Sunday, July 28, 2013

ดูคลิป "อัลกออิดะฮ์" ออกคลิปขู่ฆ่า จาก ทีนิวส์ ฉบับเต็ม อีกครั้ง

- 0 comments
เนื้อหาที่แปลโดย ทีนิวส์
"ว่าเวลาของคุณได้หมดลงแล้วสำหรับเรื่องที่คุณได้ทำกับพี่น้องชาวมุสลิมของพวกเราในภาคใต้ของประเทศไทย โดยในตอนนี้ถึงเวลาล้างแค้นแล้ว โดยคุณได้ฆ่าพวกพี่น้องชาวมุสลิมของเราและสังหารโหดพี่น้องเราเมื่อปี 2547  ทั้งพยายามยึดครองเสรีภาพของพี่น้องชาวมุสลิมในภาคใต้ของไทย และตอนนี้คุณได้ปกครองรัฐบาลโดยใช้น้องสาวเป็นหุ่นเชิด  โดยในตอนนี้เราขอประกาศว่าจะฆ่าคุณนับแต่บัดนี้ ซึ่งเราจะพยายามฆ่าคุณในทุกๆที่ ทุกเวลา บนโลกแห่งนี้ คุณไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เราจะฆ่าคุณเพื่อแก้แค้นให้กับพี่น้องชาวมุสลิม โดยเราขอเรียกร้องให้พี่น้องชาวมุสลิมทั้งหมดในโลกให้จดจำใบหน้าคุณ และ สังหารคุณทันทีในทุกๆที่"

ที่นำให้ดูอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อการเผยแพร่ แต่ต้องการจับพิรุจของคลิป ว่าเป็นเป็นของจริง หรือแต่งขึ้น  และเป็นที่น่าสังเกตุว่า ทีนิวส์ ยังนำเสนอเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และ นำเสนอเป็นสำนักข่าวแรก ๆ
ให้สังเกตุ คลิปที่ 2 ในช่วงที่เป็น ภาษาอังกฤษ "ไม่ได้พูดเอง" เป็นการพากษ์ ของอีกคน และใช่เป็นสำเนียง อังกฤษ แบบคนประเทศมุสลิม พูดหรือไม่

คลิกดูคลิป   คลิปอยู่ใต้ข้อความ
[Continue reading...]

ชัดเจน!! "ประสงค์" เชื่อคลิปอัลกออิดะห์ขู่ฆ่า "แม้ว" ของจริง

- 0 comments
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เชื่อ คลิปกลุ่มอัลกออิดะห์ขู่ฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นของจริงโดยพิจารณาจาก 4 ปัจจัย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ  ได้ออกมาวิเคราะห์คลิปกลุ่มอัลกออิดะห์ที่ขู่สังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับสำนักข่าวทีนิวส์ โดยเชื่อว่าคลิปดังกล่าวได้ถูกจัดทำขึ้นจากกลุ่มอัลกออิดะห์จริง หลังพิจาณาจาก 3 ปัจจัย คือ

1. คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆเป็นเวลา 2 วันแล้ว หากกลุ่มอัลกออิดะห์ถูกแอบอ้างจากผู้อื่นจริง ย่อมต้องมีแถลงการณ์จากกลุ่มออกมาชี้แจง

2. มีการเปิดเผยใบหน้าอย่างชัดเจนในคลิปที่ 2 ซึ่งชายผู้นั้น อาจเป็นผู้ที่รู้จักกันดีในกลุ่มก่อการร้าย โดยหากไม่ใช่คนในกระบวนการจริง ใครจะกล้าเปิดเผยใบหน้ามาแอบอ้าง
 
3. เท่าที่ตนได้ทำงานด้านการข่าวด้านความมั่นคงมา สังเกตเห็นว่าเครื่องแต่งกายหรือฉากหลังในคลิป เป็นเครื่องแต่งกายคล้ายขบวนการก่อการร้ายในอัฟกานิสถานที่ใช้กันอยู่
 
4. พ.ต.ท.ทักษิณ อาจสร้างความไม่พอใจเพิ่มเติมให้กลุ่มอัลกออิดะห์ หลังจากเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ โดยอาจมีการตกลงเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจกับกลุ่มประเทศอาหรับ หรือประเทศที่เป็นไม้เบื่อไม่เมากับกลุ่มอัลกออิดะห์ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกา หรือไม่  นอกจากนี้น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวว่า จากการที่ตนทำงานด้านการข่าวมา ช่วงนั้นกลุ่มอัลกออิดะห์ เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับไทยในกรณีมีส่วนร่วมกับกลุ่มเจไอ หรือ กลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ ในอินโดนีเซีย ที่ช่วยกันหาเด็กหนุ่มชายฉกรรจ์มุสลิมในอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึงในไทย ไปช่วยกบฏโมโร หรือ แนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร ที่เกาะมินดาเนา ของฟิลิปปินส์ ในการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งหลังเหตุการณ์สงบ คนไทยจำนวน 200-300 ก็กลับมาอยู่
 
ที่มา: ทีนิวส์
[Continue reading...]

"ประชาธิปัตย์" เปิดหน้านำม็อบต้านนิรโทษ องอาจไม่ต้อง "ปัด" ว่าไม่รู้เห็น

- 0 comments
เกมส์การเมืองเริ่มเล่นนอกกติกา หวังล้ม "รัฐบาล" โดย อ้าง พรบ.นิรโทษ แบบไม่คำนึงวิธีการที่ใช้ ตั้งแต่การออกมา พูดเรื่องต้าน "นิรโทษ" ของคนในพรรค ประชาธิปัตย์ ไม่เว้นแต่ละวัน 3 เวลา หลังอาหาร เพื่อเชื่อมโยงการ ล้มรัฐนาวา "นายก ปู" ให้ได้

เริ่มต้นค้าน พรบ.นิรโทษ ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ท้ายสุดก็หันมาค้าน พรบ.ฉบับ นายวรชัย เหมะ โดยการอ้างว่าจะล้างผิด ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  แม้ว่าผู้เกี่ยวข้องและ ผู้ร่าง เอง จะออกมาบอก ชัด ๆ ว่า พรบ. ฉบับ นายวรชัย เหมะ นิรโทษให้กับ ประชาชน ที่มาร่วมในการชุมนุมทางการเมือง (ทุกสี) เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับแกนนำ หรือ ผู้สั่งการ

โดยการแถไปว่า แกนนำ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นประชาชนเช่นกัน  ก็อยู่ในข่ายที่จะนิรโทษได้  นี่คือ ลีลาของพรรคนักกฏหมาย

เมื่อเห็นว่า จะสู้ในสภาไม่ได้ แม้ว่าพรรคนี้อ้างอยู่เสมอว่า เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ได้แต่พูด หรือ วลีใหม่  " ดีแต่พูด"

เริ่มต้น จาก นายอภิสิทธิ์ สุเทพฯ สาธิต  ถึงขนาดประกาศให้รู้แพ้ - ชนะกันไปข้างหนึ่ง

ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พรรคประชาธิปัตย์ "เล่น" การเมือง นอกระบบ

พรรคประชาธิปัตย์ “บอยคอต” ไม่ลงแข่งขันเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2549   นี่คือจุดเริ่มต้น ของความวุ่นวาย ทางการเมือง เพราะประชาธิปัตย์ รู้ว่า แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง เช่นเดียวกับ เวลานี้

67 ปี ถ้าเป็นคน ก็เป็นผู้สูงอายุ ที่น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนรุ่นหลังปฏิบัติตาม แต่ 67 ปี ของประชาธิปัตย์ เหมือนคนแก่ ที่ยิ่งแก่ก็ยิ่งเลอะเลือน

การนำของนายอภิสิทธิ์ ถือเป็น "ยุคตกต่ำ" ที่สุดของประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา
[Continue reading...]

75 ปี “นายชวน หลีกภัย” ประเทศไทยได้อะไร

- 0 comments
ชวน หลีกภัย เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ที่ตำบลท้ายพรุ [1]อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 9 คน ของนายนิยม หลีกภัย และนางถ้วน หลีกภัย เมื่อยังเด็ก นายชวนมีชื่อเรียกในครอบครัวว่า "เอียด" หมายถึง เล็ก เนื่องจากเป็นคนรูปร่างเล็ก

มีบุตรชายกับนางภักดิพร สุจริตกุล หนึ่งคน คือ นายสุรบถ หลีกภัย[2]
ชวน หลีกภัย เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสองสมัย สมัยแรกระหว่างปี พ.ศ. 2535-2538 (ครม.คณะที่ 50) สมัยที่สองระหว่างปี พ.ศ. 2540-2544 (ครม.คณะที่ 53) และเคยดำรงตำแหน่งเป็น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ติดต่อกัน 3 สมัย ระหว่างปี พ.ศ. 2534-2546 เป็นเวลารวม 12 ปี

ชวน หลีกภัยได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานโดยการเป็นทนายความ และต่อมาได้เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรัง ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในปี พ.ศ. 2534 ชวน หลีกภัย เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการมาหลายกระทรวง ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้าน ในปี พ.ศ. 2533 ชวน หลีกภัย ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี สมัยที่ 1 และวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 พร้อมควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา นายชวนเป็นพลเรือนคนที่สอง นับจาก ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนี้ (ไม่นับ นายก ปู) 
 
ก่อนหน้า นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ความชอบ "คนใต้" ยังไม่นิยมชมชอบ อย่างเช่นในปัจจุบัน

ความเป็นคนสมถะ นายกที่มาจาก "คนจน" มาจาก "ลูกแม่ค้า" ทำให้หลายคนคาดหวัง ว่า น่าจะเป้นคนหนึ่ง ที่ประเทศ พึ่งพาได้

เนื่องจากเป็นนักกฏหมาย ทำอะไร ต้องยึดตัวบทกฏหมายเป็นหลัก  กว่าจะตัดสินใจอะไรได้ ก็ต้องใช้เวลา  เลยเป้นที่มา ของ "ชวนเชื่องช้า"

และคำฮิตติดปากที่นายชวนมักจะพูดบ่อย ๆ เวลานักข่าวถามคือ "ยังไม่ได้รับรายงาน"

ชวน หลีกภัย ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่สอง โดยรับช่วงต่อหลังจาก พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากเกิดปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักจนต้องลอยตัวค่าเงินบาท กองทัพไม่ได้ต่อต้านการคืนสู่ตำแหน่งของเขา ชวนได้แต่งตั้งคณะทำงานด้านเศรษฐกิจที่น่าเชื่อถือจนได้รับความเชื่อถือและเห็นชอบจากสถาบันการเงินนานาชาติและสหรัฐอเมริกา มุ่งไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งรัฐบาลผสมก็เอาชนะความพยายามของฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ชวนจะไม่ใช่นักการเมืองที่น่าดึงดูดใจ แต่ก็ได้รับการสนับสนุนและไว้วางใจ เพราะถูกมองว่าซื่อสัตย์ มุ่งปฏิรูประบอบประชาธิปไตยและขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง [3]
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยที่สอง ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย เนื่องจากรัฐบาลจัดตั้งขึ้น โดยกลุ่มของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเดิมสนับสนุนให้ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาขึ้นดำรงตำแหน่งแทน โดยการสนับสนุนของพรรคความหวังใหม่ (125 คน) พรรคชาติพัฒนา (52 คน) พรรคประชากรไทย (18 คน) และ พรรคมวลชน (2 คน) รวม 197 เสียง ส่วนฝ่ายค้านเดิมนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ (123 คน) ร่วมกับพรรคชาติไทย (39 คน) พรรคเอกภาพ (8 คน) พรรคพลังธรรม (1 คน) พรรคไท (1 คน) และพรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้แก่พรรคกิจสังคม (20 คน) และพรรคเสรีธรรม (4 คน) สนับสนุนนายชวน หลีกภัย ด้วยเสียงทั้งสิ้นรวม 196 เสียง ซึ่งน้อยกว่าฝ่ายรัฐบาล 1 เสียง[4]
 
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายชวน หลีกภัย ก่อให้เกิดกลุ่มการเมือง ที่ถูกตั้งชื่อว่า กลุ่มงูเห่า ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชากรไทยจำนวน 12 คนที่เข้าร่วมสนับสนุนรัฐบาล โดยคำชวนของ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ จนกระทั่งถูกพรรคประชากรไทยมีมติขับไล่ ทั้ง 12 ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และส่งผลให้สิ้นสุดสถานภาพ ส.ส.ตามกฎหมาย กลุ่มงูเห่าทั้ง 12 คน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่ามติดังกล่าวเป็นมติที่ไม่ชอบ ขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ ส.ส.ทั้ง 12 คน ยังคงสถานภาพ และหาพรรคใหม่สังกัด
นอกจากกรณีกลุ่มงูเห่าแล้ว ยังมีกรณีรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลที่ได้รับการตัดสินว่ามีความผิดทางการเมืองอีก 2 ท่าน ได้แก่ นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยนายรักเกียรติ สุขธนะ (พรรคชาติไทย) ได้รับคำพิพากษาตัดสินจาก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี ฐานเรียกรับสินบนบริษัทยา ทีเอ็น พี เฮลท์ แคร์ จำกัด ซึ่งนับว่าเป็นรัฐบาลชุดแรกที่รัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ได้รับโทษถึงที่สุดให้จำคุกจากการทุจริตในระหว่างการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะร้ฐบาล
นอกจากนี้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ของรัฐบาลนายชวน หลีกภัยและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับคำพิพากษาจากศาลรัฐธรรมนูญ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากการรายงานบัญชีทรัพย์สินตกหล่น
การจัดตั้งรัฐบาลสมัยที่สองของนายชวนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชนชั้นกลางใน กทม. เนื่องจากคาดว่ารัฐบาลนายชวน หลีกภัย จะสามารถฉุดประเทศไทยออกจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เริ่มขึ้นในรัฐบาลของ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ แต่การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลนายชวน หลีกภัยไม่บรรลุผลไม่สามารถดึงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะการตกต่ำได้ทันใจ ความต้องการของประชาชน ทำได้แค่นำคนไข้ออกจากห้องฉุกเฉิน เข้าพักฟื้นในห้องคนป่วยปกติ แม้ว่าจะได้ดำเนินการมากว่า 3 ปี นอกจากนี้ นโยบายพรรคไทยรักไทย ยังเป็นที่ดึงดูดใจของประชาชน เช่น ปลดหนึ้เกษตรกร หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ และ สามสิบบาทรักษาทุกโรค ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งถัดมาในปี พ.ศ. 2544 ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์การพ่ายแพ้ต่อพรรคไทยรักไทย และนายชวน ต้องกลับมาเป็นฝ่ายค้าน

คำยกย่องและคำวิจารณ์

คำยกย่อง

  • ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย (ประกาศชัดเจนว่าจะยึดมั่นในระบบรัฐสภา) และยึดถือในเรื่องของหลักการเป็นอย่างมาก 
  • เป็นนักการเมืองที่มือสะอาด จนได้รับฉายา Mr. Clean (นายสะอาด) [5] นอกจากนี้ภาพที่พบจากสื่อมักแสดงให้เห็นว่าใช้ชีวิตอย่างสมถะ
  • เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่กล้าประกาศว่า รมต. ว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร แสดงให้เห็นถึงบุคลิกผู้นำและบริหารปราศจากอำนาจของทหารได้เป็นอย่างดี

คำวิจารณ์

บทบาททางการเมืองภายหลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

หลังจากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 ชวน หลีกภัย กลับมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านอีกครั้ง เมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2544 และต้องการ ก้าวลงจากตำแหน่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใน 2 ปีถัดมาเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2546 นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ได้รับเลือก เป็นหัวหน้าพรรค ทำให้รวมแล้ว ชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค 3 สมัยเป็นเวลาทั้งสิ้น 12 ปี
ในการเลือกตั้งครั้งถัดมาเมื่อปี พ.ศ. 2548 หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถได้รับคะแนนเสียงเพียงพอ ต่อการจัดตั้งรัฐบาล แข่งกับพรรคไทยรักไทย บัญญัติ บรรทัดฐาน ลาออกจากตำแหน่งตัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชวน หลีกภัย มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน
ปัจจุบัน ชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่ง ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

สิ่งที่ได้ จากการเป็นนายก ของนาย  ที่เด่น ๆ ก็คงจะมีเรื่อง  โฮปเวลล์  สปก. 4-01  และ ปรส.  ที่เป็นชนัก ปักหลังของนายชวน หลีกภัย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลบอย่างไร ก็ไม่หาย เหมือนเงาที่คอยตามตัว ตกลง  "นักการเมืองที่มือสะอาด หรือ Mr. Clean " หรือไม่ แม้ว่า นายชวนเองจะ แสดงสถานะของความจนให้เห็น แต่ "ลูก" นายชวน ขับรถสปร์ต ราคา ร่วม 10 ล้าน จึงเป็นเรื่องที่น่าคิด

[Continue reading...]

“บัญญัติ” เดือดเตรียมยื่นปปช.สอบ “เหลิม-ธาริต” ในกรณี "ยัดข้อกล่าวหา" พรุ่งนี้

- 0 comments
“บัญญัติ” เดือดเตรียมยกขบวน 15 ส.ส.ยื่นปปช.สอบ “เหลิม-ธาริต และพวก” หลังดีเอสไอไม่เลิกสอบปมบริจาคเงินเข้าปชป. แถมยัดให้เป็นผู้ต้องหา เรียก “ชวน-แกนนำพรรค” สอบปากคำ “วัชระ”ซัดยกเมฆ หวังผลทางการเมือง จ้องสอยแกนนำปชป. พ้นเก้าอี้ส.ส. หากถูกควบคุมโดยหมายศาล
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 13.00 น. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้นัดส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคจำนวน 15 คน พบกันที่ทำการพรรค เพื่อเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สนามบินน้ำให้สอบสวน กรณีการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ของคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประกอบด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการดีเอสไอ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายธาริต  เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นเลขานุการคณะกรรมการ ที่ร่วมกันมีมติให้นำกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว. สรรหา ร้องเรียนกรณีการบริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ของส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติชัดเจนแล้วว่า ไม่มีความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง

นายวัชระ กล่าวอีกว่า แม้ว่ากกต.จะมีมติดังกล่าวแล้ว แต่ปรากฏว่า ดีเอสไอยังไม่หยุดดำเนินคดีดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.นิรันดร์  อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ หัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาประกอบด้วยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ และสส.บัญชีรายชื่อ 15 คน ให้ไปพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ วันที่ 31 ก.ค. ซึ่งหากถ้าไม่ไปพบก็จะขอหมายศาลเพื่อดำเนินการต่อไป

นายวัชระกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายบัญญัติ ได้ทำหนังสือโต้แย้งสิทธิ์กลับไปยังคณะกรรมการดีเอสไอ เพื่อยืนยันว่าการพิจารณาเรื่องนี้ไม่ถูกต้องด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างรอพิจารณา แต่กลับมีการเร่งออกหมายเรียกออกมาเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงเจตนาว่ามีนัยยะซ่อนเร้น หวังผลทางการเมืองบางอย่างชัดเจน เพราะถ้าศาลออกหมายจับ และส.ส.ทั้ง 15 คนถูกควบคุมโดยหมายศาลก็จะสิ้นสภาพ ตามข้อบังคับพรรคข้อ9 (5) ที่ระบุว่าต้องไม่เป็นบุคคลต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือโดยค่ำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตนคิดว่าเขาอาศัยช่องทางนี้เพื่อทำให้ส.ส.ทั้ง15 คนต้องหมดสภาพไป และการที่นายธาริตให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่มีการออกหมายจับนั้น เมื่อมาถึงวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นความเท็จ เพราะลูกน้องกำลังดำเนินการเพื่อขอหมายจับจากศาลอาญา

“ขอยืนยันว่าพวกเราไม่ไปให้ปากคำกับดีเอสไอแน่นอน เพราะผู้รับผิดชอบตามกฎหมายพรรคการเมืองคือกกต. ก็แถลงชัดว่าการกระทำดังกล่าวของส.ส.ประชาธิปัตย์ ไม่มีความผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง แล้วดีเอสไอ.จะ ยกเมฆกล่าวหาว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษได้อย่างไร และผมมั่นใจว่าศาลท่านคงจะให้ความยุติธรรมกับเรา เพราะได้อภิปรายเรื่องนี้ให้ผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรมได้รับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ในที่ประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ และในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 09 .30 น. คณะอนุกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน สภาผู้แทนราษฎร จะมีการเรียก นายอรรคพล ใหญ่สว่าง รองอัยการสูงสุด พล.ต.อ.นิรันดร์  และพวกมาสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย”นายวัชระ กล่าว.
[Continue reading...]

ปชป.วอนนายกฯ หยุดความขัดแย้ง

- 0 comments
ปชป.วอนนายกฯ หยุดความขัดแย้ง สารพัดม็อบจ้องชุมนุม แฉรัฐเล็งถกนิรโทษฯ 1 ส.ค.
วันที่ 28 ก.ค. 56 ทีพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เพราะเนื้อหาสาระไม่แตกต่างจาก ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับอื่น ที่เสนอเข้าสภาฯ ก่อนหน้านี้ เพราะมุ่งเน้นเรื่องล้างความผิดให้ผู้ทำความผิดคดีอาญาร้ายแรง แต่จะใช้ข้ออ้างการชุมนุมทางการเมืองมาทำให้พ้นผิด ซึ่งพรรคเห็นด้วยว่าบ้านเมืองต้องมีความปรองดองเกิดขึ้น

จากความเห็นพ้องต้องกันของกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม ไม่ใช่หักด้ามพร้าด้วยเข่าเหมือนที่รัฐบาลดำเนินการ เพราะทำให้เกิดการเผชิญหน้าขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่ากลุ่มสนับสนุนรัฐบาลจะออกมาชุมนุม ขณะเดียวกันกลุ่มต่อต้านรัฐบาลหลายกลุ่มแสดงเจตจำนงคัดค้านการกระทำของรัฐบาลด้วย ดังนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีหน้าที่ลดการเผชิญหน้าแสดงภาวะผู้นำยับยั้งความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้และเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะแสดงออกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะสีใดสีหนึ่ง

หากนายกรัฐมนตรีทำให้การเผชิญหน้าลดลงจะเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศ ดีกว่าปล่อยให้เกิดความรุนแรงและเป็นโอกาสสร้างคุณประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า การที่วิปรัฐบาลระบุว่าจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย ในวันที่ 7ส.ค.นี้นั้น แต่จากการติดตามข้อมูลพบว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะหยิบร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาในวันที่ 1 ส.ค. ภายหลังพิจารณากระทู้ถามสดและกระทู้ทั่วไป จากนั้นเข้าสู่วาระกฎหมายดังกล่าวทันที เพื่อให้ฝ่ายต่อต้านเตรียมตัวไม่ทัน และรวมพลังไม่พอที่จะคัดค้านรัฐบาล จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสับขาหลอกนำร่างกฎหมายดังกล่าวมาพิจารณาในวันที่ 1 ส.ค.
 
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger