Monday, July 8, 2013

"เฉลิม" จัดชุดใหญ่"สุรนันทน์" จวกอย่าตีตัวเสมอ ซัดไม่ให้ราคา ถามตอนหาเสียงไปอยู่ไหน

- 0 comments
เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ที่กระทรวงแรงงาน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เรียกสื่อมวลชนให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ามอบนโยบายเรื่องการดำเนินงานด้านการค้ามนุษย์ ถึงกรณีที่มีข่าวเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะฮ่องกง ว่า ไปฮ่องกงมาจริงโดยไปเที่ยวกับ พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2 วันและไม่ได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปปักกิ่งประเทศจีนแล้ว แต่หากอยู่ก็จะขอเข้าพบเพราะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เดินทางกลับมาก็ได้เห็นเฟซบุ๊กของ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ และทีมงาน 2 คน  ทำท่าดูดไอศกรีม ทำตัวเป็นแก๊งไอติม

“ ขอฝากบอก ไปถึงนายสุรนันท์ ว่าอย่ามาตีตัวเสมอ  ส่วนเด็กผู้หญิงสองคนในภาพนั้น คนหนึ่งชื่อสุ ผมเห็นเป็นลูกหลาน  นายสุรนันท์ทำอะไรควรให้พอดี  ถ้ามากไปเขาเรียกว่าเสือก ถ้าเสือกเดี๋ยวจะมีของแถม และไม่ต้องมาขอขมา ผมถือว่าผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ ”  ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม ออกอาการบ่อย ๆ หลังจากที่ถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่ง

แสดงออกถึงการทำใจไม่ได้

การแสดง การพูดแบบนี้ มันเสีย มากกว่าได้

บางเรื่อง "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง"

อย่างไร ก็เป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

ที่ให้ยังพึ่งได้อยู่..



 

[Continue reading...]

ว่าเขา "โกงนั่นนี่ ส่อจะ โกงก็มี" คงลืมไปแล้วมั้งว่าประเทศนี้เคยมีโครงการ ไทยเข้มแข็ง สมัย รัฐบาลมาร์ค ที่ยังดูไม่จืด ถึงบัดนี้

- 0 comments
เป็นครั้งแรกที่ ประชาธิปัตย์ เปิดตัวทอล์กโชว์ใน โรงหนัง ไม่กระมิดกระเมี้ยนส่งคนไปตะโกนเหมือนเมื่อ 70 ปีก่อน ทั้ง ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า สบโอกาสใช้ความสามารถพิเศษ สร้างความฮึกเหิม ถูกอกถูกใจแฟนๆ สำหรับลีลากำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ นั้นกระเหี้ยน กระหือรือ กระหายอยากเป่าแต่นกหวีด ขู่ลั่นเปิดสภาเที่ยวนี้เจอกัน สงสัยไม่ถนัด แซกโซโฟน

ที่ทอล์กกันเมามัน โกงนั่นนี่ ส่อจะ โกงก็มี คงลืมไปแล้วมั้งว่าประเทศนี้เคยมีโครงการ ไทยเข้มแข็ง สมัย รัฐบาลมาร์ค ที่ยังดูไม่จืด ถึงบัดนี้

นี่ก็ด้วย ความตาย 99 ศพ บาดเจ็บเกือบ 2 พันชีวิตในเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.2553 อภิสิทธิ์- สุเทพ ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างแน่นอน คดีความ ถึงมือ อัยการ แล้ว 3 สำนวน กำลังทยอยตามมาอีกเรื่อยๆ

เจาะเวลาสู่อนาคต "มาร์ค - สุเทพ" คงจะย้ายที่อยู่ใหม่ "บางขวาง"...ไง
[Continue reading...]

ข้าว สื่อ และการเสี้ยม

- 0 comments

บทบรรณาธิการ นสพ. ข่าวสด
วันที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 



ภายหลังจากมีข่าวปรากฏ ว่านางสาวสุภา ปิยะจิตติ ประธานคณะอนุกรรมการ ปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เข้าตอบข้อซักถามกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม

ว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีการทุจริตในทุกขั้นตอน

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ให้สัมภาษณ์ในฉับพลันทันทีว่า หากมีหลักฐานว่ามีการทุจริตทุกจุดก็เอาหลักฐานมา ตนพร้อมดำเนินคดีและพร้อมตรวจสอบทั้งหมด

เพราะถ้าพูดในภาพรวมอาจทำให้คนกังวล แต่หากพูดเป็นรายละเอียดว่ามีจุดไหนตรวจสอบแล้วเป็นประเด็น ก็พร้อมให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจ

ผิดก็พร้อมดำเนินคดี


ล่าสุด น.ส.สุภาให้สัมภาษณ์ชี้แจงว่า ข่าวที่ระบุว่าการรับจำนำข้าวพบการทุจริตทุกขั้นตอนนั้นเป็นความคลาดเคลื่อน

โดยในการชี้แจงมีคำถามหนึ่งจากกรรมาธิการว่าขั้นตอนไหนที่คิดว่าโกงที่สุด ตนตอบ ว่าตอบไม่ได้ว่าโกงที่สุดขั้นตอนไหน แต่ในขั้นตอนมีโอกาสและมีความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริตได้ ต้องขีดเส้นใต้ความเสี่ยงและโอกาส

เมื่อปรากฏข่าวออกมาเช่นนี้ตนไม่สบายใจ นอนไม่หลับ เพราะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแนวนั้น แค่บอกมีโอกาสและความเสี่ยงจะเกิดการทุจริต ไม่ได้บอกว่าโกงทุกขั้นตอน

ซึ่งการชี้แจงนั้นเพราะคิดว่าไปให้ข้อมูล ไม่ได้ไปให้ข่าว

ความน่าสนใจของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีสองประเด็นด้วยกัน

ด้านหนึ่ง แม้ว่าจะสามารถทำความเข้าใจกันได้ว่าผู้พูดไม่ได้มีเจตนาและไม่ได้ตั้งใจจะพูดตามที่ปรากฏเป็นข่าว

แต่กระบวนการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใสตามดำริของนายกรัฐมนตรีก็ควรเดิน หน้าต่อไป เพื่อมิให้เหลือเศษเสี้ยวของความ ค้างคาใจในสังคม

ด้านหนึ่ง ผู้เกี่ยวข้องและสังคมจะได้รับและ รู้บทเรียนว่า มีกระบวนการ "เสี้ยม" หรือบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเพื่อการทำลายล้างทาง การเมืองดำรงอยู่ กรณีหลังนี้พุ่งเป้ามาที่ "สื่อ" เป็นประการสำคัญ

ว่าตั้งใจบิดเบือนเอง หรือเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
[Continue reading...]

คู่กรณี "กล้านรงค์" ท้าฟ้องคดีทวงหนี้

- 0 comments
 
เมื่อสัปดาห์ก่อน วอยซ์ทีวีพยายามติดต่อบุคคลในคลิปทวงหนี้ กล้านรงค์ จันทิก จนล่าสุดบุคคลในคลิปให้ช่องทางในการติดต่อ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงที่มาของคลิปดังกล่าว โดยเธอยืนยันว่านายกล้านรงค์ และภรรยา รู้จักกับเธอมานาน และได้ยืมโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้ เพื่อพยุงธุรกิจโรงงาน  และที่ผ่านมา เธอไม่เคยลงนามทำธุรกรรม ทั้งการกู้เงินและเบิกเงิน เกินวงเงิน จึงท้าให้ให้คู่กรณีฟ้องกลับ ในข้อหาหมิ่นประมาท เพื่อพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล
 
เช็คเงินสด ของธนาคารทหารไทย วงเงิน 1 ล้าน 9 แสนบาท ที่ไม่ระบุวันที่  ลงนามโดยนางพันทิพา จันทิก ภรรยาของนายกล้านรงค์ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.  เป็นหลักฐานที่นางยมนา สุทธาสมิท ใช้ยืนยันว่า เป็นหลักฐาน ในการเรียกร้องให้นางพันทิพาและนายกล้านรงค์ แสดงความรับผิดชอบ กรณียืมโฉนดที่ดิน ครึ่งไร่ ที่อำเภอนครชัยศรี ไปจากเธอ เมื่อปี 2539 
 
นางยมนา ระบุว่าทั้งคู่อ้างกับเธอว่า จะใช้โฉนดดังกล่าว เป็นหลักฐานกู้เงิน เพื่อหมุนเวียนในธุรกิจโรงงาน บิ๊กบูล เทคโนโลยี ประเทศไทย จำกัด เมื่อขายโรงงานได้แล้วจะนำโฉนดที่ดินมาคืน ซึ่งนางยมนา ยอมรับว่า ไว้ใจ 2 สามีภรรยาคู่นี้   เนื่องจากรู้จักคุ้นเคยกันมานาน และยังเป็นบุคคลที่มีหน้าตาในสังคม  จึงไม่ได้ลงนามมอบอำนาจ หรือ ถ่ายสำเนาโฉนดเก็บไว้
 
 นางยมนา กล่าวว่า เธอรู้จักกับนางพันทิพา และนายกล้านรงค์ เมื่อปี 2538 ผ่านการแนะนำของเพื่อนรุ่นพี่  ที่เป็นผู้จัดการธนาคารทหารไทย สาขานครปฐม  ซึ่งเธอฝากเงินที่ได้จากการทำธุรกิจที่ดิน  ไว้ที่ธนาคารสาขานี้เป็นประจำ และยืนยันว่า ไม่เคยมีประวัติการกู้ หรือ เบิกเงินเกินวงเงิน 
 
 ในปี 2539 นางพันทิพา ขอกู้เงินสดจากเธอจำนวน 2 ล้านบาท  แต่เธอได้ปฏิเสธไป  เนื่องจากยังไม่ไว้ใจ แต่แล้วนางพันทิพา ได้เอ่ยปากขอยืมโฉนดที่ดินผืนดังกล่าว ซึ่งราคาขณะนั้นไม่ถึง 1 ล้านบาท และให้เช็คเงินสด 1 ล้าน 9 แสนบาทไว้แทน  ไม่ระบุวันที่ เพื่อเป็นหลักฐานค้ำประกัน   ซึ่งตลอดเวลาที่ไปมาหาสู่กับสามีภรรยาคู่นี้  เธอพยายามทวงถามเรื่องโฉนดที่ดินแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง 
 
 จนกระทั่งเวลาผ่านไป 7 ปี  จึงมีหนังสือทวงหนี้เงินกู้ และหมายศาลการฟ้องร้องคดี จากธนาคารทหารไทยมากถึงเธอ ทั้งที่เธอไม่เคยลงนามขอกู้เงิน เพราะขณะนั้น เธอมีเงินฝากในธนาคารกว่า 30 ล้านบาท จึงได้ต่อสู้คดีในประเด็นเอกสารการทำสัญญากู้ ถึง 4 ศาล แต่เสียเปรียบตรงที่เอกสารค้ำประกันเงินกู้เป็นชื่อของเธอ  จึงทำให้สุดท้าย เธอถูกธนาคารฟ้องล้มละลาย ด้วยมูลค่าหนี้กว่า 4 ล้านบาท และถูกอายัดบัญชีเงินฝาก  และกำลังจะถูกยึดบ้าน 
 
หลังจากถูกยื่นฟ้องล้มละลาย นางยมนาได้พยายามติดตามทวงถาม จากนางพันทิพาและนายกล้านรงค์มาตลอด แต่ถูกบ่ายเบี่ยง แม้กระทั่งการร้องเรียนต่อสื่อ ในช่วงที่นายกล้านรงค์ เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ปปช.เมื่อ 2546 
 
ขณะที่ นายกล้านรงค์ ได้แถลงโต้ตอบหลังจากนางยมนา เผยแพร่คลิปวีดิโอ ทวงหนี้ ครั้งที่ 1  เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา  พร้อมนำสำเนาเอกสารสัญญาเงินกู้ การเบิกเงินเกินวงเงินจากบัญชีกระแสรายวัน จากธนาคารทหารไทย สาขาถนนบรมราชชนนี และเอกสารฟ้องร้องของศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นชื่อนางยมนา มายืนยัน  พร้อมระบุว่า เขาและภรรยาไม่เคยโกงเงินใคร และไม่เคยรู้จักกับนางยมนา 
ที่มา : VoiceTv
 
[Continue reading...]

“เดอะเนชั่น”สั่งพักงาน บก.- รีไรต์ กรณี “ยิ่งลักษณ์-เศรษฐา”

- 0 comments

คำชี้แจงจากกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น

             จากกรณีที่หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2556 ได้นำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนในบทความเรื่อง “Many wonder about Yingluck's 'ice-cream gang' and its power” ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างในบทความเป็นอย่างมาก
        
             หลังทราบถึงความผิดพลาดดังกล่าว ทางกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นได้มีการลงข้อความขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่อาจจะได้รับผลกระทบจากบทความชิ้นนี้ทันทีในหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นฉบับวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
       
             กองบรรณาธิการเดอะเนชั่นยังได้มีการแจ้งไปยังนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในทันทีเพื่อแสดงความขอโทษและความเสียใจ และยังได้ประสานเพื่อส่งหนังสือขอขมาต่อนายกรัฐมนตรีในความผิดพลาดครั้งนี้อย่างเป็นทางการด้วย
        
             นอกจากนี้ กองบรรณาธิการเดอะเนชั่นยังได้มีการส่งคำขอโทษและคำแสดงความเสียใจไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน 
        
             กองบรรณาธิการเดอะเนชั่นรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอน้อมรับความผิดพลาดครั้งนี้ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเรียบเรียงและการแปลข่าว ซึ่งทางกองบรรณาธิการเดอะเนชั่นได้สั่งลงโทษรีไรท์เตอร์รวมทั้งบรรณาธิการและบรรณาธิการบริหารขั้นรุนแรงด้วยการสั่งพักงาน
       
             กองบรรณาธิการเครือเนชั่นตระหนักเป็นอย่างยิ่งถึงความเสียหายที่มีต่อความน่าเชื่อถือของสื่อในเครือจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อทบทวนระบบการทำงานภายในเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดเช่นนี้อีก

            กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
                          8 กรกฎาคม พ.ศ.2556
[Continue reading...]

"ปุระชัย" จวกรัฐบาลตั้งกก.สอบ"สุภา"เข้าข่ายเสื่อม

- 0 comments
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ  กล่าวถึงถึงกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรณีที่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ที่ให้ข้อมูลตัวเลขจำนวนเงินขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.) เศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ว่า ไม่รู้จักน.ส.เป็นการส่วนตัว แต่ขอให้กำลังใจ ในฐานะที่น.ส.สุภา เป็นลูกศิษย์ปริญญาโทที่สถาบันบัณทิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ทั้งยังเคยทำงานร่วมกันที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. สำหรับ น.ส.สุภา มาชี้แจงตามหน้าที่ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นการให้ข้อมูลอย่างสุจริต ฉะนั้นสังคมไทยต้องปกป้องข้าราชการที่ดี ทั้งนี้ที่ตนรู้จัก น.ส.สุภา มานานจึงรู้ว่าเป็นคนตรง และเป็นคนดี แต่สังคมไทยไม่ค่อยชอบคนตรงเสียเท่าไหร่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้จะทำให้ข้าราชการไม่กล้าที่จะทำความดี ทั้งๆที่ข้าราชการประจำควรที่จะมีความจงรักภักดีต่อชาติและผลประโยชน์ของประเทศ

“เราต้องของคุณที่ข้าราชการมาชี้บอกว่าจริง เพราะบางครั้งฟางเพียงเส้นเดียวก็จะช่วยเราได้ และสิ่งที่น.ส.สุภาทำ ไม่ใช่แกะดำ เราควรยกย่อง ผมมองว่ารัฐบาลทำเกินความพอดี คนไหนที่ทำดีต้องชม คนที่ทำไม่ดีก็ต้องติติง เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายความเสื่อม ผู้บังคับบัญชาต้องมีพรหมวิหารสี่ ตนไม่เห็นด้วยที่จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ควรมาเรียกมาคุย และหากไม่สบายใจก็ถอดเทปในกรรมาธิการมาคุยกัน แต่การที่ฝ่ายบริหารมาตั้งกรรมการสอบเป็นท่าทีที่ก้าวร้าวและรุนแรงเกินไป และเป็นท่าทีที่เป็นลบต่อข้าราชการประจำ  และต่อไปใครจะกล้าเอาเรื่องจริงออกมาพูด ซึ่งเรื่องไม่ควรจะไปไกลเลยไปถึงการตรวจสอบทางวินัย เพราะสิ่งที่น.ส.มาให้ข้อมูลเป็นการมาโดยหน้าที่ไม่ได้มาโดยพลการ หากรัฐบาลทำแบบนี้ก็กำลังเข้าสู่ความเสื่อม" ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว

ร.ต.อ.ปุระชัย  กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในรื่องนี้ทางอาจารย์ที่นิด้าก็ควรออกมาแสดงบทบาทปกป้องลูกศิษย์คนนี้ด้วย เพราะวันนี้ข้าราชการไทยที่เราควรต้องปกป้องเทียบเท่ากันคือ น.ส.สุภาและนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพราะวันนี้ประเทศไทยต้องการองค์ความรู้ มีความจงรักภักดีต่อประเทศโดยรวม.
[Continue reading...]

เมืองไทยทะเลาะกันใน..เป็นที่ขบขันของคนลาว

- 0 comments

คนไทยทั้งหลายฟังไว้.... การทะเลาะกันของคนไทย กลายเป็นเรื่องขบขันกันไปทั่ว เหมือนคนในบ้านทะเลาะกัน ให้คนข้างบ้านเขาหัวเราะเยาะเล่น นี่แหละ บทสรุปของสังคมไทย อย่าคิดว่า ใครเขาไม่รู้ เขาไม่เห็น ทั้งโลกมองเราอยู่  ฝากไปถึง ผู้ที่ชอบอ้างว่ารักประเทศ ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้นทั้งหลาย

ไหนว่า "เราเป็นสยามเมืองยิ้ม" "ไทยนี้รักสงบ"
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger