อรัง

แม่ลูกจันทร์กราบเรียนว่าเจตนารมณ์ ในการก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นองค์กรสูงสุดในการอำนวยความยุติธรรม และยุติปัญหาขัดแย้งทางการเมือง
แต่ทำไปทำมา ศาลรัฐธรรมนูญกลับเป็นต้นตอปัญหาขัดแย้งซะเอง
เนี่ย...มันยุ่งอย่างนี้แหละท่านประธาน

สรุปว่า การที่ ท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ปลีกวิเวกลาออกไปคนเดียว ไม่ช่วยกอบกู้ภาพพจน์ของศาลรัฐธรรมนูญที่ลายพร้อยเป็นปลากระทิงให้ผ่องแผ้วใสปิ๊งขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน

แม่ลูกจันทร์ย้ำว่าใครจะเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ใครจะได้รับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยังขาดอีกหนึ่งคนก็จะไม่ทำให้การวินิจฉัยคำร้องที่ยังติดค้างลำกล้องเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา

เพราะตุลาการหน้าเดิมยังอยู่กันครบทีม

แต่ถ้ามองในแง่ดี ตุลาการศาลรัฐธรรม-นูญชุดนี้ก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าสถาพร

เหนียวสุดๆก็ไม่เกินอีก 3 ปีก็ต้องพ้นตำแหน่งไป

ข้อสำคัญ จากนี้ไปการวินิจฉัยคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในทุกกรณีจะถูกจับตาจากสังคมอย่างละเอียดยิบทุกแง่ทุกมุม


อนึ่ง
แม่ลูกจันทร์เพิ่งแอบไปอ่านแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีของศาลรัฐธรรมนูญ พบว่า เป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ

โดยตั้งเป้าว่าปีนี้ 2556 จะเพิ่มเรตติ้งความเชื่อมั่นให้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์

ปีหน้า 2557 จะอัพความเชื่อมั่นให้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์

และปีโน้น 2558 จะกอบกู้ความเชื่อมั่นให้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์

แม่ลูกจันทร์สรุปว่า ผลงานจะพิสูจน์ศรัทธา คำตัดสินจะพิสูจน์ความยุติธรรม ทุกปัญหามีคำตอบอยู่ตรงนี้เอง.





"แม่ลูกจันทร์"

ที่มา :นสพ ไทยรัฐ

        วอยซ์ทีวี


[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger