Friday, August 2, 2013

“ปู” วอนทุกฝ่ายร่วมเวทีปรองดอง

- 0 comments
นายกฯ ยัน เดินหน้าแก้ขัดแย้ง ทำคู่ขนาน ให้สภาพิจารณาพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จัดเวทีประชาชนแก้ปัญหาอนาคต วอนทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง

รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชนวันนี้ ในช่วงแรกเป็นการนำเทปคำแถลงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่อง ข้อเสนอทางออกประเทศไทย มาออกอากาศซ้ำอีกครั้งหลังจากเมื่อค่ำวานนี้ได้ออกอากาศผ่านทีวีพูล
        
จากนั้น นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า  นายกฯกล่าวถึงแนวคิดในการเชิญทุกกลุ่ม ทุกสี ทุกขั้วมาคุย มาจากแนวคิดจากตั้งแต่วันแรกที่รัฐบาลนี้เข้ามารับใช้ประชาชน เรามีนโยบายอยากเห็นความสงบ และได้พยายามหลายทาง เช่น เปิดเวทีพูดคุย แต่ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว ปัญหาความขัดแย้งก็ยังอยู่ เรามานั่งดูก็อาจจะมีปัญหาพื้นฐานหลายอย่าง เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม ก็อาจจะมีความน้อยใจและพัฒนาเป็นความขัดแย้ง ในส่วนของรัฐบาลเราก็สนับสนุนเวทีในระบอบของรัฐสภาอยู่แล้ว เพราะมาจากตัวแทนของประชาชนจะได้มาพูดคุยกันในเรื่องการแก้ไขพ.ร.บ.ต่างๆ แต่มาดูแล้ววันนี้พี่น้องประชาชนก็มีความกังวล เรามองว่าถ้าเวทีรัฐสภาก็คงต้องดำเนินการไป แต่ก็ไม่อยากเห็นพี่น้องประชาชนมาใช้เวทีนอกสภา ที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง และเราก็ห่วงบุคคลที่ 3 เข้ามา รัฐบาลก็เห็นว่าน่าจะมีสักเวทีที่จะมีส่วนร่วม เวทีสภาฯก็เดินต่อไป ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็เป็นเรื่องของสภา

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะยุติการเมืองนอกสภา ด้วยการจัดเวทีหาทางออกประเทศ สร้างความปรองดองอย่างสร้างสรรค์ หยุดความขัดแย้งในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปได้มอบให้นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานหลักเริ่มทำการเชิญตัวแทนทั้งฝ่ายรัฐบาล ขั้วการเมืองทุกกลุ่มทุกสี องค์กรอิสระ นักวิชาการ ภาคเอกชน รวมถึงสื่อมวลชน ประมาณ 50-100 คน มาประชุมร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาล ระดมสมองในการพัฒนาประเทศในอนาคตให้เป็นไปตามความต้องการอย่างมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ หาทางแก้ปัญหาความน่าเชื่อถือของประเทศเฉพาะหน้า รวมถึงการพัฒนาประเทศในอนาคต จะไม่รื้อความขัดแย้งในอดีตกลับมาพูด โดยยืนยันการประชุมนี้ไม่ใช่การซื้อเวลาให้รัฐบาลแต่เป็นการทำเพื่อประเทศ ให้สามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคงไม่ส่งต่อความขัดแย้งไปยังคนรุ่นหลังขยายความแตกแยกจนทำให้ประเทศถอยหลัง จึงอยากให้ทุกภาคส่วนหยุดความไม่พอใจไว้ก่อน แล้วมาประชุมร่วมกันด้วยใจที่เต็มไปด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจเพราะนี่คือการทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อรัฐบาล  พร้อมยอมรับการจัดเวทีประชุมครั้งนี้ เป็นการนับหนึ่งของรัฐบาลแต่หากทำให้ก้าวพ้นความขัดแย้งที่มีในสังคมได้ก็ยินดี

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยการประชุมครั้งนี้รัฐบาลจะเป็นเพียงผู้ประสานงานเชิญตัวแทนทุกภาคส่วนมารวมตัวกันเท่านั้น ส่วนการตั้งประธานการประชุมจะให้ตัวแทนทั้งหมดทำการเลือกคนที่ทุกฝ่ายเชื่อถือขึ้นมาเป็นประธาน และแต่งตั้งคณะทำงานเอง โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปควบคุมใดๆ

 "ความหวัง1%ก็อยากทำดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไป" นายกฯกล่าว

ทั้งนี้  นายกฯ ยอมรับว่า  เป็นห่วงและกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในช่วงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในการประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไปในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ แต่ยังคาดหวังว่าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวจะไม่นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งเห็นว่าทุกฝ่ายควรพูดคุยกันในภาพรวมก่อน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหา โดยความเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นความจำเป็นที่ต้องประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งหวังว่าประเทศไทยจะผ่านสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยความสงบเรียบร้อย

ที่มา :โพสทูเดย์
[Continue reading...]

“บิ๊กแจ๊ด” จัดให้!!ควักส่วนตัว 2 แสน ซื้อเครื่องบินคุมม็อบ

- 0 comments
 
"คำรณวิทย์"ควักเวินส่วนตัวกว่า2แสนซื้อเครื่องบินบังคับติดกล้องใช้ดูแลม็อบ เตรียมเสนอซื้อให้ทุกกองบังคับการในสังกัดนครบาล

เครื่องบินบังคับขนาดสี่ใบพัด น้ำหนักราว 2 ก.ก. ติดกล้องซีซีทีวีเชื่อมต่อภาพถ่ายวีดีโอมายังจุดรับ ถูกนำมาใช้ในภารกิจของตำรวจนครบาล เพื่อเตรียมใช้ดูแลและควบคุมบันทึกภาพผู้ชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม หรืออพส.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ส.ค.นี้ โดยเฉพาะ

เครื่องบินบังคับมูลค่าเครื่องละแสนกว่าบาท จำนวน 2 เครื่อง ถูกนำมาใช้งานด้วยการควักเงินส่วนตัวของ “บิ๊กแจ๊ด”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หมายมั่นปั้นมือจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการทำงานของตำรวจที่จะต้องดูกลุ่มมวลชน

ประสิทธิภาพของเครื่องดังกล่าว จะมีการบังคับควบคุมด้วยระบบจีพีเอสจากดาวเทียม และผู้ปฏิบัติการใช้งานคือ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. จะควบคุมที่เครื่องบังคับอีกครั้ง โดยเริ่มต้นเครื่องบินตัวนี้จะสามารถใช้งานได้หนึ่งครั้งราว 30 นาที และต้องนำลงมาเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อนำขึ้นบินใหม่อีกครั้ง จุดเด่นของเครื่องบินนี้คือ “เงียบ บินสูง ถ่ายภาพสด กลับบ้านได้เอง”

เงียบ เครื่องบินนี้จะไร้เสียง ทำให้ผู้ชุมนุมไม่รู้ว่ามีเครื่องบินบังคับบินอยู่เหนือหัว บินสูง ระยะบินได้สูงถึง 100-200 เมตร หยุดนิ่งได้ เคลื่อนที่ได้ทุกมุมองศา ถ่ายภาพสด ติดตั้งกล้องซีซีทีวี ถ่ายภาพสดมายังศูนย์ปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และที่เครื่องรับที่ผู้บังคับทันที พร้อมบันทึกไว้อีกด้วย กลับบ้านได้เอง ถูกบังคับด้วยระบบจีพีเอส หากกดปุ่ม Home ที่เครื่องบังคับ เครื่องบินตัวนี้จะบินร่อนกลับมายังจุดบังคับเอง ไม่ต้องห่วงว่าจะลงผิดจุด

คุณสมบัติข้างต้นเพียงพอที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จะตัดสินใจควักเงินสดส่วนตัวซื้อมาใช้งาน



พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เล่าว่า เครื่องบินบังคับถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ตำรวจนครบาลนำมาใช้ควบคุมม็อบเป็นครั้งแรก และจะบันทึกภาพทุกอย่างทุกการกระทำของผู้ชุมนุม หากทำผิดกฎหมายก็ใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ แต่ตอนนี้เครื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย เพราะต้องให้ปรับกล้องให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ แต่เท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว ที่สำคัญยังถ่ายภาพกลางคืนได้อีกด้วย

“ใครทำอะไรในม็อบเราจะรู้หมด วางแผนได้ถูก รวมถึงบุคคลที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีก็จะทราบทันที” บิ๊กแจ๊ด ย้ำ

กระนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้ ตำรวจจะไม่มีการทำร้ายประชาชนที่มาชุมนุมอย่างเด็ดขาด ก็ขอให้ประชาชนอย่าทำร้ายตำรวจด้วย แต่ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องมือที่สาม จะไม่ยอมให้เข้ามาก่อกวนวุ่นวายหรือทำร้ายผู้ชุมนุมเด็ดขาด และด้วยเทคโนโลยีใหม่ตัวนี้ เราจะทำงานได้ดียิ่งขึ้น

“เบื้องต้นเอามาใช้ก่อน 2 เครื่อง และภายในเดือนส.ค.นี้ จะจัดซื้อให้ทุกกองบังคับการในสังกัดของบช.น.มีเครื่องบินนี้ไว้ใช้ เพราะถือว่ามีประโยชน์ ทั้งด้านการจับกุม วางแผนปฏิบัติงาน เช่น เมื่อเข้าไปจับผู้ค้ายาเสพติด จะใช้เครื่องบินบังคับบินดูก่อน เพื่อวางแผน หรือการปิดล้อมเป้าหมายเพื่อตรวจค้นหรือจับกุม”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บอกถึงแผนในอนาคต

ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะนำมาใช้ในการดูแลม็อบที่มาชุมนุม ดูแลความปลอดภัย ต่อจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีกล้องซีซีทีวีติดตัวตำรวจเพื่อบันทึกภาพผู้ชุมนุมมาแล้วในครั้งที่กลุ่มอพส.ชุมนุมภายใต้การนำของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และครั้งนี้ก็ต่อยอดนำเครื่องบินบังคับมาใช้บันทึกภาพมุมสูงด้วย

บิ๊กแจ๊ดทิ้งท้ายสั้นๆ พร้อมรอยยิ้มถึงเครื่องบินบังคับตัวใหม่ที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาว่า “มันแน่จริงๆ”

ที่มา:โพสทูเดย์






[Continue reading...]

"วรชัย" ยันไม่ถอนนิรโทษแม้ นายกฯแถลงขอปรองดอง

- 0 comments

"วรชัย เหมะ" ยืนยัน ไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกจากสภาแน่ ระบุ กว่าจะได้ตัวแทนและรูปแบบปรองดองต้องใช้เวลา

 นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศ ว่า เป็นคนละเรื่องกับการถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งยืนยันว่า จะไม่มีการถอนร่างดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะจะมีการพิจารณาในวันที่ 7 ส.ค.นี้แล้ว เราต้องทำเพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนหรือคนที่ติดคุกก่อน และกว่าจะหาตัวแทนแต่ละกลุ่ม หรือกว่าจะได้รูปแบบต้องใช้เวลา ซึ่ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม น่าจะเสร็จก่อนที่จะมีการระดมความคิด

นายวรชัย กล่าวอีกว่า การเดินหน้านับหนึ่งประเทศไทยก็ต้องทำ แต่การนิรโทษกรรมถือเป็นการเริ่มต้นของความปรองดอง เพราะนิรโทษกรรมให้กับทุกสีเสื้อ ซึ่งการที่ นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ เพราะไม่อยากให้ประเทศไทย ปล่อยไว้อย่างนี้ต้องมีทางออก ไม่ว่าจะรัฐบาลเข้าขึ้นมาต้องมีความสงบทางการเมือง จึงต้องมีเงื่อนไข และหาวิธีการให้ประเทศไทย มีจุดร่วม จึงจะระดมความคิดเห็น และเมื่อตกลงกับทุกกลุ่มได้ก็ต้องจบ เป็นการลดความขัดแย้งในสังคมจึงต้องให้ทุกกลุ่มมาพูดคุยกันเพื่อความปรองดองแห่งชาติ
 
ที่มา: วอนซ์ทีวี
[Continue reading...]

คำแถลง ของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่อง ข้อเสนอทางออกประเทศไทย

- 0 comments

คำแถลง ของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่อง ข้อเสนอทางออกประเทศไทย ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพทุกท่าน

วันนี้ ดิฉันขอรบกวนเวลาของพี่น้องประชาชน เพื่อจะได้มีโอกาสอธิบายถึงความคิดและแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการ อันเป็นไปตามแนวนโยบายที่ได้แถลงไว้กับพี่น้องประชาชน ตั้งแต่ที่ดิฉันได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลนี้ได้เข้ามาทำงานเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

ดิฉันตระหนักเสมอว่า ที่พี่น้องประชาชนได้ให้ความไว้วางใจกับดิฉันและพรรคเพื่อไทยนั้นคือการที่พี่น้องประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ต้องการเห็นความสงบ สันติ และความปรองดองเกิดขึ้นในสังคมไทย เพื่อที่ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดิฉันและรัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อให้เกิดการปรองดองขึ้นในชาติด้วยความพยายามอย่างจริงใจที่จะเดินหน้า อดทน ไม่ตอบโต้ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง สร้างสรรค์และความไว้วางใจ รวมทั้ง การเปิดพื้นที่ให้กับทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง และรัฐบาลพร้อมที่จะประนีประนอมกับทุกฝ่าย และพยายามผลักดันให้มีการใช้เวทีรัฐสภามากกว่า ท้องถนนในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 

แต่ในขณะเดียวกันดิฉันก็เข้าใจเช่นกัน ว่าความขัดแย้งที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เราจะคาดหวังให้เกิดความปรองดองที่แท้จริงนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ซึ่งทุกคนก็เห็นแล้วว่าในบางช่วงเวลา มีความขัดแย้งปะทุขึ้นจนเป็นเหตุแห่งความรุนแรง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ใดๆต่อสาธารณชน สังคมและเศรษฐกิจโดยรวมเลย 

ที่น่าเสียใจที่สุดคือ การที่มีบุคคลบางกลุ่มต้องการการเคลื่อนไหวบนท้องถนน ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่การแสดงออกกลับมีท่าทีที่ไม่ยอมรับกติกาของประชาธิปไตย มีการยั่วยุ กระตุ้นเพื่อนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรียกร้องให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร และใช้ความรุนแรง
ภายใต้สภาวะดังกล่าว รัฐบาลจึงจำเป็นต้องปกป้องและรักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งต้องป้องกันเหตุร้ายและความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้ง คุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ราชการ และเอกชนทั่วไป ตลอดจนผู้ชุมนุม ที่สำคัญคือเป็นการดูแลให้ผู้ที่ใช้สิทธิและเสรีภาพอยู่ในกรอบกติกาประชาธิปไตย ดังนั้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีจึงมีมติประกาศใช้มาตรการตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ

ดิฉันขอยืนยันว่า ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้ จะมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ดิฉันเชื่อเสมอว่าในระบอบประชาธิปไตย ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่และต้องให้เกียรติและรับฟังเสียงส่วนน้อยควบคู่กันไป เพราะประชาธิปไตยเป็นของทุกคน ไม่ใช้เป็นของเฉพาะผู้ประสบชัยชนะทางการเมืองจากการเลือกตั้ง โดยการคงกติกาการรักษาความเสมอภาคและเท่าเทียมกันแก่ทุกคน ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนยังดำเนินการที่จะรับฟังปัญหาโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศ อย่างเช่นจากโครงการประชาเสวนาในการหาทางออกของประเทศ ทั้งในประเด็นแนวทางการปรองดอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการเสนอพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาค และการรักษาไว้ซึ่งหลักนิติรัฐ นิติธรรม ที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยที่เป็นสากลทั่วโลกยอมรับ
ภายใต้ความพยายามทั้งหมดนี้ ดิฉันเข้าใจดีว่าหลายกลุ่มหลายฝ่ายยังมีปัญหาที่ค้างคาใจอยู่ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ว่าจะมีความเชื่อที่แตกต่างไม่ลงรอยกัน แต่ดิฉันเห็นว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนในขณะนี้ ในฐานะเพื่อนร่วมชาติที่ต่างต้องการเห็นลูกหลานของเราทุกคนมีความสุข อยู่ในสังคมที่มีความสงบและมีความมั่นคงทางการเมืองและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเราจะต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ให้บรรลุความสำเร็จ

หลายคนบอกกับดิฉันว่า สิ่งที่ดิฉันคิดนั้นคงไม่มีวันเป็นไปได้ แต่ดิฉันกลับมีความเห็นในทางตรงกันข้าม โดยมองว่าทุกครั้งที่มีปัญหา เราต้องมองให้เป็นโอกาส เพราะเมื่อครั้งที่เกิดมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ดิฉันได้เห็นความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคนในการที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมกันแก้ปัญหา จนในที่สุดเราสามารถที่จะฟันฝ่าอุปสรรค และหยุดยั้งภัยพิบัตินั้นไว้ได้

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ

ดิฉันอยากให้คนไทยกลับไปคิดถึงความรู้สึกดีๆในช่วงเวลาดังกล่าว ถึงแม้จะเป็นคนละสถานการณ์ แต่คนไทยทุกคนได้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเสื้อสีใด ชนชั้นใด หากเรารวมตัวกัน สมัครสามานสามัคคีกัน เราจะสามารถแก้ปัญหาฟันฝ่าอุปสรรคไปได้

สำหรับภายใต้ภาวะปัจจุบันที่มีความสับสนทางการเมืองเกิดขึ้นอีกครั้งในขณะนี้ และหลายคนกังวลว่าความขัดแย้งจะบานปลาย เกิดความไม่สบายใจ ดังนั้น ดิฉันจึงขอเสนอแนวทางเพื่อหาทางออกให้กับประเทศอย่างยั่งยืน โดยการวางทิศทางข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์ มีส่วนร่วม ทิ้งความขัดแย้งไว้ในใจเพื่อประเทศของเรา โดยเปิดเวทีการระดมความคิดเห็น ที่จะขอเชิญชวนตัวแทนจากกลุ่มบุคคลทั้งฝ่ายรัฐบาล พรรคการเมือง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สมาชิกวุฒิสภา องค์กรอิสระ เอกชน และนักวิชาการ มาร่วมโต๊ะพูดคุย ออกแบบประชาธิปไตยของประเทศไทย เพื่อหาทางออกให้กับอนาคตของเรา เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย และเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ

โดยในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะเชิญตัวแทนกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีความเห็นที่หลากหลายในมุมมองให้มาหารือร่วมกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง ร่วมกันคิดว่าเราจะวางอนาคตบ้านเมืองอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูกหลาน อันจะเป็นพื้นฐานของความร่วมมือในการพัฒนาชาติ สร้างความไว้วางใจ และความเปลี่ยนแปลงที่ออกจากวงจรแห่งความขัดแย้ง

ดิฉันต้องการเห็นบรรยากาศของความร่วมมือ ไม่ใช่การจ้องจับผิด แต่การเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่ละเว้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเมื่อหารือกันแล้ว ดิฉัน ใคร่เสนอให้มีการวางกลไกที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นในรูปแบบของคณะทำงานหรือเรียกชื่ออื่นตามความเหมาะสมเพื่อเป็นกลไกที่ทำหน้าที่ในการปฏิรูปทางการเมือง โดยกลไกดังกล่าวจะเป็นเวทีสำคัญในการวางรากฐานอนาคตในโครงสร้างทางการเมือง กำหนดแนวทางปฏิรูปกฎหมาย และวางพื้นฐานระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคง ยั่งยืน 

ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจถึงความปรารถนาดีของดิฉันในครั้งนี้ และวันนี้ดิฉันไม่ได้บอกว่าจะให้ทุกท่านลืมอดีต แต่เราต้องนำอดีตนั้นมาเป็นบทเรียน เพื่อทำให้ประเทศของเราเดินหน้า ก้าวพ้นความขัดแย้ง เราต้องเปิดโอกาสให้เปลี่ยนจากความขัดแย้งมาเป็นบรรยากาศของความคิดสร้างสรรค์และไว้ใจกัน เพื่อเป็นการมุ้งสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบ มีส่วนร่วม เพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่าให้กับอนาคตลูกหลานของเรา และไม่ควรทิ้งมรดกของความขัดแย้งให้เป็น ภาระของรุ่นต่อไป 

สวัสดีค่ะ

ที่มา : Yingluck
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger