Sunday, June 30, 2013

มีการกล่าวหาและทวงถามหนี้ ผ่าน Youtube จาก "ภรรยา" นายกล้าณรงค์ จันทิก เลขาธิการ ปปช.

- 0 comments
นางยมนา สุธาสมิธ พูดในคลิปดังกล่าว มีผู้โพสต์คลิปในเว็บไซด์ youtube นามว่า Oreocutie5555 โดยคลิปดังกล่าวเป็นการทวงหนี้จาก นางพันทิพา จันทิก ภรรยา กล้าณรงค์ จันทิก เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)  เนื่องจาก ภรรยา นายกล้าณรงค์ ยืมที่ดินจากผู้เสียหาย ไปค้ำประกันการกู้แบงค์ โดย เซ็นต์เช็ค้าำประกันไว็ และขาดส่ง ทำให้แบงค์ฟ้องยึดที่ และขายทอดตลาด ยึดเงินและฟ้องล้มละลายกับผู้เสียหาย  ผู้เสียหายได้ติดตามทวงถามมาตลอด แต่นางพันทิพา ได้อธิบายเหตุผลต่าง ๆ นา ๆว่า ไม่ทำให้เสียหายหรอก เพราะ นายกล้าณรงค์ เป็นถึงเลขาธิการ ปปช. เราก็กลัวเรื่องเสื่อมเสียเหมือนกัน
ดูรายละเอียดของคลิปที่นี่

https://www.youtube.com/watch?v=NL7bJxDNCf4
[Continue reading...]

ย้อนดู ผลงาน รัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร”

- 4 comments
ย้อนดู ผลงาน รัฐบาล นายกทักษิณ ชินวัตร

1. นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค)
2. โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
3. โครงการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย
4. กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
5. โครงการธนาคารประชาชน
6. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ (SMEs)
7. ธนาคารอิสลาม
8. โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน
9. ตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.)
10. การชำระคืนเงินกู้ IMF ก่อนกำหนด
11. โครงการบ้านเอื้ออาทร
12. โครงการบ้านมั่นคง
13. โครงการบ้านออมสินเพื่อประชาชน “บ้านออมสิน”
14. โครงการ ธอส. – กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการสมาชิก กบข.
15. โครงการบ้าน ธอส. เพื่อรัฐวิสาหกิจ
16. นโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพล
17. นโยบายการปราบปรามหวยเถื่อน
18. นโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด
19. โครงการช่วยเหลือ ฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ “โรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง” สำหรับผู้ต้องคดีไม่ร้ายแรง
20. ผู้ว่า CEO
21. ตั้งกระทรวงพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์
22. ตั้งกระทรวง ICT
23. การปฏิรูประบบราชการ
24. จดทะเบียนแก้ปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ
25. หวยบนดิน
26. 1 อำเภอ 1 ทุน ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศ
27. ทุนการศึกษากว่า 500 โครงการของหวยบนดินเพื่อโอกาสทางการศึกษาเด็กด้อยโอกาส 800,000 คน
28. โครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น
29. โครงการเครือข่ายไร้สายสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ
30. จัดตั้ง Tripartile Rubber Cooperation (TRC) ของภาครัฐ + Trading Consortia (TC)ภาคเอกชน 3ประเทศ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย
แก้ปัญหาราคายาง
31. เร่งรัดผลักดันสร้างสนามบินสุวรรณภูมิจนแล้วเสร็จ

------------------------------------------------

(ไปเจอมาจากพันทิพ)
1.จัดระเบียบสังคม สถานบริการ
2.จัดระเบียบจราจร-หักคะแนน ยกเลิกใบอนุญาตตลอดชีพ
3.จัดระเบียบมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
4.จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ขึ้นทะเบียนแรงงานเถื่อนให้ถูกกฏหมาย
5.โครงการ ประดับธงชาติไทย แต่งเพลงชาติใหม่
6.ต่อยอดการพัฒนา มาตรฐาน Thailand Brand (สานต่อนโยบายรัฐบาลก่อน)
7.ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มาเฟีย
8.สงครามยาเสพติด
9.ยกเลิกหนี้ IMF
10.พักชำระหนี้เกษตรกร
11.กองทุนหมู่บ้าน
12.SML / SME
13.หน่วยราชการ one stop service
14.ผู้ว่า CEO
15.ฑูต CEO
16.โครงการ National Museum (ต้นแบบคือ Smithsonian)
17.สำนักงานศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC
18.อุทยานการเรียนรู้ TK PARK
19.กรุงเทพเมืองแฟชั่น
20.ครัวไทยสู่ครัวโลก
21.ศูนย์กลางสุขภาพของโลก
22.แปลงสินทรัพย์เป็นทุน (แนวคิด เดอ โซโต้ )
23.หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP
24.กองทุนวายุภักดิ์
25.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 30 บาท รักษาทุกโรค
26.Event-ลดราคารถไฟฟ้า 15 บาทตลอดสาย
27.Event-เชิญนักคิด ปาฏกฐาThailand's Competitivenessโดย Michael E. Porter 4พค46
28.Event-โครงการอบรมข้าราชการระดับสูง เชิญนักวิชาการต่างประเทศมาสอน
29.Event-ความร่วมมืออุตสาหกรรมไอที รัฐบาลไทยกับไมโครซอฟท์ ปาฐกฐาโดย Bill Gates มิย.48
30.โครงการ นายกทักษิณแนะนำ หนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน
31.แผนศึกษา รถไฟฟ้ากรุงเทพและปริมณฑล 10 สาย 370 กิโลเมตร
32.โครงการก่อสร้างสนามบินแห่งชาติ สุวรรณภูมิ ศูนย์กลางการบินอาเซียน
33.โครงการก่อสร้างทางรถไฟ/รถไฟฟ้า Airport Link
34.โครงการสุวรรณภูมิมหานคร
35.โครงการทางยกระดับแหลมผักเบี้ย
36.โครงการเสนอจัดเอเชี่ยนเกมส์
37.โครงการไนท์ซาฟารี
38.โครงการกระเช้าลอยฟ้า ดอยหลวงเชียงดาว
39.จัดระเบียบเกมส์ออนไลน์
40.บ้านเอื้ออาทร
41.นักบินเอื้ออาทร
42.คอมพิวเตอร์เอื้ออาทร
43.แท๊กซี่เอื้ออาทร
44.ประกันชีวิตเอื้ออาทร
45.จักรยานเอื้ออาทร
46.นโยบายปรับปรุงโครงสร้างภาษี ปรับฐานภาษีเงินได้ +ลดภาษีลูกกตัญญู
47.แนวคิดการพัฒนาตลาดพันธบัตรร่วมเอเชีย Asian Bond
48.โครงการ Detroit of Asia ศูนย์กลางผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เอเซีย
49.โครงการอุทยานซอฟท์แวร์
50.ผลักดัน ให้เกิด ASEAN+3 อาเซียน+จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
51.ความร่วมมือแห่งเอเซีย Asia Cooperation Dialogue (ACD)
52.Event ใหญ่ ประชุม APEC 2003
53.โครงการร่วมมือ พันธมิตรท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน
54.Unseen Thailand
55.ปฏิรูประบบสอบวัดผลความรู้เข้ามหาวิทยาลัย ONET-ANET
56.โครงการเงินทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา
57.นโยบายรับนักศึกษา หารายได้พิเศษ ปิดเทอม --- บริษัทต้องรับนักศึกษาฝึกงาน
58.โครงการพัฒนาส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทย์+เทคโนฯ (พสวท.)
59.หนึ่งโรงเรียน หนึ่งทุน ODOS (ทุนหวย)
60.หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม
61.โครงการบูรณาการการศึกษา แนวคิด Child Center
62.โครงการพัฒนานักออกแบบ และันักอนิเมชั่นไทย
63.โครงการ สินค้าเกษตรแลกเปลี่ยนรัฐต่อรัฐ
64.FTA จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย
65.โคล้านตัว
66.กล้ายางล้านต้น
67.ปล่อยเงินกู้รัฐบาลพม่า 4000 ล้าน
68.ส่งทหารไทยไปรักษาสันติภาพที่ประเทศอิรัก
69.โครงการ ทำระบบสื่อสาร CDMA
70.Privatization แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท ทอท กสท องค์การโทรศัพท์
71.ตลาดหลักทรัพย์ MAI
72.ตลาดสินค้าเกษตร AFET
73.ตลาดตราสารอนุพันธ์ TFEX
74.คณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ
75.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
76.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
77.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
78.อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ทุกตำบล
79.หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน www.labschools.net
80.ศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ NGT www.ngt.go.th
81.จัดระเบียระบบราชการ ปฏิรูปกระทรวงทบวงกรม ตั้ง ก.พลังงาน ICT วัฒนธรรม ท่องเที่ยวกีฬา พัฒนาสังคม ฯลฯ
82.โครงการเชื่อมฐานข้อมูลระบบราชการ E-government
83.โครงการปฏิรูปสถาบันการเงิน ควบรวมธนาคาร
84.แนวคิดสลาก หวยหุ้น Liverpool
85.หวยบนดิน 2-3 ตัว
86.โครงการหวยออนไลน์ (ตู้จำหน่ายสลาก)
87.ศึกษา Entertainment Complex คาสิโน เกาะช้าง
88.กองทุนน้ำมัน
89.โครงการเอทานอล พลังงานทดแทน
90.อีลีท การ์ด บัตรท่องเที่ยววีไอพี ใบละล้านบาท
91.โครงการสมาร์ทการ์ด ID card บัตรประชาชนใบเดียวรวมข้อมูลทุกอย่าง
92.EVENT- ปิดถนนคนเดิน (กระตุ้นท่องเที่ยวช่วงเทศกาล)
93.โครงการโรงรับจำนำข้าวเปลือก
94.แปรสัญญาโทรคมนาคม เตรียม กทช.เพื่อตั้ง กสช.
95.ส่งเสริม RMF LTF กองทุนรวมลดหย่อนภาษี
96.Event- รณรงค์ไทยช่วยไทย กินไก่+ไข่ไก่ปรุงสุข ป้องกันไข้หวัดนก ท้องสนามหลวง
97.โครงการเขตปลอดภาษี เมืองท่องเที่ยว
98.โครงการ ขยับกายสบายชีวี ออกกำลังกาย (สาธารณสุข)+Event แอโรบิคกินเนสบุ๊ค
99.โครงการฝากบ้านกับตำรวจ (เริ่ม 2546) ต่อยอด โครงการโรงพักเพื่อประชาชน
100.ธนาคารอิสลาม
101.โครงการธนาคารประชาชน
102.โครงการ ศูนย์แสดงสินค้า ไทยแลนด์ พลาซ่า นิวยอร์ค
103.ระบบประมูลงานราชการ E-Auction
104.Event - งาน พระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี
105.Event - งานพืชสวนโลก ราชพฤกษ์ 2006-2007

จากคุณ : สุขชัย
 
ที่มา เว็บ มหาอะไร
[Continue reading...]

เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผม เพราะระบอบทักษิณ

- 5 comments


ต้องขอออกตัวก่อนครับว่า  ไม่มีเจตนาจะอวด   อะไรกับใครทั้งสิ้น  เพียงแต่อยากเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแค่นั้นครับ

    ผมเป็นคน ตจว. เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ประมาณ 8-9 ปี ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเมื่อปี 39 กลับไปเปิดร้านถ่ายเอกสารเล็ก ๆ (มากๆ) มีเครื่องถ่ายเก่า ๆ ตัวหนึ่ง  เครื่องคอมฯ  เครื่องเคลือบบัตร อย่างละตัวครับ  เมีย 1  ลูก 1  อายุ 6 เดือน    บ้านเช่า 2000 /เดือน (จ่ายรายปี)
ข้าวไม่ต้องซื้อ   ในช่วง 3 เดือนแรก  มีรายได้วันละ  20-30 บาท  ซื้อไก่ 1 ไม้  10  บาท  กินทั้ง  3  มื้อกับเมีย   

ต่อมาเดือนที่ 4 5 6...  มีรายได้วันละ  50  บาท  (ดีใจแทบตาย)   วันไหนที่ได้  100  ดีใจยังกะถูกหวย

      พอปี 40  เศรษฐกิจไทยก็ทรุด  ช่วงนั้นนายชวน เป็นนายกฯ   ซึ่งการแก้ปัญหาขณะนั้น  นายชวนจะออกในแนวประหยัด  มัธยัสถ์     และมีการส่งเสริมทฤษฎีพอเพียง    ช่วงนั้นคนต่างจังหวัดกลับบ้านกันเยอะมาก   เพราะตกงาน  ค้าขายขาดทุน  แทบทุกคนกลับบ้านไปอาศัยพ่อแม่ที่บ้านนอกที่ส่วนมากเป็นเกษตรกร  ทำไร่  ทำสวน   ทำนา  กลับมาช่วยพ่อแม่ทำงานที่บ้าน  ก็ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ลำบากมาก    เพราะมีบ้านอยู่   มีข้าวกิน   อาหารการกินหาได้ตามท้องไร่ท้องนา  จะไม่มีก็แค่เงินเท่านั้น
   
      ช่วงนั้นทั้งสื่อมวลชน  รัฐบาล  นักวิชาการ  วิชาเกิน  ต่างมองเห็นเป็นแนวทางเดียวกันว่า   บ้านและครอบครัวที่ต่างจังหวัดของแต่ละคน  และการเกษตร นั่นแหละคือฐานที่มั่นของชีวิต  ภาคเกษตรคือเบาะรองรับการล้มที่ดีที่สุด   และขอบคุณเกษตรกรคนต่างจังหวัดที่ช่วยดูและและรับภาระช่วงที่เกิดวิกฤต

        ผมเปิดร้านปี 39   ปี 40 เศรษฐกิจทรุด  ประกอบกับร้านก็เล็ก  เงินทุนหมุนเวียน 4,000  บาท   หลักทรัพย์อะไรก็ไม่มี   ไปกู้เงินออมสินเขาก็ไม่ให้กู้    ไปกู้กรุงไทยเขาก็ไม่ให้กู้   ก็อยู่ไปตามประสารอวันตาย  นึ่งข้าวเหนียวใส่กระติบ   ซื้อไก่ไม้  10  ไม้หนึ่งกินกัน 2 คนผัวเมีย   เลิกเหล้า   เลิกบุรี่   เลิกเที่ยว  ลดรายจ่ายทุกอย่างครับ   ก็พออยู่ได้

        ต่อมาไม่นานมีการเลือกตั้ง   พรรคไทยรักไทย   เอาป้ายมาติดหน้าร้าน พร้อมกับข้อความ  คิดใหม่  ทำใหม่   ผมนึกในใจว่า  ยังไงก็จะเลือกท่านทักษิณ   ด้วยเหตุผลที่ว่า   อยากลองของใหม่   ชอบเครื่องแบบ   หน้าตาท่านดี   รวย   และกล้าติดสินใจ  บุคลิกดี กล้าพูด  คุยกับฝรั่งเสียงดัง ฟังชัด  ฉะฉาน   ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก   (ก็รู้กันอยู่ว่าในอดีตที่ผ่านมาเมื่อเลือกตั้งเสร็จก็งั้น ๆ  คล้าย ๆ กับว่าเขาขออำนาจเราไป   เมื่อได้แล้วก็จบกัน  ติดตามไม่ได้  ตรวจสอบไม่ได้   เรียกร้องไม่ได้ ทวงสัญญานโยบายไม่ได้)
 แต่...   จากวันนั้นวันที่  ไทยรักไทยมาแขวนป้ายหน้าร้าน  ชีวิตผมก็เปลี่ยนไป...
           ผมมีงานมากขึ้นเพราะ  สส. เข้ามาถ่ายเอกสาร  หลักฐานต่าง ๆ  เยอะมาก   ตั้ง 8 - 9 เบอร์  แต่ละเบอร์ทำเอกสารไม่ใช้น้อย ๆ ทำให้ได้งานได้เงินมากขึ้น  ราคาดีขึ้น   เมื่อผลปรากฎว่า  ท่านทักษิณ  ชนะเลือกตั้ง  แถลงนโยบายเสร็จสรรพ   ด้วยวลีที่ว่า   "จะเป็นรัฐบาลที่ทำงานเหนื่อยและหนักเพื่อประชาชน"   การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทั้งภาครัฐ   ภาคเอกชน  ต่างสนใจในนโยบาย   (ในขณะที่ประเทศไทยเป็นหนี้ IMF  แต่ท่านทักษิณบอกว่าจะให้เงินชาวบ้านไปบริหาร หมู่บ้านละ 1 ล้าน   ตอนนั้น พรรค ปชป. เอาแต่นั่งหัวเราะ)  ข้าราชการตื่นตัว   มีความกระฉับกระเฉง   โครงการต่าง ๆ พรั่งพรูออกมา   (ซึ่งไม่บอกทุกท่านก็น่าจะรู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดไหน)
    
          -  ต่อมามีนโยบาย  ธนาคารคนจน  ของธนาคารออมสิน  ให้กู้รายละ  15,000  -  30,000  บาท  ให้กับคนทั่วไปและพ่อค้าแม่ค้า  โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์     ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน   ผมก็เอาด้วยครับ   ก็เอามาซื้อของเข้าร้านเพิ่ม  ใช้หนี้เขาสัก 2-3 เดือน  ก็ผ่อนเกือบหมด   ต่อมาก็มีโครงการสินเชื่อห้องแถว  ผมก็เอาด้วยครับ  เอามาซื้อเครื่องตัด   ซื้อเครื่องถ่ายเพิ่ม  ซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ    ต่อมาผมก็ไปขอสินเชื่อประเภทซื้อที่อยู่อาศัย    ธ.ออมสินเห็นว่าผมส่งเงินเขาดี  ไม่ขาดตกบกพร่องเขาก็ให้กู้ซื้อบ้านราคา  400,000  บาท (ร้านที่เช่าอยู่ทุกวันนี้)  ก็ผ่อนมาเรื่อยครับ ตอนนี้เหลือแสนกว่าบาท  ซึ่งเงินผ่อนกับเงินค่าเช่ามันก็พอๆกัน
        -   ต่อมาก็มีโครงการต่าง ๆ ออกมาจากรัฐอีกมากมาย ฯ  ซึ่งทุกโครงการล้วนแต่กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย กระจายเงิน  กระจายโอกาส    เช่น   ป.บัณฑิต   อาจารย์ 3   ผอ.กันดาร ( ผอ.3.4)  เพิ่มเงิน ป.  ของตำรวจ   หวยบนดิน  เขียนจดหมายขอทุน   1 อำเภอ 1โรงเรียน 
โอท๊อป  แก้ปัญหาความยากจน  30 บาท รักษาทุกโรค  พักหนี้  ฯลฯ   ทุกโครงการ...ร้านค้าเล็ก ๆ อย่างผมก็จะได้งานเพิ่มขึ้น  แน่นอนว่ารายได้ก็ตามมา     ซึ่งเป็นคนละอย่างกันกับ  ท่านชวน   หลีกภัย   แห่ง ปชป.  ที่มุ่งเน้นการประหยัด  เก็บหอมรอบริบ  พอเพียง   (และหลายคนก็ได้รับโอกาสเหมือนผมนี่แหละ)

          จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้    จากที่ผมเป็นร้านเล็ก ๆ ในอดีต  ปัจจุบันก็ถือว่ามีความพร้อมในการให้บริการลูกค้ามากขึ้น
        

          มีเครื่องถ่าย  5  ตัว     เครื่องพิมพ์  2  ตัว    เครื่องปริ้น  7  ตัว   เครื่องคอม 2 ชุด   เครื่องตัด  อุปกรณ์อื่น ๆ อีก   มากมาย
      
         สั่งกระดาษเข้าครั้งละประมาณ  100-200  รีม (เอ 4)  ก็เป็นเรื่องปกติ   ซื้อที่ในตัวอำเภอ 3 แปลง   มีรถคันละล้านขับ  จากร้านที่เช่าก็ซื้อเขาซะจะได้ไม่ต้องกลัวเขาไล่ที่    ส่งลูกเรียนพิเศษได้   ไปเที่ยวทะเลในวันหยุดได้   วันไหนว่าง ๆ ก็พาลูกเมียไปกินพิซซ่าได้  กินสุกี้ได้  ดูหนัง ตามห้าง ฯ ได้   มีโน๊ตบุ๊คให้ลูกใช้  มีโทรศัพท์มือถือดี ๆ เครื่องละหมื่นกว่า ๆ ใช้  มีทีวีจอ  40  นิ้วไว้ดู   มีคาราโอเกะไว้ร้อง  มีชุดโฮมเธียร์เตอร์  ชำระค่าเน็ตเดือนละ  700  ได้   และก็เป็นหนี้ได้สัก  2-300,000 บาท    คือ สรุปว่าชีวิตมันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น  แม้มันจะไม่มากก็ตาม    อาจเป็นหนี้เป็นสินบ้าง  แต่ก็อยู่ในภาวะที่จะชำระได้    หักลบกลบหนี้แล้วก็พอมีกำไร   (มันก็ดีกว่าตอนทั้งวัน  ไก่ 1 ไม้  10  บาท กินทั้งผัวเมีย  จนชาวบ้านเขาต่างดูถูกว่า  สงสัยจะเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวไม่ไหว)
     
         ที่เล่ามานี้   ผมไม่ได้ว่าจะอวด  อย่างที่ว่าไว้   เพียงแต่จะสะท้อนให้เห็นว่า

            1.  วันหนึ่งเมื่อคนกรุงเทพฯ หรือภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม เดือดร้อนเพราะเศรษฐกิจ  พวกคุณก็เอาคนที่ตกงาน  เอาภาระของสังคม ไปฝากไว้กับ  ภาคการเกษตร   ที่มีแต่คนแก่  คนเฒ่าเป็นผู้บริหาร   พวกเขาขาดทั้งเงินทุน  ขาดทั้งองค์ความรู้  การคมนาคม  อำนาจต่อรอง  ฯลฯ   แต่เขาก็ทำหน้าที่เลี้ยงดูคนทั้งประเทศได้  จนประเทศฟื้นคืนสู่ปกติ
            แล้ววันหนึ่ง   วันที่พวกเขาทำการเกษตรแล้วพอจะมีกำไรบ้าง   พอที่จะปลดเปลื้องหนี้สินได้บ้าง    ภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม    ก็ต่อต้านตั้งแง่กับเขาว่าได้มากไป  จะทำให้ประเทศชาติทรุด ทั้ง ๆ ที่วันที่ประเทศชาติทรุด พวกเขาเป็นคนดูแล  อย่างนี้ยุติธรรมสำหรับเขาแล้วหรือ  (ส่วนนักการเมืองบางฝ่ายก็ไล่ล่า  ไล่ล้มกัน   หาใช่การตรวจสอบเพื่อให้ภาคเกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุดอย่างที่กล่าวอ้าง)

                       2.    แล้วที่ผมบอกว่า  ผมสิ่งของต่าง ๆ นานา หลาย ๆ อย่าง  ก็ใช่ว่าผมจะอวด  เพียงแต่อยากจะสะท้อนให้เห็นว่า   ของที่ผมซื้อหามาได้นั้น   ส่วนมาก  ชาวไร่ชาวนา เขาไม่ได้ผลิต   มีแต่คนรวย  พ่อค้า  นายทุน  เจ้าของโรงงาน   นายธนาคาร  และคนชั้นกลาง-ชั้นสูง  เท่านั้นที่ร่วมกันผลิต     นั้นแสดงว่า   แม้ผมจะทำมาหาได้  แต่สุดท้ายแล้วเงินก็กลับไปสู่พวกคุณที่เป็นพ่อค้านายทุน คนชั้นกลาง-ชั้นสูงอย่างพวกคุณ  ใช่หรือไม่   (แล้วพวกคุณจะบอกว่า   ท่านทักษิณฯ  เอาเงินมาแจกคนจนได้อย่างไร)

       ก็ใช่ว่าผมจะลุ่มหลงในโลกของทุนนิยมไปเสียทั้งหมด   เพราะในที่ทางที่ผมมี  ผมก็ทำตามที่พ่อท่านบอก  คือ  ปลูกทุกอย่างที่กิน  ปลูกข้าว (3 ไร่ )  พริก  มะนาว  ข่า ตะไคร้  ใบมะกรูด  แมงลัก มะละกอ กะท้อน   มีบ่อปลาเล็ก ๆ 2 บ่อครับ  แต่จับปลากินได้ทั้งปี  มีกระถิน  ตำลึง  มะรุม  ผักพื้นบ้านก็เก็บกินได้ทั้งปีครับ ปลอดจากสารเคมีทุกชนิดครับ  ใช้ขี้วัว  ขี้ควาย เป็นปุ๋ย  (มะม่วงที่สวนผมลูกใหญ่ที่สุดในอำเภอครับ) ไก่ป่า..ก็เยอะสุดครับ   เป็นเถียงนาเล็ก ๆ ครับ   แต่อยู่ง่าย ๆ สบาย ๆ  

      "ต้องยอมรับว่า   ผมมีชีวิตแบบปกติสุขอย่างทุกวันนี้ได้เพราะนโยบายของท่านทักษิณ  ชินวัตร จริง ๆ แล้วแบบนี้  



"ไม่ให้ผมรัก  ไม่ให้ผมเลือกท่าน     ก็ช่วยตอบผมหน่อยเถอะว่า  จะให้เลือกหมาที่ไหน"


     อ้อ...  ข้อมูลจริงครับไม่ได้ดราม่า    และยินดีต้อนรับทุกท่าน..ครับ..

 

ความคิดเห็นที่ 1

ชอบใจประโยคสุดท้ายครับ

ประเด็นที่ผมอยากจะเสริมก็คือ พวกที่ออกมาแอนตี้ จะบอกว่า ประชานิยม ทำให้ประชาชนเสพติดการแบมือขอเงิน พวกเขา (ชนชั้นกลาง) เสียภาษีมาแล้ว เงินภาษีของฉัน  อยากให้สร้างโน่นสร้างนี่้ให้พวกฉันใช้  พวกคนจนห้ามใช้  พวกนักการเมืองอย่าเอาเงินฉันไปใช้โกงกิน ฯลฯ

ผมก็พูดบ่อย ๆ ว่า ถ้านโยบายที่ประชาชนไม่นิยม แล้วจะมีรัฐบาลไว้ทำอะไร  เอาไว้นับประดับบนหอคอยงาช้างแบบสมัยเปรม?

ทั้งสุรยุทธ์ และอภิสิทธิ์ ก็ใช้นโยบายประชานิยมด้วยกันทั้งนั้น อย่ามาพูดเลย ว่าไม่ก๊อบปี้นโยบายของทักษิณ

ไอ้พวกที่ชอบพูดว่า "ชาติ" นั้น มันมีอยู่องค์ประกอบสามอย่าง ถึงจะเป็นชาติได้

1. ประชาชน
2. แผ่นดินที่เหยียบ
3. วัฒนธรรม

ถ้าไม่มีประชาชน ก็เป็นชาติไม่ได้ ถ้าไม่มีแผ่นดินเหยียบ ก็เป็นชาติไม่ครบ

แล้วก็พวกที่บอกว่า ขายชาติ เขาพระวิหาร เนื้อที่ 4.6 ตร.กม.นั้น ไอ้พวกนี้ต้องไปดูว่า พื้นที่ริมทะเล โดนน้ำกัดเซาะปีเท่าไหร่  หรือ พื้นที่ภูเก็ต โดนฝรั่งซื้อเท่าไหร่  สมุย ฯลฯ

และทุกวันนี้ ใครมีที่ดินมากที่สุด หากไม่นับภาครัฐ  และธนารักษ์  เสี่ยเจริญ เบียร์ช้างหรือเปล่า?  ใครเป็น land lord ตัวจริง 
ขอบคุณผู้ที่นำข้อมูลมาให้

ที่มา บอร์ดราชดำเนิน
[Continue reading...]

สนนท.จี้ สภา-รบ.แก้ รธน. เร่งด่วน วอน ตลก. ฝ่ายค้าน อำนาจนอกระบบหยุดขวาง

- 0 comments

 

28 มิ.ย.56 เวลาประมาณ 10.00 น. ตัวแทนสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) นำโดยนายสุพัฒน์ อาษาศรี เลขาธิการ สนนท. เดินทางเข้ายืนจดหมายถึงประธานรัฐสภาเพื่อเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายค้าน องค์กรอิสระและอำนาจนอกระบบทุกรูปแบบหยุดขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ที่เป็นผลผลิตจากรัฐประหาร 19 ก.ย.49 โดยระหว่างรอยื่นจดหมาย สนนท. มีการแสดงละครล้อเลียนกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์

จากการรัฐประหารและรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย ก่อนที่ตัวประธานรัฐสภาออกมารับจดหมายพร้อมรับปากจะส่งต่อไปยังประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณาต่อไป
 
เลขาธิการ สนนท. มองว่า ผลผลิตจากการรัฐประหารไม่ได้มีแค่รัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงองค์กรอิสระต่างๆและ สมาชิกวุฒิสภาสายสรรหา ที่ผู้สนับสนุนการรัฐประหารไปดำรงตำแหน่งอยู่ เป็นที่ชัดเจนว่าแม้คณะรัฐประหารจะยุบตัวลงไป แต่ขุมอำนาจในการทำลายล้างรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนยังคงอยู่และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งต้องออกจากตำแหน่งหรือทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองเพื่อจะได้ให้เกิดนายกแต่งตั้ง ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตย
 
นายสุพัฒน์ กล่าวถึงปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า ฝ่ายบริหารซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนและเป็นที่พึ่งเพื่อให้การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ตอบสนองความต้องการนั้น เพียงแต่ยังคงรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้อยู่ยาวนานที่สุดเท่านั้น ส่วนฝ่ายตุลาการนั้นกลับไม่ได้เป็นที่หวังพึ่งของประชาชนเพราะเป็นอำนาจเดียวที่ได้รับประโยชน์จากการรัฐประหารและ ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยทำงานกันเป็นเครือข่ายตั้งแต่ ฝ่ายค้าน กลุ่มมวลชน สว.สรรหา องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และอำนาจนอกระบบ ด้านอำนาจนิติบัญญัติถือว่าเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการอย่างใด แม้ว่าจะมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งวุฒิสภาก็แบ่งออกเป็นหลายกลุ่มทำให้ไม่เป็นเอกภาพในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
 
โดยนายสุพัฒน์ เปิดเผยว่า สนนท.จะขับเคลื่อนประเด็นรัฐธรรมนูญมาอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย สนับสนุนการมีส่วนร่วมเพื่อออกแบบรัฐธรรมนูญที่มีความเหมาะสมกับสังคมไทย และต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ จึงได้จัดโครงการรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย โดยการจัดเวทีเสวนาเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนพูดคุยครั้งที่ 1 ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ณ ห้องสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจะเดินหน้าผลักดันการจัดเวทีเสวนาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ต่างๆ เพื่อรับฟังความเห็น แล้วรวบรวมส่งสภาและรัฐบาลต่อไป
 
 
ที่มา เว็บประชาไทย
[Continue reading...]

เสียงจากชาวนา “ขอเถอะให้ชาวนาลืมตาอ้าปากบ้าง”

- 0 comments
ให้ชาวนาลืมตาอ้าปากบ้าง
เรียน ท่านบ.ก.ข่าวสด

ใน เรื่องข้าว คนที่ไม่เคยทำนาเอาแต่กินข้าว ก็จะไม่รู้ปัญหาของคนทำนา ซึ่งเป็นครัวใหญ่ของโลก ว่าต้องมีการบริหารจัดการที่ดี เช่นเรื่องน้ำต้องให้มีความสมดุลกัน ไม่ใช่ปล่อยน้ำทิ้ง เวลาน้ำมากก็ต้องมีการผันน้ำไว้บนที่สูงหรือวางโครงสร้างผันน้ำไปทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนือให้ได้ หรือเก็บกักน้ำไว้บนที่สูง และต้องออกกฎหมายลงโทษผู้ตัดไม้ทำลายป่าให้หนักๆ

เมื่อคนกินข้าว ไม่รู้ที่มาของข้าวก็ทำให้ไม่ซาบซึ้งของความลำบากในการทำนา การทำนามันไม่เหมือนปลูกดอกไม้สวยงาม ข้าวแต่ละเมล็ดจะออกเป็นรวง มีขั้นตอน มีต้นทุน มีจิตวิญญาณของหยาดเหงื่อ แรงงาน แรงเงิน อยากให้กระทรวงศึกษาฯ บรรจุวิชาการการดูงานการทำนาตามขั้นตอนความเป็นจริง หรือถ้านักศึกษาจะออกค่ายก็น่าจะไปออกค่ายช่วยชาวนา ดำนา เกี่ยวข้าว วิดน้ำ ฯลฯ เวลาจะค้านจะได้ไม่ออกมาค้านแบบมั่วๆ

คนกลางคือชาวนาเลยอึดอัด ว่า พวกคุณจะทะเลาะกันทำไม ขอเถอะก่อนที่จะเอาชาวนามาเป็นตัวปั่นเพื่ออะไร ของใครก็แล้วแต่ ขอเวลาให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้บ้าง อะไรที่ดีและมีประโยชน์กับชาวนาส่งเสริมบ้างเถอะ หันไปจับผิดประเด็นอื่นกันบ้าง อย่างเช่นน้ำมันปาล์มหายไปไหน และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย ที่เป็นคำถาม คาใจของผู้คน เวลาออกมาค้านอะไร ก็ขอให้มันมีเหตุผลมากๆ

ถ้าประเทศไหนในโลกนี้ไม่มีชนชั้นกรรมกร ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ชาวประมง ชาวบ้าน มันจะเป็นประเทศได้ไหม? จงคืนความเป็นธรรมให้ชาวนาเถอะ นักการเมืองอย่าเอาชาวนามาหาประโยชน์

คนทำนา

ตอบ คนทำนา

ปัญหา เรื่องข้าว น่าจะเป็นโอกาสที่ดีให้ชนชั้นอื่นๆ ในสังคม เปิดหูตาเรียนรู้ชีวิตของคนที่เรียกว่าเป็นกระดูกสันหลังชาติ หวังว่านักการเมืองจะได้รับฟังเสียงจากคนทำนาบ้าง อย่าเล่นเกมการเมืองกัน โดยทำลายโอกาสลืมตาอ้าปากของชาวนาเลย

ที่มา จดหมายถึง บก ข่าวสด
[Continue reading...]

ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าครม.ชุดใหม่

- 0 comments
วันนี้ ( 30 มิ.ย.)  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 5 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 9 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 และประกาศครั้งสุดท้ายลงวันที่ 2 เมษายนพุทธศักราช 2556 นั้น
บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 และมาตรา 183 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
1.ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

-ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-พลอากาศเอก สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

-นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

2.ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

-นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

-นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นรองนายกรัฐมนตรี

-นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

-นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง

-พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

-นางเบญจา หลุยเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

-นางปวีณา หงสกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

-นายวราเทพ รัตนากร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกตำแหน่งหนึ่ง

-นายพ้อง ชีวานันท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

-นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

-นายยรรยง พวงราช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

-นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

-นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

-ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

-นายพีรพันธุ์ พาลุสุข เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

-นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

-นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข


ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พุทธศักราช 2556 เป็นปีที่ 68 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี

ตรวจสอบและติดตามอ่านอย่างละเอียดได้ที่

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2556/E/079/1.PDF

ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
[Continue reading...]

ชีวิตที่ต่างกันอย่างกะเศรษฐี กับยาจก ชวน หลีกภัย

- 0 comments
นายชวน ก็คือพระทางการเมือง เป็นหลวงพ่อประจำพรรคประชาธิปัตย์    เป็นเจ้าอาวาสประจำพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้มีคุณธรรมประจำใจ  สั่งสอนให้ลูกพรรค ใช้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ



วัชระ  เพชรทอง  สส.หน้าใหม่พรรคประชาธิปัตย์ บรรยายสรรพคุณนายชวน  หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์     เอาไว้ว่า  หากหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ คือ เกจิอาจารย์ที่คนปักษ์ใต้นับถือเป็นอันดับหนึ่ง นายชวน ก็คือพระทางการเมือง เป็นหลวงพ่อประจำพรรคประชาธิปัตย์    เป็นเจ้าอาวาสประจำพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้มีคุณธรรมประจำใจ  สั่งสอนให้ลูกพรรค ใช้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ

วัชระ เพชรทอง ยังยกย่องความซื่อสัตย์ของนายชวนว่า ยากที่จะหานักการเมืองคนใดในประเทศไทยมาเปรียบปานได้อีกแล้ว พร้อมกับเชิดชูให้นายชวน หลีกภัยกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

นายชวน หลีกภัย  พยายามที่จะสร้างภาพพจน์ของตนเองให้เป็นนักการเมืองมีชีวิตสมถะ เรียบง่าย มีทรัพย์สินน้อยมากในบรรดาผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาก่อน เมื่อคราวที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง23ธันวาคม 2552  ในวันที่ 6 ธันวาคม 2550 นายชวน หลีกภัยใช้รถจี๊ปหมายเลขทะเบียน น-1723 ตรัง  ออกจากลานพระแม่ธรณีบีบมวยผมจากพรรคประชาธิปัตย์ ถนนเศรษฐศิริ  มุ่งหน้าไปยัง จ.ตรัง ด้วยระยะทางกว่า 1500 กิโลเมตร เป็นการสื่อความหมายถึงชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ

รถจี๊ปคันดังกล่าวหากตีราคาแล้วกันในหมู่คนเล่นรถรุ่นเก่าจะอยู่ที่ราคา ประมาณ 40,000.00-70,000.00บาท แต่สำหรับคันที่นายชวนนำมาขับใช้การรณรงค์หาเสียงได้รับการซ่อมแซมใหม่หมด ทั้งคันโดยอดีตคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลชวน 2 เมื่อครั้งนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 2 แสนบาท หากรวมราคาในฐานะที่เป็นรถเก่าแต่ได้มีการปรับปรุงให้มีสมรรถนะวิ่งทางไกล ได้เป็นอย่างดีแล้วรถจี๊ปคันนี้นี้ราคาจะพุ่งไปถึงล้านบาททีเดียว

แต่มูลค่าของรถจี๊ปที่นำมาปรับแต่งให้สามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลได้นั้น ไม่สำคัญเท่ากับได้สร้างมูลค่ามหาศาลทางการเมืองในการสื่อความหมายสร้างภาพ ลักษณ์ของนายชวนและพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นนักการเมืองสมถะในช่วงโค้งสุด ท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธันวาคม 2550

ภาพพจน์ของนายชวน หลีกภัย ที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายนี้ เป็นคนสมถะอย่างน่าทึ่งเมื่อแจ้งรายการทรัพย์สินปรากฏว่า มีทรัพย์สินเป็นเงินฝากและทรัพย์สินรวมกันแล้วเปเงินเพียงแค่3,369,335.57 ล้านบาท(สามล้านสามแสนกว่าบาท) สิ่งที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมากก็คือ ในรายการทรัพย์สินที่แจ้งต่อปปช.นั้นไม่มีการแจ้งทรัพย์สินที่เป็นรถจี๊ปคู่ ใจของนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นทรัพย์สินอยู่ในการครอบครองของนายชวน หลีกภัย

ไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นของการแจ้งทรัพย์สินไม่ครบถ้วนเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อเร็วๆนี้บุตรชายหัวแก้ว หัวแหวน  “ สุรบท  หลีกภัย” ของนายชวน หลีกภัย ซึ่งขณะนี้เติบใหญ่ในวันหนุ่มแตกพาน  รูปร่างหล่อล่ำ  กับทรงผมเกาหลีที่กำลังอินเทรนด์ ด้วยราคาออกแบบหลายพันบาทในแต่ละครั้ง ส่วน สูง 170 เซนติเมตร ในวัย 21 ปี ปัจุจบันศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

สุรบถ หลีกภัยอาศัยอยู่กับภักดิพร สุจริตกุล ผู้เป็นมารดาโดยไม่ได้ประกอบอาชีพ โดยการเลี้ยงดูของนายชวน หลีกภัย อยู่ที่บ้านส่วนตัวตากอากาศ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

สุรบถ หลีกภัย ได้ทำให้สังคมต้องตะลึงไปกับความเป็นมหาเศรษฐีของบุตรชายนายชวน หลีกภัยเพราะภาพพจน์ของบุตรชายคนนี้แตกต่างไปจากพ่อบังเกิดเกล้าของเขา จากหน้ามือซ้ายเป็นหลังตีนขวา เมื่อบุตรชายนักการเมืองชีวิตสมถะคนนี้ ได้ขับรถสป๊อตสี่ขาวยี่ห้อ  BMW Z 4          หมายเลขทะเบียน สส.87  ราคาร่วมสิบล้านบาท ออกปรากฏกายและอวดทรัพย์สินรถสป๊อตคันงามนี้ ประชันความร่ำรวยในแวดวงดาราวัยรุ่นที่ต้องแสดงตนเป็นลูกชายมหาเศรษฐีใหญ่ ของเมืองไทยเท่านั้น  ถึงจะได้มีโอกาสครอบครองหัวใจของดาราวัยรุ่นสุดสวยเซ็กซี่สบึมของเมืองไทย

สุรบถ หลีกภัย  กลายเป็นข่าวในแวดวงไฮโซและข่าวบันเทิงเมื่อได้มีโอกาสเคียงข้างกระชับกาย แนบแน่นคู่กับ  “ม.ร.ว.แม้นนฤมาศ ยุคล” หรือ “หญิงแม้น”…ผู้มาดมั่นและขยันตกเป็นข่าวกะหนุ่มๆ คนชั้นสูงมากมายในวัยแค่ 19 ปี “หญิงแม้น” ผ่านประสบการณ์ชีวิต ที่ต้องตกเป็นข่าวกับบุตรชายของนายชวน หลีกภัยผู้มีชีวิตสมถะ เรียบง่ายเป็นนักการเมืองที่ยากจนขวัญใจของคนปักษ์ใต้

หญิงแม้น เปิดเผยให้สื่อมวลชนรับทราบถึงความสัมพันธ์กับ ปลื้ม  หรือ สุรบถ หลีกภัยเมื่อวันที่ 26 กันยายน52ในวันที่เธอได้รับของขวัญล้ำค่า  ที่ไม่สามารถบอกราคาของขวัญหรูหราชิ้นนี้ได้ จากมือของสุรบท หลีกภัยโดยตรง   เมื่อหญิงแม้น มาร่วมงานเปิดค่ายเพลง “IMUSIC” ซึ่งเจ้าตัวเป็นหนึ่งศิลปินในค่ายนี้

การใช้ชีวิตวัยรุ่นคนชั้นสูงที่ต้องการคบหาสมาคมควงคู่กับวัยรุ่นดารายอดนิยมเป็นที่รับทราบกันว่านอก จากจะต้องมีรถสป๊อตคันงาม ราคาหลายล้านบาท เป็นพาหนะหรูหราแล้ว ยังต้องมีคฤหาสน์หลังใหญ่ มีเงินถังที่หยิบออกจากระเป๋าออกมาใช้เป็นฟ่อนๆ เป็นปึ๊กๆ แน่นหนา  ออกมาอวดความรวยเป็นเศรษฐีเงินล้านให้ดาราสาววัย รุ่นสาวสวยเซ็กซี่ต้องกรี๊ดกร๊าดกระตู้วู้และพร้อมที่จะเดินเคียงข้างด้วย ความมั่นใจ เหมือนในแวดวงของวัยรุ่นที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกันชนิดที่เรียกว่า “เคียงข้างกันไม่หวาดหวั่นแม้วันมามาก”

หญิงแม้นกับชายปลื้มทั้งสองคนยังได้ออกมาเคียงคู่ประชันความร่ำรวยในงาน เปิดตัวนาฬิกาทอยวอทช์คอลเลคชั่น ที่ทอยวอทช์ นาฬิกาแฟชั่น ที่รู้กันว่าราคาเรือนหนึ่งนั้นอยู่ในระดับตั้งแต่  50,000.00-1,000,000.00 บาท ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ในวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

แต่สุรบถ ไม่ใช่วัยรุ่นที่มีรถสป๊อตมูลค่าร่วมสิบล้านบาทตระเวนออกไปโชว์  ไปอวดๆ ใช้ชีวิตหรูหราราคาแพงโฉบเฉี่ยวในแวดวงดาราวัยรุ่นและคนชั้นสูง แต่  สุรบถ  เป็นที่รับทราบกันอย่างดีในฐานะที่เป็นบุตรชาย หัวแก้วหัวแหวนของนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ผู้ที่แจ้งรายการทรัพย์สินที่จัดได้ว่าเป็น นักการเมืองผู้ยากจนข้นแค้นคนหนึ่งของเมืองไทย ทำให้สุรบถ  มหาเศรษฐีวัยรุ่นรูปงามบุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรีของเมืองไทย  ถูกจับตามองเป็นพิเศษและเป็นที่หมายปองของดาราสาวสุดสวย มีเสน่ห์  และเซ็กซี่สุดฮ๊อตของเมืองไทย

รถสปอร์ตคันนี้ แน่นอนคนอย่างนายชวนคงไม่ยอมตกหลุมด้วยการใส่ชื่อตัวเองหรือลูกชายเป็นเจ้า ของระ ส่วนชื่อเป็นของนอมินีหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าผู้ครอบครองที่เป็นวัยรุ่นหะหรูหะหราอย่างสุรบทเอาเงินมาจากไหน เพื่อการจับจ่ายใช้สอยในแวดวงคนหรูหราฟุ่มเฟือยได้  ทั้งๆที่สุรบถ ยังไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการเงินล้าน ส่วนพ่อของเขานายชวน หลีกภัย ก็มีทรัพย์สินน้อยมาก แม้แต่รถที่ใช้ยังเป็นรถจี๊ปโบราณอีกด้วย  อีกทั้ง สุรบถ หลีกภัย ไม่ใช่แค่ควงคู่ข้างกายกับ หญิงแม้น คนเดียว เท่านั้น เขายังปรากฏเป็นข่าวให้ผู้คนในแวดวงบันเทิงและในหมู่วัยรุ่นคนชั้นสูงต้อง เกิดความอิจฉา เหลียวมอง สุรบถเคียงคู่วัยรุ่นสาวจนน้ำลายไหลออกมาเมื่อเขาสามารถเคียงข้างกายกับ นักแสดงสาวหน้าใหม่ พลอย-พงษ์รตี เจริญ ออกงานด้วยกัน ซึ่งทั้งคู่ก็เปิดใจว่าเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่มีความสัมพันธ์มากกว่าคำว่าเพื่อน

พลอย เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 กันยายน 52 ว่า “พี่ปลื้มเป็นคนน่ารักมาก  เพิ่งรู้จักได้สักพักเอง พี่เขาก็เป็นคนดีเหมือนคุณพ่อของเขา  เขาเป็นคนที่ดูแลผู้หญิงดีมาก ตอนนี้สนิทกับเขามากที่สุด  ก็คุยกันอยู่บ่อยครั้งเสมอ   ”

การใช้ชีวิตแบบหรูหรา เป็นมหาเศรษฐีที่เดินเคียงข้างกายดาราสาวยอดนิยมแบบไม่ซ้ำหน้าของสุรบถ ในวัยนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด สำหรับคนมีเงินถุง เงินถัง มีทรัพย์สินสุดยอดราคาแพง  แต่ด้วยการใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย ร่ำรวย มั่งคั่ง ของสุรบถ ได้ลบล้างภาพพจน์พ่อของเขาที่เป็นนักการเมืองสมถะ เรียบง่าย ซึ่งสังคมเชื่อกันว่าเขาเป็นนักการเมืองมือสะอาด ปราศจากการคดโกง  ด้วยการแสดงบัญชีทรัพย์สินมีไม่ถึง 5 ล้านบาท  และใช้ชีวิตสมถะ ใช้รถหาเสียงด้วยรถจี๊ปโบราณ

ภาพลักษณ์ผู้นำการเมือง ในฐานะเจ้าอาวาส พรรคประชาธิปัตย์กำลังเจือจางหายไปด้วยความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เหมือนกับ เจ้าอาวาส ผู้ทรงศีล ตามวัดวาอารามที่พร่ำสอนญาติโยมตอนกลางวันให้ละเว้นจากการเสพสุขทางกามแต่ ทว่าพอตกกลางคืนเจ้าอาวาสเหล่านี้แสดงตนเป็นอลัชชีเที่ยวไล่ปล้ำเสพเมถุน หรือมีเพศสัมพันธ์เสียวสุดยอดไปกับสาวสาวกผู้บำเพ็ญศีลตามคำสอนของเจ้าอาวาส องค์นั้น

ถ้าวารสารทางสังคมเกี่ยวกับสุรบทยังเป็นเช่นนี้ ท่ามกลางความเงียบของนายชวน ประชาชนก็ไม่อาจเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้ สังคมไทยคงต้องศึกษาภาวะคุณธรรมซ่อนเร้นในหมู่ชนชั้นนำอีกหลายคนเพื่อจะได้ หูตาสว่าง
[Continue reading...]

"ยิ่งลักษณ์" จัดทัพสู้ศึก 2 ปี ตัดเนื้อร้าย - ขนอีเวนต์แก้ข่าว จุดพลุจ็อบแรกสมานแผล "จำนำข้าว"

- 0 comments
อีกไม่ถึง 60 วัน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ 60 จะเดินมาถึงครึ่งทางครบรอบ 2 ปี

เป็นครึ่งทางที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ฝ่ามรสุมทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ทั้งการเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านในสภา การสุมหัวแก้ปัญหาปัจจัยที่เหนือการควบคุมทั้งภัยธรรมชาติ-เศรษฐกิจ รวมถึงการงัดข้อสู้กับทุกขั้วอำนาจภายในพรรคเพื่อไทย

เป็นครึ่งทางที่นายกรัฐมนตรีใช้พละกำลังสับ-เปลี่ยนเก้าอี้ ครม.มาแล้ว 4 หน และกำลังเข้าสู่วาระการทำงานของ "ครม.ปู 5" อย่างเป็นทางการในเวลาอันใกล้

เป็นการจัดทัพครั้งใหม่ที่ "ยิ่งลักษณ์" คาดหวังว่า อีกครึ่งทางหลังจากนี้จะสามารถฝ่ามรสุม ผลักดันภารกิจหลักทั้ง 16 ข้อเร่งด่วน ตามถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีที่ผลงานยังไม่คืบหน้า

ทั้งปมกฎหมายเพื่อสร้างความปรองดองที่ยังค้างรัฐสภา ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ไกลกว่าความขัดแย้งภาพเก่า

ทั้งชนวนความขัดแย้งกับปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่แม้จะมีการรุกคืบเจรจากับฝ่ายผู้ก่อการร้าย แต่สุดท้ายผลลัพธ์ในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ยังเต็มไปด้วยรอยกระสุน เสียงปืน และควันไฟ

2 ภารกิจข้างต้น ถูกอ้างอิงถึงผู้ขับเคลื่อนคนเดียวกัน ภายใต้ชื่อ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง

และที่เป็นปัญหาที่สุดคือ อภิมหานโยบายประชานิยมอย่างโครงการรับจำนำข้าว ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนถึงความมั่นคงของรัฐบาล กระทั่ง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจจากดูไบต้องส่งสัญญาณถึงนายกรัฐมนตรีให้รีบแก้ไข

เมื่อเป็นเช่นนี้ รายชื่อ-หน้าตา "ครม.ปู 5" จึงเกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะ "คำสั่งตรง" ถึงนายกรัฐมนตรีคือ ต้องเฉือนเนื้อร้ายที่บั่นทอนคะแนนนิยมและเสถียรภาพของรัฐบาลโดยเร็ว

ทั้งการดึง "มือทำงาน" ระดับข้าราชการ "รุ่นเก๋า" ในกระทรวงเศรษฐกิจ ทั้งการผลักดันมันสมองเบื้องหลังให้กลับสู่ถนนเบื้องหน้า ที่ต่างก็เป็นคนการเมืองระดับ "หัวกะทิ" จากอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111

ทั้งหมดเพื่อดันผลลัพธ์การบริหารของรัฐบาลไปสู่ภาพความสำเร็จในอีก 2 ปีหลังจากนี้

โดยโครงการรับจำนำข้าวจะมอบหมายให้ "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" รมต.ประจำสำนักนายกฯ คนไว้ใจได้ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" และเป็นมือไม้-แขนขาให้ "ยิ่งลักษณ์" นั่งเก้าอี้กระทรวงพาณิชย์ เพื่อคุมเกมแก้ปัญหาจำนำข้าว

เพราะ "บุญทรง" ถูกตำหนิทั้งในและนอกพรรคเพื่อไทยว่าอ่อนการชี้แจง เช่นเดียวกับ "เผดิมชัย สะสมทรัพย์" รมว.แรงงาน หัวขบวน ส.ส.ภาคกลาง ที่เผชิญปัญหาผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท

ทั้ง "บุญทรง-เผดิมชัย" ถูกติติงความนิ่งสงบ เสมือนการลอยแพนายกรัฐมนตรีฉายเดี่ยว

แต่ภารกิจเรื่อง "จำนำข้าว" ถือว่าเร่งด่วนและสุ่มเสี่ยงกว่า ฉะนั้น นอกเหนือจากการปรับทัพ ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยจึงผุดสารพัดอีเวนต์เข้ามาบริหารจัดการทันที

เริ่มตั้งแต่โครงการเสวนาจำนำข้าวสัญจร ที่เตรียมให้ "ทีมพาณิชย์" ลงพื้นที่จัดเวทีระดมความเห็น พร้อมคำอธิบายสารพันปัญหา พร้อมกับการเสริมแรงด้วยอดีตข้าราชการ "รุ่นเก๋า" คนเก่าคนแก่ประจำกระทรวง

อีกทั้งยังแต่งตั้ง "พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง" รองเลขาธิการนายกฯ ขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวพร้อมกัน 2,506 จุดทั่วประเทศว่าล่องหนไปไหน

รวมถึงแผนจากกรมการข้าว โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องจัดทำคู่มือ "การลดต้นทุนการผลิตข้าว" ลอตแรกจำนวน 20,000 เล่ม แจกชาวนาทั่วประเทศ โดยคาดหวังว่าจะทำให้ชาวนาลดต้นทุนได้ไร่ละ 1,500-3,000 บาทต่อไร่

ล่าสุด สำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่มี "ภูมิธรรม เวชยชัย" เลขาธิการพรรคบัญชาการ ได้จัดทำ "สคริปต์" เรื่อง "การรับจำนำข้าว" ให้ ส.ส.-รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยไปชี้แจงชาวบ้านในพื้นที่

โดยจัดทำเป็นไกด์ไลน์คำถาม-คำตอบ ที่ ส.ส.-รัฐมนตรีทุกคนจะต้องท่องให้ขึ้นใจ และไปอธิบายให้ประชาชน อันมีเนื้อหาระบุ 5 ข้อใหญ่ ดังนี้

1.สาเหตุที่ต้องชี้แจงให้เกษตรกรและประชาชนรับทราบ ในฐานะตัวแทนของพรรค ตัวแทนของประชาชน มีความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาความไม่สบายใจและความเดือดร้อนของชาวนา ชาวนาเป็นกลุ่มคนและอาชีพที่น่าเห็นใจที่สุด ทำงานหนักที่สุด และมักถูกเอาเปรียบตลอดเวลา

"เรามักพูดกันอยู่เสมอว่าชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ เราเห็นอกเห็นใจชาวนา แต่พอเราคิดถึงพวกเขา พยายามคิดนโยบายเพื่อช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เขา กำหนดราคาจำนำข้าวเพื่อจะให้ประโยชน์และผลตอบแทนกับเขา ก็มีคนบางส่วนออกมาคัดค้านไม่สนับสนุนนโยบายจำนำข้าว"

2.กรณีที่มีข่าวว่าชาวนาไม่พอใจและจะออกมาประท้วง การรวมตัวของชาวนาและการลุกขึ้นออกมาแสดงความคิดเห็นของชาวนา เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย "เมื่อเขาทุกข์ยากเดือดร้อน เขาก็อยากออกมาบอกให้สังคมรู้"

เขาก็อยากบอกสังคมว่า "พวกเขาเดือดร้อน" / "เขาสนับสนุนนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล" / "อยากได้ 15,000 บาท"

เพียงแต่อยากให้การแสดงออกของชาวนาครั้งนี้เป็นการแสดงออกโดยสงบ สันติ หลีกเลี่ยงที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น อยากให้สังคม...ไม่ว่ารัฐบาล ฝ่ายค้าน คนเมือง หรือสื่อมวลชนต่าง ๆ เข้าใจความเดือดร้อนของพวกเขา

3.ตอกย้ำนโยบายจำนำข้าวคือนโยบายที่ดี และสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้

ต้องเข้าใจและเห็นใจชาวนา ขณะเดียวกันก็เข้าใจและรับรู้ถึงความยุ่งยากของรัฐบาล/รัฐบาลเริ่มต้นนโยบายจำนำข้าว 15,000 ด้วยความประสงค์ที่อยากสนับสนุนช่วยเหลือชาวนา/หลัก พื้นฐานของการคิดนโยบายจำนำข้าวจึงไม่ควรเริ่มต้นคิดจากเรื่อง "กำไร-ขาดทุน" แต่เป็นเรื่อง "การสนับสนุนของรัฐเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้ชาวนา"

รัฐบาลตัดสินใจจำนำข้าว 15,000 บาท ก็เพื่อเพิ่มศักยภาพของชาวนาให้มีเงินจับจ่ายใช้สอย แก้ปัญหาชีวิตของพวกเขาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น/มีตัวเลขทางเศรษฐกิจชัดเจนว่า "นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย" ชาวนาได้ประโยชน์ สามารถลดหนี้สินของครอบครัว/มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น/กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขึ้น/มีเงินออมมากขึ้น

ตลอดทั้งชีวิตของชาวนาเริ่มจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นบ้าง "แล้วทำไมฝ่ายค้าน หรือคนบางส่วนจึงแสดงท่าทีคัดค้านมาโดยตลอด"

"ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์" ประกาศชัดเจนว่า เหตุผลการที่รัฐบาลผลักดันนโยบายจำนำข้าว เพราะเจตนาที่จะทำให้ข้าวมีราคาที่เป็นธรรม แก้ไขปัญหาให้ชาวนาซึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย ทำให้มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้น การที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณก็เพื่อให้ความช่วยเหลือและดูแลชาวนา "เป็นเงินสนับสนุนเพื่อชีวิตของเกษตรกรและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพื่อสร้างกำไร-ขาดทุน เหมือนการลงทุนทางเศรษฐกิจทั่วไป"

ด้านการใช้จ่ายเงินเพื่อเยียวยาความขาดแคลนของชีวิตชาวนา ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของคนส่วนใหญ่ที่เดือดร้อนของประเทศ และการใช้จ่ายเงินของชาวนาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 5-6 รอบ ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้น GDP สูงขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม "ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์" ประกาศชัดเจนว่า รัฐบาลยังยืนยันที่จะสร้างความสมดุลในหลาย ๆ มิติ

มิติที่ 1 ชาวนาต้องขายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม คือ ต้องขายข้าวได้ไม่ขาดทุน เมื่อคำนวณจากราคาต้นทุน

มิติที่ 2 รักษาความสมดุลของต้นทุนการผลิตข้าวกับราคาข้าว "ข้าวใดราคาสูง ต้นทุนสูง ราคาขายต้องสูงตามคุณภาพข้าวที่ได้ด้วย"

มิติที่ 3 การปรับเพิ่ม ลดราคาจำนำข้าว คำนึงถึงผลกระทบจากราคาผลิตผลในตลาดโลก + ภาวะค่าเงินบาท และปริมาณข้าวที่ผลิตขึ้นได้ในตลาด

มิติที่ 4 คำนึงถึงความสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายที่รัฐช่วยเหลือเกษตรกรกับวินัยการเงินการคลัง เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศไม่มีผลกระทบในระยะยาว และเติบโตอย่างยั่งยืน

และที่สำคัญ "ท่านนายกฯยืนยันที่จะปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการจำนำข้าวให้เกิดความโปร่งใสในทุกขั้นตอน และยืนยันว่าที่ผ่านมาเงินทุกบาทโอนถึงมือชาวนาอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้"

สำหรับการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ข้อจำกัด และความยุ่งยากที่ทุกฝ่ายกำลังเผชิญอยู่กับเงื่อนไขและสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบมา สถานการณ์วันนี้จึงอยากให้ทุกฝ่ายใช้สติ ใช้เหตุผล หันหน้ามาเข้าหารือกัน ร่วมกันคิด ร่วมกันหาทางออก ว่าทุกคนมีความปรารถนาดี ประเทศจะมีทางออกที่สมเหตุสมผลที่ทุกฝ่ายยอมรับและสบายใจ

4.ความคิดเห็นต่อท่าทีของฝ่ายค้าน-ท่าทีผู้นำฝ่ายค้าน

ต้องร้องขอเรื่องอยากเห็นการทำงานของฝ่ายค้าน ตั้งอยู่บนเหตุผล และการร่วมกันทำงานกับรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของชาวนาและคนยากคนจน มิใช่เหตุผลทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว

"ขอให้คิดว่าปัจจุบันฝ่ายค้านก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น จากการค้านนโยบายจำนำข้าวอย่างหัวชนฝา ปัจจุบันก็ได้ยินและได้เห็นท่าทีของผู้นำฝ่ายค้านที่เห็นด้วยกับรัฐบาลว่า นโยบายจำนำข้าวควรจะยืนที่ 15,000 บาท เพื่อให้ชาวนาได้ประโยชน์"

5.ข้อเสนอสนับสนุนรัฐบาลให้เดินหน้าโครงการจำนำข้าวต่อไป ในฐานะตัวแทนของพี่น้องชาวนาและประชาชน ขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาและดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพและความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องเหล่านี้

ปรับปรุงกระบวนการขายข้าวและระบายข้าวให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ให้ประชาชนทุกฝ่ายได้รับรู้และสบายใจ ปรับปรุงกระบวนการจัดระบบ และดูแลงบประมาณที่นำมาใช้ให้เกิดการหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ปรับปรุงกระบวนการในการควบคุม และดูแลการจำนำข้าวให้ผลประโยชน์ตกแก่ชาวนาอย่างเต็มที่

ดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องทุจริตอย่างเต็มที่หากตรวจพบ และสุดท้าย สนับสนุนนโยบายท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่จะมีการปฏิรูปภาคการเกษตร/ปรับสมดุลเรื่องเกษตรโซนนิ่งที่ได้มีการริเริ่มแล้ว ที่มีการสำรวจว่าพื้นที่ไหนเหมาะกับการเพาะปลูกอะไร เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร และสนับสนุนให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ ส.ส.พลิกคู่มือดังกล่าวเปิดอ่าน บางคนขำ บางคนวิจารณ์ เพราะเนื้อหาในคู่มือไม่สามารถนำไปพูดคุยกับชาวบ้านได้ เพราะ "วิชาการเกินไป"

ส.ส.ในพรรคหลายคนระบุตรงกันว่า ถ้าไปอธิบายให้ชาวบ้านฟังตามเอกสาร ชาวบ้านไม่เข้าใจแน่นอน

แม้สารพัดอีเวนต์จะถูกเข็นออกมา แต่เมื่อโครงการรับจำนำข้าวยังมีสถานะจุดตาย-จุดสลบของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องสลัดบ่วงสารพัดปัญหาให้หลุด

แต่การปรับ ครม.เปลี่ยนคนรับผิดชอบ จาก "บุญทรง" มาเป็น "นิวัฒน์ธำรง" จะทำให้รัฐนาวาพรรคเพื่อไทยรอดพ้นปัญหา ขจัดเสียงครหาต่าง ๆ และเรียกคืนความเชื่อมั่นกลับมาได้หรือไม่...

ต้องจับตา
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger