Sunday, July 21, 2013

เทียบพรบ.นิรโทษกรรม ฉบับวรชัย-ฉบับประชาชน

- 0 comments

รายงานพิเศษ นสพ. ข่าวสด

ในขณะที่ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับที่นาย วรชัย เหมะ ส.ส. สมุทรปราการ พรรค เพื่อไทย เป็นหัวหอก จ่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วงเปิดสมัยประชุมเดือนส.ค.นี้แล้ว

ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 นำโดย นางพะเยาว์ อัคฮาด และ นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ ก็นำเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน หรือฉบับเหยื่อ 99 ศพ 

เพราะเห็นว่าร่างกฎหมายนิรโทษฯที่มีการเสนอขึ้นมาหลายฉบับก่อนหน้านี้ ล้วนมีเจตนาเพื่อนิรโทษกรรมแบบเหมายกเข่ง ไม่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย และญาติเหยื่อในเหตุการณ์รุนแรงไม่ได้มีส่วนร่วม 

อีกทั้งไม่มั่นใจการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษฯ ที่เสนอไปก่อนหน้าจะสำเร็จ และมีผลบังคับใช้ได้เมื่อไร 

เนื้อหาของร่างฉบับญาติเหยื่อ 99 ศพ ที่ แตกต่างจากร่างของนายวรชัย คือไม่นิรโทษให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุ 

แต่พลันที่แถลงเปิดร่างดังกล่าว ก็มีเสียงท้วงติงอย่างห่วงใยจากคนกันเอง ทั้งจากแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จาก ส.ส.เพื่อไทย 

เพราะเห็นว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษฯฉบับญาติเหยื่อ 99 ศพ ยังมีจุดบอด อาจทำให้ฝ่ายมวลชนเสียเปรียบ และไม่ได้รับความช่วยเหลือ 

แต่อาจกลายเป็นการช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 

ส่วนประเด็นไม่นิรโทษฯให้เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำเกินกว่าเหตุ ก็เป็นการเพิ่มเงื่อนไขที่จะทำให้การเดินหน้าเรื่องนิรโทษฯทำได้ยากลำบากมากขึ้น

และการเสนอร่างนิรโทษฯหลายฉบับเข้าสภา อาจ เป็นการเพิ่มขั้นตอน ทำให้การพิจารณาล่าช้าไปอีก 

มีความเห็นจากภาคประชาชนและนักวิชาการที่ร่วมเคลื่อนไหว ต่อความเห็นที่แตกต่างข้างต้น ดังนี้
สมบัติ บุญงามอนงค์ 
บ.ก.ลายจุด

ในแง่เวลาของกระบวนการเสนอกฎหมาย ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของญาติเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปี 2553 ต้องใช้เวลารวบรวมและตรวจสอบรายชื่อ ทำให้ไม่สามารถพิจารณาได้ทันในการประชุมรัฐสภาสมัยนี้ 
 
ส่วนร่างนิรโทษกรรมของนายวรชัย นั้นได้รับการบรรจุเพื่อพิจารณาในการ ประชุมรัฐสภาในสมัยนี้เเล้ว 

สำหรับเรื่องเนื้อหา ร่างพ.ร.บ. นิรโทษ กรรมของญาติเหยื่อ จะทำให้การช่วยเหลือคนเสื้อแดงทำได้แคบลง หรือช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่เป็นนักโทษทางการเมือง หรือผู้ต้องโทษคดีอาญาได้น้อยลง 

แต่ร่างนิรโทษกรรมของนายวรชัย สามารถช่วยคนที่ต้องคดีทางการเมืองได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อเหลือง หรือคนเสื้อแดง ทำให้พวกเขาหลุดพ้นข้อหาและคดีทางการเมือง

อีกทั้งร่างของนายวรชัยไม่ได้สร้างความเสียหายกับใครมาก เห็นควรว่าต้องยอมให้ผ่านไป ทั้งยังจะช่วยลดความวุ่นวายลงได้มาก เพราะคนที่จะได้รับโทษคือผู้มีอำนาจสั่งการ

ที่สำคัญร่างดังกล่าวสอดคล้องกับความเป็นจริงในการช่วยเหลือนักโทษทาง การเมืองมากกว่า

ยอมรับว่าสับสนกับกระบวนการคนเสื้อแดง เนื่องจากที่ผ่านมามีการต่อต้านร่างพ.ร.บ.ปรองดองของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาเเล้ว และคิดว่าหลังจากนั้นคงเดินหน้าในการนิรโทษกรรมได้เต็มที่ 

แต่เมื่อมีการเสนอร่างนิรโทษกรรมของญาติเหยื่อขึ้นอีก ก็ต้องนำกลับมาถกเถียงและขบคิดเพิ่มกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร 

แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวคงไม่ทำให้กระบวนการคนเสื้อแดงแตกแยกกัน คงถกเถียงกันในแง่ของเหตุผลมากกว่า รายละเอียดในร่างนิรโทษกรรมของญาติเหยื่อ อาจนำไปอภิปรายถกเถียงกันได้ในชั้นกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องนี้

อยากให้ช่วยนิรโทษฯคนที่ได้รับโทษจากคดีทางการเมือง ทั้งการบุกยึดสนามบิน การบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือจะเป็นการเผาศาลากลาง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่มาจากเหตุผลทางการเมืองและถูกปลุกปั่นจากแกนนำ 

เชื่อว่าการให้อภัยจะทำให้เรื่องดังกล่าวจบลงไปได้

สุดสงวน สุธีสร
สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย ดูแล้วมีความเหมาะสมที่สุดในการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นเหยื่อทางการเมือง 

เนื่องจากพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชนเพิ่มบทบัญญัติ ว่า ยกเว้นการนิรโทษกรรมแก่ เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของทหารได้รับความชอบธรรมจาก พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งต้องทำตามสายบังคับบัญชา 

เพราะฉะนั้นปัญหาที่ต้องแก้ คือ กองทัพเองต้องออกกฎหมายว่าผู้ใต้บังคับบัญชามีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามหน้าที่หากคำสั่งนั้นทำเกินกว่าเหตุ จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดับไฟแต่ต้นลม

ส่วนเรื่องสำคัญที่ปรากฏอยู่ในพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับภาคประชาชน กรณียกเว้นการนิรโทษกรรมกับคนที่ใช้อาวุธประทุษร้ายคนอื่น จึงเป็นที่สงสัยว่ากรณีนี้นอกจากทหารแล้วใครเป็นผู้ใช้อาวุธประทุษร้ายผู้อื่น 

อาจครอบคลุมและตีความได้ว่า ร่างดังกล่าวกำลังพูดถึง ′ชายชุดดำ′ หรือไม่ แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชุมนุมโดยตรงขอยืนยันว่าตั้งแต่เริ่มการชุมนุมจนถึงวันสลายการชุมนุมไม่พบว่ามีชายชุดดำอยู่ในที่ชุมนุมเลย 

