คนรุ่นหลัง จำนวนมากเกิดไม่ทันรู้ ดูไม่ทันเห็น ความชั่วร้ายของชายชื่อสุเท พ เทือกสุบรรณ และคณะพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งมีอำนาจในมือซ้าย ถือกฎหมายในมือขวา
เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้รัฐมน ตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรแ ละสหกรณ์ สุเทพ เทือกสุบรรณ สร้างผลงานโบว์ดำอันลือลั่น สั่นสะเทือนแผ่นดิน ด้วยการใช้อำนาจ และช่องโหว่ทางกฎหมาย แจกที่ดิน สปก.4-01 ให้กับ ทศพร เทพบุตร สามีของ อัญชลี เทพบุตร ขณะเป็นเลขานุการของตนเอง
ไม่เพียงแต่ ทศพร เทพบุตร คนเดียวที่ได้รับที่ดินผืนง ามของเกาะภูเก็ต ไปกว่า 90 ไร่ ยังมี “นายหัว” อีกหลายคนของเกาะภูเก็ต ที่เป็นนายทุนของพรรคประชาธ ิปัตย์
และสนิทสนมชิดเชื้อ เอื้อเฟื้อสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พรรคประชาธิปัตย์
ได้รับเอกสารสิทธิสปก.4-01 เหมือนกับทศพร เทพบุตร ไปด้วย
ทั้ง ทศพร เทพบุตร และคนเหล่านี้ ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเอกสา รสิทธิที่ดินสปก.4-01 ซึ่งเป็นที่ดินของหลวง ที่ดินของรัฐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะยกใ ห้แก่เกษตรกรคนยากจนที่ไม่ม ีที่ดินทำกิน แต่ ทศพร และ”นายหัว” หลายคน ไม่ใช่เกษตรกร เป็นคหบดี เป็นเศรษฐีใหญ่ของเกาะภูเก็ ต ไม่เช่นนั้นคงเป็นนายทุนใหญ ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้
คนเหล่านี้ ไม่มีสิทธิ แต่ได้รับสิทธิ ได้รับที่ดินหลวงไปเป็นสมบั ติของตัวเองกันคนละหลายสิบไ ร่ เพราะการใช้อำนาจในมือซ้าย และใช้กฎหมายในมือขวา ตามสไตล์ สุเทพ เทือกสุบรรณ
เหตุการณ์อัปยศ โกงที่ดินหลวง แย่งที่ดินคนจน ไปแจกจ่ายแก่พวกพ้อง เกิดขึ้นเมื่อปี 2538 ขณะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล ชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระท รวงเกษตรและสหกรณ์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นโฆษกรัฐบาล
ทั้ง ชวน สุเทพ และ อภิสิทธิ์ ชี้แจงแสดงเหตุผล เถียงกับสื่อมวลชน และประชาชนทั้งประเทศ ที่เห็นว่าการแจกเอกสารสิทธ ิที่ดินสปก.4-01 แก่เศรษฐี คหบดี เป็นเรื่องผิด แต่ ทั้ง 3 คนของพรรคประชาธิปัตย์ เถียงคอเป็นเอ็น เห็นว่าเป็นเรื่องถูก
เถียงกันจน ชวน หลีกภัย กลายเป็นคนโง่ ไม่รู้ว่าเกษตรกรแปลว่าอะไร ต้องส่งให้กฤษฎีกาตีความคำว ่า เกษตรกร
เถียงกันจน สุเทพ เทือกสุบรรณ ถูกต้อนจนมุม ถูกถลุงจนต้องโยนผ้ายอมแพ้ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ไป
เถียงกันจน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับฉายาจากนักข่าว ว่า โฆษกเทวดา เพราะดูถูกดูแคลนนักข่าว สื่อมวลชน ประชาชน ที่จี้ถามเรื่องนี้ ว่าอธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใ จ
เถียงกันจนพรรคประชาธิปัตย์ ต้องล่มสลาย หนีตายคาสภาฯ หนีการลงมติไม่ไว้วางใจในสภ า ด้วยการยุบสภา เพื่อเอาตัวรอด ไม่กล้ายืนสู้หน้าประชาชน ไม่กล้ายืนตัวตรงรับฟังคำพิ พากษาของสภาผู้แทนราษฎร ก่อนหน้าการลงมติ เพียง 1 ชั่วโมง 30 นาที
เถียงกันจนถึงวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังยืนยันว่าทำถูกต้องทุก ประการ ทั้งๆ ศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่าทำผิด และสั่งให้ ทศพร เทพบุตร ออกจากที่ดินหลวงที่ยึดครอง เป็นสมบัติส่วนตัวนานถึง 12 ปี
พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงยืนกรานว่าทำถูก และต้องการใช้คนภูเก็ตพิสูจ น์ความถูกต้องในเรื่องนี้ขอ งตนเอง ด้วยการ ส่ง ทศพร เทพบุตร ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส . ในยุคสมัยที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปั ตย์
พฤติกรรมของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ชวน หลีกภัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ทศพร เทพบุตรเมื่อ ปี 2538 คือ พฤติการณ์ของนักการเมืองที่ สร้างภาพลักษณ์ตนเป็นคนดี แต่แท้จริงกลับเป็นปีศาจคาบ คัมภีร์
ถืออำนาจเป็นศาสตรา ใช้กฎหมายเป็นอาวุธ ทำร้ายบ้านเมือง โกงที่ดินรัฐ
คอรัปชั่นแผ่นดินหลวง ยักยอกทรัพย์สินของชาติ ไปให้แก่พวกพ้อง
โดยไม่สนใจความถูกต้องอยู่ต รงไหน
การคอรัปชั่นเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง และความไม่รับผิดชอบต่อความ เสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประเท ศชาติ คือ ข้อสรุปพฤติกรรมการบริหารงา นของพรรคประชาธิปัตย์ ในกรณี สปก.4-01 ที่เป็นกรณีศึกษา กรณีตัวอย่าง ที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่า ง แต่ยังเป็นที่น่าประหลาดเมื ่อพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล้าอวดอ้างเป็นพรรคการเ มืองที่มีธรรมาภิบาล เป็นพรรคการเมืองที่มีจริยธ รรมในการบริหารบ้านเมือง
สำหรับท่านทั้งหลาย ที่เกิดไม่ทันรู้ ดูไม่ทันเห็น หรือเคยรู้เคยเห็นแต่ จำไม่ได้แล้วว่า รายละเอียดเป็นอย่างไร ก็จะได้เห็นได้รู้กันเสียที และอีกครั้งหนึ่ง ว่า ทำไมเมื่อพูดถึงสปก.4-01 ผู้อาวุโสหลายจึงคนต้องนึกถ ึงพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยอาการขนลุกขนพอง สยองเกล้า และทำไม สปก.4-01 จึงกลายเป็นเครื่องหมายตราบ าปติดตัว สุเทพ เทือกสุบรรณ และ พรรคประชาธิปัตย์ จนแกะไม่ออก แยกไม่ได้
เนวิน ชิดชอบ คือนักการเมืองหนุ่มจากบุรี รัมย์ ในวันนั้น เป็นนักการเมืองที่สะสมข้อม ูลทุกเรื่องไว้มากที่สุดคนห นึ่งของเมืองไทย เป็นนักการเมืองที่ใช้ข้อมู ลด้วยความพิถีพิถัน ใช้ข้อมูลเป็นอาวุธได้อย่าง มีประสิทธิภาพสูงสุด คือคนที่ได้รับเลือกให้เป็น ผู้สรุปความชั่วร้ายของพรรค ประชาธิปัตย์ ในกรณีการแจกที่ดินสปก.4-01 ให้แก่ เศรษฐีภูเก็ต เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
หลังการอภิปรายของเนวิน ชิดชอบ ในวันนั้น พรรคพลังธรรม โดยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วม รัฐบาล ทันที
ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่กล้านำคณะรัฐบาล เข้ารับฟังการพิพากษาจากสภา ผู้แทนราษฎร และต้องหนีเอาตัวรอดด้วยการ ยุบสภาผู้แทนราษฎร ทันที
ทั้งๆ ที่ สภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้กระทำความผิด แต่เป็นผู้เปิดเผยการกระทำค วามผิดของรัฐบาล ต่างหาก
กรณี สปก.4-01 เป็นความผิดของรัฐบาล แต่ผู้ถูกลงโทษกลับเป็นสภาผ ู้แทน
ราษฎร เพราะการใช้อำนาจของ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น
ซึ่งเป็นการยุบสภาฯ หนีการลงมติไม่ไว้วางใจ โดยแท้ เป็นการยุบสภาฯ
เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาธ ิปัตย์ เพียงพรรคเดียว
ในขณะที่ เนวิน ชิดชอบ ได้รับผลตอบแทนคือ ถูกสร้างภาพว่าเกี่ยวข้องกั บซื้อเสียงที่จังหวัดบุรีรั มย์
และเป็นที่มาของฉายา ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ ที่ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งๆ
ที่ศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่า เนวิน ชิดชอบ ไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อเสี ยงครั้งนั้น และได้ลงโทษจำคุกผู้กระทำคว ามผิด ไปแล้ว
แต่ด้วยความรอบจัดและความชำ นาญทางการใช้สื่อเป็นอาวุธ และมีเครือข่ายสื่อเป็นพวกพ ้องของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เนวิน ชิดชอบ ต้องได้รับเคราะห์กรรมอย่าง สาหัสแต่เพียงลำพัง โดยที่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเ ข้ามาช่วยเหลือ
ในกรณีหนึ่ง ศาลฎีกาพิพากษาว่า เนวิน ชิดชอบ ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับเห็นว่าผิด
ในกรณีหนึ่ง ศาลฎีกาพิพากษาว่า ทศพร เทพบุตร ไม่ใช่ผู้มีสิทธิได้รับสปก. 4-01 และต้องคืนที่ดินให้หลวง แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับบอกว่าทศพร ไม่ผิด สุเทพ ไม่ผิด ที่ผิดคือ กฎหมายที่เขียนไว้ไม่รองรับ ถึงทศพร
น่าประหลาดที่ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่มีนักกฎ หมายอยู่เต็มพรรค และเป็นพรรคการเมืองที่ครั้ งหนึ่งเมื่อเป็นรัฐบาล ชวน หลีกภัย ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยประกาศว่าจะทำให้ทุกคนอย ู่ใต้กฎหมายอย่างเสมอภาคกัน
แต่ สองกรณีนี้เห็นได้ชัดเจนว่า นักกฎหมายที่มีอยู่เต็มพรรค ประชาธิปัตย์เป็นนักกฎหมายช นิดใด และคำพูดของชวน หลีกภัย เชื่อถือได้หรือไม่
จะมีสักครั้งหรือไม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์ จะพูดความจริงกับประชาชน
ฟังเรื่องสปก.4-01 ของพรรคประชาธิปัตย์ จากปากของ เนวิน ชิดชอบ ดีกว่า แล้วท่านจะได้รู้ และเข้าใจว่าทำไม นายกฯทักษิณ ต้องนำกรณีนี้มาเตือนสติ คตส. และประณามเป็นนักฎหมายสองมา ตรฐาน
ฟังเรื่องสปก.4-01 จบ แล้วคุณจะรู้จักพรรคประชาธิ ปัตย์ ดีขื้นกว่าที่คุณเคยรู้จัก
แล้วคุณจะรู้ว่าปีศาจคาบคัม ภีร์ ไม่ใช่คำเปรียบเทียบ หรืออุปมาอุปไมย แต่มีตัวตนจริงๆ ชื่อว่า..
“ประชาธิปัตย์”
[Continue reading...]
เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้รัฐมน
ไม่เพียงแต่ ทศพร เทพบุตร คนเดียวที่ได้รับที่ดินผืนง
ทั้ง ทศพร เทพบุตร และคนเหล่านี้ ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเอกสา
คนเหล่านี้ ไม่มีสิทธิ แต่ได้รับสิทธิ ได้รับที่ดินหลวงไปเป็นสมบั
เหตุการณ์อัปยศ โกงที่ดินหลวง แย่งที่ดินคนจน ไปแจกจ่ายแก่พวกพ้อง เกิดขึ้นเมื่อปี 2538 ขณะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล ชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระท
ทั้ง ชวน สุเทพ และ อภิสิทธิ์ ชี้แจงแสดงเหตุผล เถียงกับสื่อมวลชน และประชาชนทั้งประเทศ ที่เห็นว่าการแจกเอกสารสิทธ
เถียงกันจน ชวน หลีกภัย กลายเป็นคนโง่ ไม่รู้ว่าเกษตรกรแปลว่าอะไร
เถียงกันจน สุเทพ เทือกสุบรรณ ถูกต้อนจนมุม ถูกถลุงจนต้องโยนผ้ายอมแพ้ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ไป
เถียงกันจน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับฉายาจากนักข่าว ว่า โฆษกเทวดา เพราะดูถูกดูแคลนนักข่าว สื่อมวลชน ประชาชน ที่จี้ถามเรื่องนี้ ว่าอธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใ
เถียงกันจนพรรคประชาธิปัตย์
เถียงกันจนถึงวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังยืนยันว่าทำถูกต้องทุก
พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงยืนกรานว่าทำถูก และต้องการใช้คนภูเก็ตพิสูจ
พฤติกรรมของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ชวน หลีกภัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ทศพร เทพบุตรเมื่อ ปี 2538 คือ พฤติการณ์ของนักการเมืองที่
การคอรัปชั่นเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง
สำหรับท่านทั้งหลาย ที่เกิดไม่ทันรู้ ดูไม่ทันเห็น หรือเคยรู้เคยเห็นแต่ จำไม่ได้แล้วว่า รายละเอียดเป็นอย่างไร ก็จะได้เห็นได้รู้กันเสียที
เนวิน ชิดชอบ คือนักการเมืองหนุ่มจากบุรี
หลังการอภิปรายของเนวิน ชิดชอบ ในวันนั้น พรรคพลังธรรม โดยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วม
ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งๆ ที่ สภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้กระทำความผิด แต่เป็นผู้เปิดเผยการกระทำค
กรณี สปก.4-01 เป็นความผิดของรัฐบาล แต่ผู้ถูกลงโทษกลับเป็นสภาผ
ในขณะที่ เนวิน ชิดชอบ ได้รับผลตอบแทนคือ ถูกสร้างภาพว่าเกี่ยวข้องกั
แต่ด้วยความรอบจัดและความชำ
ในกรณีหนึ่ง ศาลฎีกาพิพากษาว่า เนวิน ชิดชอบ ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับเห็นว่าผิด
ในกรณีหนึ่ง ศาลฎีกาพิพากษาว่า ทศพร เทพบุตร ไม่ใช่ผู้มีสิทธิได้รับสปก.
น่าประหลาดที่ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองที่มีนักกฎ
แต่ สองกรณีนี้เห็นได้ชัดเจนว่า
จะมีสักครั้งหรือไม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์ จะพูดความจริงกับประชาชน
ฟังเรื่องสปก.4-01 ของพรรคประชาธิปัตย์ จากปากของ เนวิน ชิดชอบ ดีกว่า แล้วท่านจะได้รู้ และเข้าใจว่าทำไม นายกฯทักษิณ ต้องนำกรณีนี้มาเตือนสติ คตส. และประณามเป็นนักฎหมายสองมา
ฟังเรื่องสปก.4-01 จบ แล้วคุณจะรู้จักพรรคประชาธิ
แล้วคุณจะรู้ว่าปีศาจคาบคัม
“ประชาธิปัตย์”