แม้แต่การเสียชีวิตของเหยื่อจากการสลายการชุมนุม กรมสอบสวน คดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือศาล การไต่สวนคดีก็ชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ หรือกระสุนของเจ้าหน้าที่ที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิต ในสำนวนก็ไม่ได้ระบุถึง ชายชุดดำ

เจตนาของร่างดังกล่าวจึงเป็นที่น่าสงสัย เพราะจะไปเพิ่มน้ำหนักคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารว่าคนก่อเหตุรุนแรงคือชายชุดดำ อาจเป็นคนสั่งการตัวจริงพ้นผิดได้

ร่างยังระบุถึงบุคคลอื่นที่ใช้อาวุธ ก็จะทำให้สังคมเกิดความสงสัยได้

ข้อสังเกตอีกส่วนหนึ่ง คือขณะนี้พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัยใกล้ จะเข้าที่ประชุมสภา แต่กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตกลับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวในเวลานี้ ก็อาจส่งผลให้ฉบับนายวรชัยล่าช้ามากขึ้นไปอีก 

ท้ายที่สุดแล้วอาจมีการเสนอให้นำทั้ง 2 ร่างมารวมกัน ซึ่งจะยิ่งส่งผลเสียต่อนักโทษการเมืองทุกคน
[Continue reading...]

“จาตุรนต์” คาดเปิดสภาการเมืองเข้มข้น แน่นอน

- 0 comments
 
"จาตุรนต์" เชื่อ เปิดสภาการเมืองเข้มข้น เพราะฝ่ายต่อต้านแสดงท่าทีแล้ว ชี้ หากต้องการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษ เร็ว วันที่ 7 ส.ค.ก็พิจารณาได้
 
 นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า เมื่อสภาฯ เปิด การเมืองคงจะเข้มข้นขึ้น เพราะฝ่ายต่อต้านคัดค้านก็ออกมาแสดงท่าที ว่าจะคัดค้านเรื่องต่างๆ แล้ว และเมื่อเปิดสภา ก็จะมีกฎหมายหลายฉบับเข้าสู่สภา และมีหลายกลุ่มที่ต่อต้านอยู่ ซึ่งต้องหาทางแก้ไขและป้องกันปัญหาต่อไป ส่วนการเตรียมตัวนั้น ก็เป็นเรื่องของสภาฯ ส.ส. และพรรคการเมืองที่จะดูแล ส่วนรัฐบาลก็เตรียมชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ รัฐบาลก็มีกฎหมายงบประมาณฉบับเดียวที่จะเสนอเข้าสภา และมีเวลาตายตัวอยู่แล้ว ที่จะพิจารณาในวันที่ 14-15 ส.ค.
 
 "ส่วนวันที่ 7 จะพิจารณาอะไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็ต้องแล้วแต่สภา แต่กฎหมายงบประมาณไม่ได้ไปขัดแย้งกับกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น และถ้าต้องการพิจารณากฎหมายนิรโทษเร็วๆ ก็พิจารณาวันที่ 7 ได้" นายจาตุรนต์ กล่าว
 
 นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะพิจารณากฎหมายใดก่อน แต่เร็วๆ นี้ น่าจะมีข้อสรุปออกมา
 
ที่มา : ข่าว INNNEWS  ภาพ แนวหน้า
[Continue reading...]

“สุเทพ”ฟันธง "ส.ค.-ก.ย."บ้านเมืองร้อนแรง

- 0 comments

“สุเทพ” อัดรัฐลุแก่อำนาจ ยกคดี “โหรภิญโญ” ถูกทำร้าย ฟันธงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ บ้านเมืองร้อนแรง ลั่นอาจต้องสู้กันทั้งในและนอกสภาฯ หากรัฐดึงดันเข็นกม. 3 ฉบับ “เงินกู้ 2 ล้านล้าน-แก้ รธน.-นิรโทษ” เข้าสภาฯ 

ที่เวทีปราศรัยเดินหน้าผ่าความจริง โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ บางเขน เวลา 20.00 น. วันที่ 20 ก.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยหยิบยกกรณีที่นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ถูกทำร้ายร่างกาย โดยนายสุเทพ กล่าวว่า นายภิญโญเชื่อว่าสาเหตุที่ถูกทำร้ายอาจมาจากเรื่องการเมือง จึงได้พยายามติดตามว่านายภิญโญสังกัดพรรคการเมืองไหน แต่ก็พบว่าไม่ได้สังกัดพรรคไหนทั้งสิ้น แต่เขาทำหน้าที่ทำนายทายพรรค ดวงบ้านดวงเมือง แต่ดันไปทำนายไม่ถูกใจคนฝ่ายรัฐบาล โดยทำนายว่าเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง และรัฐบาลจะมีปัญหา แม้ตนจะไม่มีความรู้ทางโหราศาสตร์ แต่ก็เชื่อว่า เดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ จะเกิดเหตุรุนแรงแน่ เพราะเปิดสภาฯวันที่ 1 ส.ค.นี้ มีเรื่องใหญ่ 3 เรื่องที่จะต้องสู้กัน ทั้งในสภาฯ และอาจจะต้องสู้นอกสภาฯ ถ้ารัฐบาลยังดึงดันที่จะข่มเหงน้ำใจคนไทย เอาพวกมากลากไปให้ยกมือผ่านกฎหมาย โดยที่คนไทยทั้งประเทศไม่เห็นด้วย รับรองว่าเกิดเรื่องแน่นอน

นายสุเทพ กล่าวว่า  เรื่องแรกคือการออกกฎหมายให้รัฐบาลมีอำนาจกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ทำให้คนไทยต้องใช้หนี้ไปอีก 50 ปี เรื่องที่ 2 คือรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลพยายามแก้ใหม่ซึ่งจะเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนไทย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองบ้านเมือง และเรื่องสุดท้ายคือเขียนกฎหมายพิเศษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมุนบริวารที่เป็นแกนนำ พาคนมาชุมนุมในปี 53 และ 54 ถ้ารัฐบาลเขียนกฎหมายเพื่อล้มล้างความผิดให้กับคนเหล่านี้ ต่อไปกฎหมายของประเทศไทยก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว เราจะไม่ยอมเด็ดขาด คนที่ติดคุกติดตะรางจะมีเฉพาะประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น แต่พวกเขาทำอะไรก็ไม่ผิด เพราะถ้าผิดก็ออกกฎหมายล้างผิดให้ทุกคน ถึงได้เกิดเหตุอย่างนายภิญโญที่ถูกทำร้ายร่างกาย เพราะคนพวกนี้มั่นใจว่าทำอะไรก็ไม่ผิด เนื่องจากพวกตัวเองเป็นใหญ่และเป็นรัฐบาล

“ถ้ารัฐบาลนี้ตั้งใจจะทำให้ประชาชนที่คิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาลหวาดกลัว และกลัวตัวเองจะไม่ปลอดภัย พวกผมก็ขอประกาศว่าชีวิตรัฐบาล ครอบครัวรัฐบาลก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน ขอส่งเสียงนี้ไปยังรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และจอมบงการที่ดูไบ ถ้ายังไม่เลิกข่มขู่คุกคามประชาชน เดินหน้าพวกมากในสภาฯ รับรองรัฐบาลนี้เจอประชาชนแน่นอน ถึงเวลาที่ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องลุกขึ้นสู้ และเตรียมพกนกหวีดไว้ ถ้าเสียงนกหวีดดังพร้อมกันเมื่อไหร่ เราจะได้เห็นกันว่าเดือน ส.ค. และก.ย.จะเป็นไปตามคำทำนายของโหรหรือเปล่า” นายสุเทพ กล่าว

ที่มา : เดลินิวส์
[Continue reading...]

พรบ.นิรโทษกรรม ฉบับไหน "ใครรอด" บ้าง ?

- 0 comments

9 สะดุดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตอน 1: พ.ร.บ. ปรองดอง + นิรโทษกรรม

 
สำรวจนโยบายอ่อนไหวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่เจอทั้งแรงต้านต่อตัวนโยบายเอง และแรงตรวจสอบที่เข้มข้นทั้งเรื่องงบประมาณ ผลประโยชน์ทับซ้อน และกระบวนการบริหารเริ่มด้วยนโยบายนิรโทษกรรม ที่ถึงวันนี้เจอแรงเสียดทานในฝั่งเดียวกันเข้าเต็มๆ
คลิปจาก DNN คอลัมน์อัพเดท
 
การเมืองเป็นเรื่องกระแส แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ทานกระแสต้านและการจุดประด็นสารพัดมาโจมตีตั้งแต่วันแรกที่เธอเป็นแคนดิเดตนายกจนถึงวันนี้สองปีกว่า ก็นับว่าน่าทึ่งไม่น้อย
 
อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันขณะ จะบอกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังเจอหมัดหนักรัวๆ จนอาจจะเมาหมัดเข้าแล้วเบาๆ ก็อาจจะไม่ผิดความจริงนัก และในบรรดาหมัดที่รัวอยู่นี้ หมัดไหนจะเด็ดเป็นหมัดน็อก หมัดไหนปล่อยออกมาชกลมจนคนชกล้มคว่ำลงไปบ้าง ก็น่ามาพิจารณากัน
 
ประชาไทรวบรวมประเด็นที่สำคัญในระดับนโยบายของรัฐบาลซึ่งถูกจับตาขยับไปทางไหนก็ติดขัด ทั้งแรงต้านต่อตัวนโยบายเอง และแรงตรวจสอบที่เข้มข้นทั้งเรื่องงบประมาณ ผลประโยชน์ทับซ้อน และกระบวนการบริหาร
 
ประเดิมเรื่องแรกที่กำลังเป็นประเด็นของทางฝั่งรัฐบาลเองและมวลชนที่หนุนรัฐบาล ก็เห็นจะได้แก่เรื่อง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมและพ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติ โดยในขณะนี้ มีร่างพ.ร.บ. ปรองดองรอการพิจารณาอยู่ในรัฐสภาแล้ว 5 ฉบับ ได้แก่ 
 
1. ร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ฉบับสนธิ บุญยรัตกลิน ที่เป็นเหตุให้การประชุมสภาเมื่อปลายเดือนพ.ค. เกิดความชุลมุนวุ่นวายทั้งในสภาและนอกสภา ร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้นิรโทษแก่กรรมผู้ชุมนุม ผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการ ตั้งแต่เหตุการณ์ทางการเมืองปี 2548 ถึงปี 2554 นอกจากนี้ยังเลิกความผิดแก่ผู้ถูกดำเนินทางการเมืองตามประกาศของคปค. และคืนสิทธิทางการเมืองแก่ส.ส. ที่ถูกตัดสิทธิจากการยุบพรรค 
 
2. ร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ฉบับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นิรโทษกรรมผู้ที่ชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 ถึง 2554 รวมถึงผู้ออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการ แต่ไม่นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดฐานการก่อการร้ายและความผิดต่อชีวิต ไม่ว่าจะแกนนำหรือผู้ชุมนุม นอกจากนี้ยังเลิกความผิดแก่ผู้ถูกดำเนินทางการเมืองตามประกาศของคปค. และคืนสิทธิทางการเมืองแก่ส.ส. ที่ถูกตัดสิทธิจากการยุบพรรค  
 
3. ร่างพ.ร.บ. ปรองดอง ฉบับที่เสนอโดยสามารถ แก้วมีชัย ให้นิรโทษกรรมผู้ที่ได้รับความผิดจากการชุมนุมทางการเมือง ระหว่างปี 2548 ถึง 2554 รวมถึงผู้ออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการ และยกเลิกความผิดแก่ผู้ถูกดำเนินทางการเมืองตามประกาศของคปค. และคืนสิทธิทางการเมืองแก่ส.ส. ที่ถูกตัดสิทธิจากการยุบพรรค  
 
4. ร่างพ.ร.บ. ปรองดอง ฉบับที่เสนอโดยนิยม วรปัญญา นิรโทษกรรมผู้ได้รับความผิดจากการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงวันที่ร่างพ.ร.บ. ประกาศใช้ รวมถึงผู้ออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการ และยกเลิกความผิดแก่ผู้ถูกดำเนินทางการเมืองตามประกาศของคปค. และคืนสิทธิทางการเมืองแก่ส.ส. ที่ถูกตัดสิทธิจากการยุบพรรค สิ่งที่ระบุเพิ่มมาจากร่างอื่นๆ คือนิรโทษกรรมการรัฐประหารโดยคปค. เมื่อปี 2549 ด้วย  
 
5. ร่างพ.ร.บ. ปรองดอง ฉบับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นิรโทษกรรมผู้ได้รับความผิดจากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 จนถึงวันที่ร่างพ.ร.บ.ประกาศใช้ รวมถึงผู้ออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการ และยกเลิกความผิดแก่ผู้ถูกดำเนินทางการเมืองตามประกาศของคปค. และคืนสิทธิทางการเมืองแก่ส.ส. ที่ถูกตัดสิทธิจากการยุบพรรค  
 
ส่วนร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมอีก 2 ฉบับที่รอการพิจารณาของสภา ได้แก่ ร่างพ.ร.บ. ปรองดองที่เสนอโดยวรชัย เหมะ และอีก 41 ส.ส. เพื่อไทย ซึ่งนิรโทษกรรมผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐ ยกเว้นแกนนำหรือผู้ที่ออกคำสั่งในการสลายการชุมนุม และร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมที่เสนอโดยนิยม วรปัญญา ส.ส. พรรคเพื่อไทย มีเนื้อหาคล้ายกับร่างของวรชัย เหมะ
 
 
 
ความพยายามผลักดันร่างของสนธิ บุญยรัตกลิน และเฉลิม อยู่บำรุง เป็นชนวนให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลหลายกลุ่มออกมาชุมนุม ตั้งแต่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาชุมนุมในช่วงเดือนพ.ค. ไปจนถึงกลุ่มเสื้อหลากสี นำโดยนพ. ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และล่าสุดการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวที่เริ่มชุมนุมจากในกรุงเทพฯ ที่ประมาณการณ์ว่ามีผู้เข้าร่วมมากที่สุด 3,000 คน และพยายามขยายการชุมนุมออกไปยังต่างจังหวัด 
 
ถึงแม้ว่าร่างพ.ร.บ. ปรองดอง ฉบับของร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ที่นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะก่อให้เกิดแรงต้านอย่างสูง ไม่ว่าจะจากฝั่งคนเสื้อแดงเองหรือฝ่ายพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังยืนยันว่ามีมติสนับสนุนเพียงร่างของส.ส. วรชัย เหมะ ซึ่งนิรโทษกรรมให้กับประชาชนทุกสีทุกฝ่าย ยกเว้นแกนนำและผู้สั่งการ ซึ่งวรชัยระบุว่าน่าจะสามารถลดแรงต้านได้มากที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ยังหนีไม่พ้นข้อกังวลของหลายฝ่ายว่า ร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมฉบับวรชัย จะถูกเอาไปหมดเม็ดรวมกับร่างพ.ร.บ. ปรองดอง ถูกแก้ไขร่างในขั้นตอนแปรบัญญัติเพื่อเปลี่ยนจุดประสงค์ไปจากเดิม   
 
ผลักร่างฉบับญาติผู้สูญเสีย ไม่นิรโทษให้การกระทำเกินกว่าเหตุ
 
นอกจากร่างนิรโทษกรรมและปรองดองที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีอีกร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมอีกฉบับที่ร่างขึ้นโดยญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อ เม.ย.-พ.ค. 53 นำโดยแม่น้องเกด พะเยาว์ อัคฮาด และพ่อน้องเฌอ สมาพันธ์ ศรีเทพ โดยมีลักษณะคล้ายกับร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้งของคณะนิติราษฎร์ ตรงกับมาตรา 291/1, 291/2, 291/3 ที่ระบุให้นิรโทษกรรมการกระทำผิดจากการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ. ความมั่นคง และการกระทำที่ไม่ได้ร่วมชุมนุมแต่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหลังการรัฐประหาร 2549 
 
สาเหตุที่กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมอีกฉบับขึ้นมา เนื่องจากระบุว่า ร่างของวรชัยยังมีความคลุมเครือเรื่องการปฎิบัติการทางทหาร ว่าจะได้การนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ ประกอบกับคำให้สัมภาษณ์ของวรชัย ยิ่งยืนยันว่าร่างดังกล่าวตั้งใจจะนิรโทษเจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมด ทำให้กลุ่มญาติไม่เห็นด้วยและผลักดันร่างฉบับของตนเองออกมา 
 
ร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมของกลุ่มญาติฯ มีใจความหลักๆ คือนิรโทษกรรมผู้มีความผิดจากการชุมนุมหลังการรัฐประหารปี 2549 เป็นต้นมา โดยเป็นความผิดที่เกิดจากการฝ่าฝืนพ.ร.บ. ความมั่นคงและพ.ร.ก.ฉุกเฉิน  และการกระทำที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม แต่เป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร อันผู้กระทำได้กระทำไปโดยมีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์การทางการเมือง  และนิรโทษกรรมให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการที่ไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ
 
ร่างพ.ร.บ. ของญาตินี้ ระบุไม่นิรโทษกรรมให้แก่ผู้สั่งการ หรือทหารที่ทำเกินกว่าเหตุ ไม่นิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่วางเพลิงเผาทำลาย หรือปล้นทรัพย์ทรัพย์สินเอกชน และการกระทำที่ก่อให้เกิดภยันตรายต่อชีวิตประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ
 
ประเด็นที่สำคัญของร่างนี้ที่กำลังเป็นถกเถียงกันมาก คือสองประเด็นหลักสำคัญ เรื่องแรก คือการระบุว่าจะไม่นิรโทษกรรมผู้สั่งการ และเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการที่ทำเกินกว่าเหตุ (มาตรา 4 วรรค 2) ว่าหากระบุไว้เช่นนี้ การอ้างเรื่องการออกคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่อ้างว่าเป็นไปตามหลักสากล จะสามารถพิสูจน์ได้มากน้อยเพียงใดว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และทหารระดับปฏิบัติการ ที่มีพ.ร.ก. ฉุกเฉิน และพ.ร.บ. ความมั่นคงมีความคุ้มครองเรื่องการเอาผิด จะสามารถถูกพิสูจน์ได้ตามกระบวนการยุติธรรมได้มากแค่ไหนว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ 
 
ประเด็นที่สอง คือ มาตรา 3 (4) ที่ไม่นิรโทษกรรมการกระทำหรือการตระเตรียม ทั้งผู้ชุมนุมและผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม ที่มุ่งต่อการประทุษร้ายผู้อื่นโดยใช้อาวุธ และการกระทำที่มุ่งก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน และการกระทำผิดต่อทรัพย์ เช่น การวางเพลิง ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์อันเป็นของเอกชน
 
หากพิจารณาตามเงื่อนไขดังกล่าว ผู้ต้องขังที่ถูกตัดสินจำคุกจากเหตุการณ์ปี 53 และเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองหลังรัฐประหาร 25 คน (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. จากศปช. และไม่รวมผู้ต้องขังคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112) อาจมีผู้เข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรมเพียง 3 คนเท่านั้น ได้แก่คดีมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวาย, ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และกรรโชกทรัพย์ เพราะนักโทษนอกเหนือจากนั้น จะมีคดีจากพ.ร.บ. อาวุธปืนฯ, ปล้นทรัพย์, มีอาวุธและเครื่องกระสุน, มีวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) ไว้ครอบครอง ซึ่งอาจเข้าข่ายมาตรา 3 (4) ซึ่งยกเว้นการนิรโทษกรรม
 
หากพิจารณาจากความผิดต่อทรัพย์สินเอกชน ในขณะนี้มีผู้ถูกตัดสินจำคุกจากการวางเพลิงเผาทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ สาขาพระโขนง 1 ราย ก็จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม และจากคดีวางเพลิงเผาทรัพย์ศาลากลางที่จ.อุดรธานีและอุบลราชธานีอีก 4 ราย แม้ควรจะได้นิรโทษกรรมเนื่องจากเป็นการวางเพลิงเผาทรัพย์สินราชการ แต่สำหรับผู้ต้องขังในจ.อุบลธานี 2 ราย อาจได้รับนิรโทษกรรมในข้อหาทำลายทรัพย์สินราชการ แต่ยังคงได้รับโทษจากข้อหาวางเพลิงทรัพย์สินเอกชน เนื่องจากมีการเผาทรัพย์สินเอกชนรวมอยู่ด้วย (ร้านกาแฟและรถตู้บริเวณใกล้เคียงกับศาลากลางจังหวัด 1 คัน) 
 
จากกรณีที่กล่าวมาข้างต้น หากพิจารณาตามร่างของญาติฯ นักโทษที่ติดคุกจากเหตุการณ์การชุมนุมและที่เกี่ยวข้อง จะมีโอกาสได้รับนิรโทษกรรม ก็ต่อเมื่อมีการพิจารณาเป็นรายๆ ไปว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดต่อความมั่นคง ที่ทำไปโดยมีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์การทางการเมือง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดกับพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
 
ผู้ต้องขัง ม.112 ยังไม่ชัดได้รับนิรโทษหรือไม่
 
อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ. นิรโทษกรรมและปรองดองที่กล่าวมาข้างต้น ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกตัดสินว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับการตีความของศาลว่านับว่าเป็นการแสดงออกหรือการกระทำที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ และรัฐบาลเองก็อาจจะเลี่ยงนิรโทษกรรมผู้ต้องขังในคดี ม.112 เนื่องจากอาจเป็นเหตุให้เกิดกระแสต่อต้านสูง จนอาจไม่สามารถออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับใดได้เลย 
 
ล่าสุดนายวรชัย เหมะ ก็ย้ำว่า จะพยายามผลักดันให้พรรคเพื่อไทยบรรจุร่างนิรโทษกรรมให้พิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาสมัยสามัญเป็นวาระแรก ก่อนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2557 หรือพ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อเอาใจมวลชนคนเสื้อแดง ในขณะที่ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของญาติ ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนักจากส.ส. เพื่อไทย (อ่านข่าว 'จตุพร' เล็งกล่อม 'แม่น้องเกด' ยุติเสนอร่างก.ม.นิรโทษฯ) แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับออกมาสนับสนุนร่างของญาติ โดยระบุว่ามีแนวคิดสอดคล้องกับแนวคิดพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าจะนำไปสู่การปรองดองได้
 
แม้เนื้อหาร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมของญาติฯ จะยังมิได้เป็นร่างสุดท้าย เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็น ก่อนที่จะยื่นให้กับรัฐสภา แต่การพยายามผลักดันร่างนี้ออกมา อาจเป็นการสะท้อนความไม่พอใจและไม่ไว้วางใจของคนเสื้อแดงที่มีต่อรัฐบาลและนปช. ว่ามีความจริงใจเพียงใดในการเอาผิดทั้งผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงการค้นหาความจริงในเหตุการณ์ 2553 และปล่อยตัวนักโทษในคดีการเมืองออกจากคุก 
 
นอกจากแรงเสียดทานที่เกิดจากมวลชนคนเสื้อแดงต่อรัฐบาล-นปช.แล้ว ประเด็นเรื่องการนิรโทษกรรม ยังถูกหยิบยกเป็นประเด็นหลักของการขับไล่รัฐบาลของกลุ่ม "กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ" ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมๆ กับประเด็นร้อนอย่าง ให้ยุติความไม่จงรักภักดีของทักษิณ ชินวัตร ให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ไปจนถึงโครงการการจัดการน้ำ และโครงการจำนำข้าว โดยทางกลุ่มประกาศว่าให้ทำตามข้อเรียกร้องภายใน 7 วัน มิเช่นนั้นจะปักหลักชุมนุมยาว
 
คำตอบต่อสถานการณ์ดังกล่าว อาจตอบได้เมื่อรัฐสภาเปิดสมัยการประชุมในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อการพิจารณาต่อร่างใด และการแปรญัตติต่อร่างนิรโทษกรรมต่างๆ จะออกมาเป็นอย่างไร น่าจะช่วยให้เห็นแรงเสียดทานที่จะเกิดขึ้นจากหลายฝ่าย และอนาคตของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อไปในอนาคต 

ที่มา :เว็บประชาไทย
หมายเหตุ: สามารถดาวน์โหลดร่างพ.ร.บ. ปรองดองและนิรโทษกรรมทั้ง 9 ฉบับได้ที่ท้ายข่าวนี้
AttachmentSize
บ.นิรโทษกรรม โดยญาติวีรชน.pdf69.12 KB
ฉบับนิติราษฎร์.pdf61.48 KB
บ.นิรโทษกรรม โดยนิยม วรปัญญา.pdf224.88 KB
บ.นิรโทษกรรม โดยวรชัย เหมะ.pdf234.23 KB
บ.ปรองดองแห่งชาติ โดยเฉลิม อยู่บำรุง.pdf70.79 KB
บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ โดยสามารถ แก้วมีชัย.pdf398.44 KB
บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ โดยนิยม วรปัญญา.pdf192.81 KB
บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ โดยณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ.pdf489.21 KB
บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ โดย สนธิ บุญรัตนกลิน.pdf253.12 KB 
[Continue reading...]

รู้จัก "วัฒนา" รู้จริง "คลองด่าน" บรรทัดที่หายไป "เจ้าพ่อปากน้ำ"

- 0 comments

โดย ชาลินี แก้วคงคา มติชนรายสัปดาห์ 
ใกล้ครบรอบ 1 ปีที่ได้ไปพบ "วัฒนา อัศวเหม"

จำได้ว่าวันนั้นหลังจากจบการสนทนากับ ดร.มั่น พัธโนทัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการไอซีที ซึ่งเป็นเลขานุการส่วนตัวของ "วัฒนา อัศวเหม" ชวนไปทำบุญผูกพัทธสีมา และฝังลูกนิมิต อุโบสถวัดเหมอัศวาราม ที่เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญ "วัฒนา"

บอกกับตัวเองว่า "พลาดไม่ได้ งานนี้"

เหตุผลแรก ในฐานะที่วัฒนาเป็น "แหล่งข่าวที่ดี"


เหตุผลต่อมา จะได้หาคำตอบว่า หลังจาก 18 สิงหาคม 2551 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 10 ปี สถานะ "วัฒนา" กลายเป็น "คนแดนไกล" นั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร


 การเดินทางครั้งนั้นเป็นเครื่องบินเหมาลำ ผู้โดยสารกว่าครึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ในเมืองไทย เรียกว่า "ทัวร์เหลือง" ของจริง มีไฮโซบางส่วน นักการเมืองท้องถิ่นในสมุทรปราการ และสื่อมวลชน

ที่สำคัญ 2 บุคคลที่คนในแวดวงการเมืองรู้จักดีคือ "พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" ขณะนี้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ "บรรณพจน์ ดามาพงศ์" พี่ชายบุญธรรมของ "คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์"

พิธีผูกพัทธสีมา และฝังลูกนิมิตอุโบสถมีขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม 2555 สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานประกอบพิธี


โดย "วัฒนา" เป็นประธานฝ่ายฆราวาส กราบนมัสการถวายรายงานความเป็นมาการก่อสร้างวัดเหมอัศวาราม

หลังจากพิธีสำคัญผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ได้มีโอกาสนั่งคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบกับ "วัฒนา"

แววตานักการเมืองรุ่นลายครามผู้นี้ยังมีความกังวล แม้หน้าตาวัย 80 ปีจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเทียบกับ 4 ปีก่อนที่หายไป

เขาได้เล่าถึงช่วงเวลาที่หลบออกมาจากเมืองไทยว่า ส่วนใหญ่จะใช้ในการเดินทางพบปะเพื่อนฝูงในประเทศต่างๆ และทุ่มเทสร้างวัดเหมอัศวาราม ในแดนมังกร

การเปิดสอนค่ายมวยในเมืองจีนให้กับเด็ก มีลูกศิษย์ 40-50 คน รวมทั้งการปลูกโบตั๋น

"สองปีแรกเครียดมาก เครียดจนจะบ้าตาย ใช้เวลานานกว่าจะปรับตัวได้ เดือนแรกๆ จะบ้าให้ได้ นอนไม่หลับ กินยานอนหลับเป็นกำๆ คิดว่าถ้ายังขืนกินยานอนหลับอยู่อย่างนี้ สุขภาพผมแย่แน่ ผมขว้างยาทิ้งเลย แล้วก็นอนไม่หลับอยู่หลายเดือน ผมเดินทางไปหลายที่ ด้วยความที่มีเพื่อนเยอะ ไม่เคยคิดร้ายใคร ไปที่ไหนก็มีเพื่อนฝูงดูแล

จนสุดท้าย ผมก็ปรับตัวได้ ผมตั้งใจทุ่มเทแรงใจแรงกายให้วัดเหมอัศวาราม ผมขายที่ดินไปแล้วหลายแปลงเพื่อนำเงินมาสร้างวัดแห่งนี้"

"วัฒนา" ได้กราบอาราธนา สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว อุปเสโณ) เป็นประธานที่ปรึกษาในการสร้างวัด พระพรหมสิทธิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นประธานที่ปรึกษา พระอาจารย์ยิ่นเล่อ เจ้าอาวาสวัดไป๋หม่าซื่อ หรือ "วัดม้าขาว" ที่เมืองลั่วหยาง เป็นประธานอำนวยการ และ พระเทพสิทธิโกศล เจ้าอาวาสวัดพลับพลาชัย เป็นประธานควบคุมการก่อสร้าง

โดยวัดแห่งนี้สร้างอยู่ในบริเวณของวัดไป๋หม่าซื่อ รูปแบบการก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมไทย ทั้งอุโบสถ อาคารศาลาราย อาคารปฏิบัติธรรม อาคารพิพิธภัณฑ์ ศาลาพระพรหม ภูเขาทองจำลอง ทุกอาคารล้วนสวยงาม

ทุนทรัพย์ก่อสร้างประมาณ 200 ล้านบาท

หลายคนที่มีโอกาสไปเยือนในวัดนี้ต่างรำพึงเป็นเสียงเดียวกันว่า "นึกว่าเดินอยู่ในเมืองไทย"

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา มีพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระพรหมขึ้นประดิษฐานบนศาลาที่สร้างไว้ โดยมีพระเมธีวราลงกรณ์ (เจ้าคุณเมธี) วัดชนะสงคราม เป็นประธานในพิธี

และวันรุ่งขึ้นมีการทำบุญทอดกฐิน โดยมีพระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นประธานในพิธีด้วย

แม้จะเป็นความปลาบปลื้มใจที่ได้สร้างวัดในเมืองจีน ซึ่งถือเป็นงานสำคัญทางพุทธศาสนา ที่ทำให้มีวัด "นิกายเถรวาท" และ "นิกายมหายาน" อยู่ในบริเวณเดียวกัน อีกทั้งยังเชื่อมความสัมพันธ์สองแผ่นดินไทย-จีน ด้วยพระพุทธศาสนา


แต่เจ้าตัวยังไม่สบายใจกับกรณีสังคมต่างตัดสินไปแล้วว่า "วัฒนาโกงโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน 1.7 หมื่นล้านบาท"

ทั้งๆ ที่ศาลฎีกาตัดสิน ในฐานะความผิดเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขู่หรือชักจูงให้ผู้อื่นร่วมออกโฉนดที่ดินบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน 1,900 ไร่

ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน 1.7 หมื่นล้านเลย

แต่คนทั่วไปสรุปเป็นเรื่องเดียวกัน!!!

วัฒนาได้เล่าเรื่องราวในแง่มุมที่สังคมยังไม่ได้รับรู้

จนเป็นที่มาของหนังสือ "รู้จักวัฒนา รู้จริงคลองด่าน" เล่มนี้

มีการสัมภาษณ์ลุง ป้า น้า อา ในคลองด่านหลายคน ที่ขายที่ดินให้กับ "วัฒนา" เมื่อปี 2530 ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีใครบังคับให้ขายที่ดินทั้งสิ้น

ถ้าจะมีใครบังคับ คนนั้น คือ "ทะเล" ที่เซาะจนบ้านเรือน ที่ดิน จมหาย

รวมทั้งอีกหลายแง่มุมที่ชวนให้ขบคิดว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้?

นอกจากนี้ ได้สัมภาษณ์ประวัติของนักการเมืองผู้นี้ ได้เห็นถึงความเป็นมาของครอบครัว กว่าจะเป็น ส.ส.สมุทรปราการ 11 สมัยติดต่อกัน และเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง เพื่อจะได้รู้จักตัวตน "วัฒนา" ให้มากยิ่งขึ้น

เวลาที่ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน มองย้อนกลับไปในอดีต สะท้อนได้ว่า "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" อย่างไร

ประโยคยาวๆ ของ "วัฒนา" ทิ้งท้ายไว้ "...ผมเป็นคนจริง ทำจริง ไม่เคยเอาทรัพย์สินของรัฐมาเป็นของตัวเอง มีกำลังที่จะทำเองได้ ไม่ได้ทำผิด ที่ผ่านมามีคนติดต่อประสานผ่านมาหลายทาง บอกให้รีบกลับเถอะ ไปรับผิด ผมติดคุกสักพัก จากนั้นจะได้รับการช่วยเหลือ ...นิสัยผม ถ้าผมทำผิด ผมยอมรับ แต่นี่ผมไม่ได้ทำผิด จะให้ผมยอมรับ ผมทำไม่ได้ ผมบอกกับมั่น (ดร.มั่น พัธโนทัย) ว่า อย่าว่าแต่ให้ติดคุกวันสองวันเลย แม้แต่เพียงนาทีเดียว ผมก็ไม่ยอม เพราะไม่ได้ทำผิดจะยอมรับผิดได้อย่างไร"

"รู้จักวัฒนา รู้จริงคลองด่าน" จึงเป็นเรื่องราว เติมบรรทัดที่หายไปของ "วัฒนา อัศวเหม"
[Continue reading...]

มติชนวิเคราะห์... "รัฐบาลปู" เช็กภารกิจ รับมือ...เปิดสภา รับฉุกเฉิน...ยุบ!

- 0 comments
ช่วงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดตระเวนต่างจังหวัดถี่ขึ้น ทั้งทัวร์นกขมิ้นภาคอีสาน และประชุม ครม.สัญจรภาคกลาง

กระทั่งเกิดข้อสังเกตว่า รัฐบาลเตรียมตัวเผื่อไว้หากยุบสภา!

ทั้งนี้ เพราะหลังจากรัฐบาลประสบเหตุจากโครงการจำนำข้าว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งเร้าให้ปรับคณะรัฐมนตรีเร็วขึ้น เพื่อแก้เกมเรื่องจำนำข้าว

ข้อเสนอในช่วงเวลานั้น มีข้อเสนอตระเวนทำงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศด้วย

เพราะแม้การปรับคณะรัฐมนตรี จะช่วยเลื่อนจุดแตกหักวิกฤตจำนำข้าวออกไปจนถึงปลายปี แม้ปรากฏการณ์คลิปเสียงคล้ายบุคคลสำคัญหลุดออกมา จะคลี่คลายลงด้วยเสียงประสาน ไม่ติดใจŽ จากบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพ

แต่กระแสต่างๆ ที่ทิ่มแทงรัฐบาล ทั้งเรื่องจำนำข้าวและเรื่องคลิปก็ยังไม่หมดสิ้นไปเลยทีเดียว

โดยเฉพาะกระแสจำนำข้าว ยังคงกระเพื่อมต่อเป็นเรื่องการรมยาข้าวถุง ส่วนการแก้ปัญหาราคาจำนำข้าวในรอบต่อไป ก็ยังอยู่ระหว่างการต่อรองระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสมาคมชาวนา

ล่าสุด มีข้อเสนอให้ลดราคาจำนำข้าวเฉพาะข้าวเปลือกเจ้า เหลือตันละ 13,500 บาท ซึ่งตัวแทนสมาคมชาวนาขอนำกลับไปหารือกับสมาชิก

ดูเหมือนทุกอย่างพร้อมปะทุขึ้นมาอีกครั้งได้ทุกเมื่อ

รวมทั้่งข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตที่พรรคประชาธิปัตย์ตอกย้ำทุกวัน

กระแสข่าวที่คล้ายกับการ เลี้ยงไข้Ž นี้ เหมือนต้องการประคองกระแสรอวันและเวลา 1 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเปิดสมัยประชุมสภา

ในสมัยประชุมสภาครั้งหน้ามีร่างกฎหมายสำคัญรอการพิจารณาหลายฉบับ แต่ละฉบับร้อนแรง พร้อมเป็นประเด็นทางการเมืองทั้งสิ้น

เช่น ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ นายวรชัย เหมะ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ล่าสุด กลุ่มญาติวีรชนได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่สภาอีก โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หยิบยกขึ้นมาสนับสนุน

ทำให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับกลุ่มญาติวีรชนกลายเป็นคู่แคนดิเดตกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัยไปในทันที เพราะก่อนหน้านี้ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัยได้มีการผลักดันจากมติพรรคเพื่อไทยแล้วว่า ให้เดินหน้าลุย

แค่นี้ก็พอเดาได้ว่า อุณหภูมิการเมืองในการประชุมสภาคงร้อนแรงน่าดู

ขณะเดียวกัน กลุ่มหน้ากากขาวที่เดิมมีทีท่าจะเลิกรา แต่กลับรวมพลกันอีกครั้ง ทั้งนี้มีข่าวว่า การหยุดพักไประยะหนึ่งนั้น เพื่อจัดระเบียบภายใน และหลังจากจัดระเบียบได้แล้วก็ประกาศนัดชุมนุมกันอีก

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ ขับไล่รัฐบาล

ความเคลื่อนไหวที่ปรากฏ แม้แลดูไร้ระเบียบ ไม่มีแกนนำ แต่ในสายตาของหน่วยงานความมั่นคงอย่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ กลับมองว่า อย่าประมาท

ดูเหมือนว่า รัฐบาลก็ไม่ประมาท เพราะเชื่อว่ามีโอกาสที่การชุมนุมสัปดาห์ละครั้ง อาจขยายวงกลายเป็นการลุกฮือขึ้นมาได้

นอกจากนี้ รัฐบาลก็เปิดปฏิทินคำร้องในองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. หรือศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญพบว่า มีหลายคดีที่ถึงกำหนดต้องตัดสิน

แต่ละคำร้องที่องค์กรอิสระจะชี้ ล้วนมีผลต่อความเป็นความตายของรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลจึงไม่อาจประมาทได้

ทุกอย่างต้องมีแผนรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นแกนนำสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่ว่า หากถึงที่สุดแล้ว รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ นายกรัฐมนตรีอาจต้องใช้วิธียุบสภา

และเมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง แม้พรรคเพื่อไทยจะได้รับแรงหนุนจากกลุ่มคนรากหญ้า ที่ได้อานิสงส์จากนโยบายประชานิยม ซึ่งรัฐบาลทำเอาไว้ แต่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลก็ยังต้องแก้จุดบอดในกลุ่มคนเมืองลงให้ได้

ทั้งนี้เพราะ ผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง ครั้งที่ผ่านมา ตอกย้ำให้เห็นว่า กลุ่มคนจาก บ้านในรั้วŽ ออกมาใช้เสียงมากขึ้น

และเสียงที่คนบ้านในรั้วโหวตให้นั้น ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

ดังนั้น หากปรากฏการณ์นี้ขยายไปสู่ บ้านในรั้วŽ ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในภาพรวมอาจได้รับผลกระทบ

ยิ่งขณะนี้ กลุ่มหน้ากากขาวในจังหวัดต่างๆ กำลังเคลื่อนไหวทั่วประเทศ เท่ากับว่าทุกจังหวัดมีตัวแทนของกลุ่มคนผู้ไม่ชอบรัฐบาลปะปนอยู่

หากรัฐบาลรักษาสภาพการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นเอาไว้ไม่ได้ หากรัฐบาลตกอยู่ในสภาพไร้ผลงาน หรือทำงานไร้ผล

สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเงื่อนไข จุดกระแสที่มีผลเชิงลบต่อรัฐบาล

ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยจึงต้องคิดหนักว่า จะทำอย่างไรให้คนบ้านในรั้วพึงพอใจในนโยบายของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย

ดังนั้น รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จึงต้องตระเตรียมหนทางรับมือกับเหตุการณ์ในสภา ซึ่งจะเปิดในวันที่ 1 สิงหาคม

ขณะเดียวกัน รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็ต้องเอาชนะใจคนที่อาศัยอยู่ในบ้านในรั้ว เพื่อดึงให้คนเหล่านี้ออกมาสนับสนุนให้มากขึ้น

ทั้งหมดคือข้อท้าทายที่ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะต้องฟันฝ่าในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่

ที่มา :มติชน
[Continue reading...]

"หมวดเจี๊ยบ" จี้ มาร์คอบรม "ชวนนท์" พูดเรื่องไฟใต้

- 0 comments

"หมวดเจี๊ยบ"ไล่"อภิสิทธิ์"อบรมลูกพรรคพูดเรื่องไฟใต้ แจงฝ่ายไทยไม่มีการลงนามเอกสารใดๆ กับ "บีอาร์เอ็น" ไล่ "ชวนนท์" หยุดเป็น "เด็กเลี้ยงแกะ" ใช้ถอยคำไม่เหมาะสม พร้อมยัน "นายกฯ" ยึดหลักสันติวิธี และเป็น ผบช.สูงสุดดับไฟใต้

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้ข้อมูลผิดๆ กับประชาชนเกี่ยวกับเรื่องบันทึกความเข้าใจร่วมของบีอาร์เอ็น ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไทยเสียเปรียบนั้น รัฐบาลได้ตรวจสอบกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว ขอยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ไม่มีเอกสารตามที่นายชวนนท์กล่าวอ้าง ส่งมาถึงฝ่ายไทยแต่อย่างใด และฝ่ายไทยไม่ได้ลงนามในเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น จึงขอให้ นายชวนนท์ หยุดพูดจาบิดเบือนว่า ฝ่ายไทยรับทราบหรือลงนามในเอกสารใดๆ กับบีอาร์เอ็น ที่จะทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์

"ไทยและบีอาร์เอ็น อยู่ในกระบวนการพูดคุยเพื่อสร้างความไว้วางใจต่อกันเท่านั้น ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างเป็นทางการ ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่มีการเจรจา แต่กระบวนการพูดคุยก็อยู่ในสายตาของกระทรวงการต่างประเทศอยู่แล้ว เพราะเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นคณะทำงานในกลุ่มงานสร้างความเข้าใจ โดยมีหน้าที่สื่อสารให้องค์การโอไอซี (OIC ) รับทราบเรื่องการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า การที่นายชวนนท์ อ้างว่าไม่มีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศมีส่วนร่วมในการทำงาน จึงเป็นการให้ข้อมูลเท็จ นอกจากนี้ ขอให้นายชวนนท์หยุดกล่าวหาว่า นายกฯ ไม่ได้ลงมาดูแลปัญหาภาคใต้ด้วยตัวเองได้แล้ว เพราะความจริง นายกฯ เป็นผู้กำกับนโยบายสูงสุดทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแแก้ปัญหาความไม่สงบภาคใต้อยู่แล้ว ทั้งในฐานะนายกฯ และกลาโหม นอกจากนี้ยังเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) ด้วยตัวเอง และได้มอบนโยบายอย่างชัดเจนว่า ให้แก้ปัญหาโดยยึดหลักสันติวิธี และยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม รวมทั้งต้องเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและร่วมสร้างความเจริญ และการพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องทางยุทธวิธี ซึ่งเป็นภาคปฏิบัติ ก็เป็นหน้าที่ของกองอำนวยการรักษามั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ซึ่งนายกฯ ก็เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงในฐานะ ผอ.รมน.อยู่แล้ว ดังนั้นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์จะมาอ้างว่า นายกฯ ไม่เข้ามาดูแลสั่งการเรื่องดับไฟใต้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่รัฐบาลกังวลก็คือการที่นายชวนนท์ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมเรียกกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า กลุ่มโจร เนื่องจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นห่วงว่าอาจเป็นการสร้างเงื่อนไขความรุนแรงอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากคำพูด ในขณะที่นายชวนนท์อาจไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะนั่งให้สัมภาษณ์อยู่ในห้องแอร์ใจกลางเมืองหลวง จึงขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำกับดูแลลูกพรรคประชาธิปัตย์ให้ระมัดระวังการใช้คำพูดที่จะสร้างเงื่อนไขความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ด้วย เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งยังจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่.

ที่มา : ไททยรัฐ


[Continue reading...]

เทียนพรรษาล้อการเมืองจ.โคราช สร้างสีสันการประกวดคึกคัก

- 0 comments

Pic_358407

เทียนล้อการเมืองงานแห่เทียนโคราช สร้างสีสันรอยยิ้มให้ผู้เยี่ยมชม ช่างแกะสลักรูปเหมือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสวมชุดไทยสีชมพูอุ้มตุ๊กตาเฟอร์บี้ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านทำท่าทางใช้มือสองข้างโค้งเป็นรูปหัวใจ...

นครราชสีมา เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (20 ก.ค. 56) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตามวัดต่างๆ หลายแห่งในจังหวัดนครราชสีมา ช่างแกะสลักเทียน พร้อมพระภิกษุ และสามเณร ต่างช่วยกันเร่งแกะสลักขบวนต้นเทียนพรรษา เพื่อให้ขบวนเทียนพรรษาเสร็จทันเข้าร่วมประกวดประเพณีแห่เทียนพรรษาของ จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2556 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ประเภท ก. ประเภท ข. และประเภท ค.
โดยในปีนี้มีต้นเทียนเข้าร่วมประกวดรวม 55 ต้น และมีขบวนแห่เข้าร่วมประกวดกว่า 10 ขบวน ขณะนี้ทุกวัดได้ประดิษฐ์แกะสลักขบวนเทียนพรรษาเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงตกแต่งขบวนเทียนให้สวยงามอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ขบวนเทียนพรรษาของวัดหนองบัวรอง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในปีนี้ส่งขบวนเทียนเข้าร่วมประกวดในประเภท ก. ใช้ช่างแกะสลักขบวนเทียนมากกว่า 20 คน โดยใช้งบประมาณ 1 ล้านบาท และใช้เทียนน้ำหนักมากถึง 8 ตัน ในการทำขบวนเทียน ใช้ชื่อขบวนเทียนว่า คชปักษาล่องนที ซึ่งหมายถึงการนำพาขบวนเทียนพรรษาเคลื่อนไปให้ประชาชนชมความงดงาม โดยส่วนหน้าของขบวนเทียนบอกเล่าเรื่องราวพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับพระเวสสันดรชาดก ส่วนตรงกลางขบวนเป็นรูปสัตว์ป่าหิมพานต์ คชปักษา ซึ่งมีหัวเป็นช้าง และตัวเป็นนก ส่วนด้านหลังขบวนเทียนเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ยังมีสีสันการปั้นเทียนรูปเหมือนการ์ตูน โดเรม่อน ใช้งวงชูธงชาติญี่ปุ่น, หมีแพนด้า หลิงปิง ถือธงชาติจีน และหุ่นยนต์กันดั้ม ถือธงชาติสหรัฐอเมริกา โดยมีช้างน้อยก้านกล้วย ถือธงชาติไทยอยู่ตรงกลาง

ขณะที่เทียนพรรษาล้อการเมือง และบุคคลดัง ที่ 2 สามีภรรยาเจ้าของร้านโอม คือ นายสายันต์ ไชยคำภา อายุ 31 ปี และนางสาวพรพรรณ เรืองศรี อายุ 31 ปี ได้แกะสลักเทียนพรรษาล้อการเมือง และบุคคลชื่อดัง ขนาดเท่าตัวจริงรวมทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สวมชุดไทยสีชมพูอุ้มหัวตุ๊กตาเฟอร์บี้, ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านใช้มือสองข้างโค้งเหนือหัวทำเป็นรูปหัวใจ นอกจากนี้ยังมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย รวมทั้งนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และโก๊ะตี๋ อารามบอย สองพิธีกรชื่อดังขั้นเทพจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางไทยทีวีสีช่อง 3, โดยนำเอาภาพยนตร์ไทยชื่อดังเรื่อง พี่มากพระโขนง มาเป็นคอนเซปต์ และตั้งชื่อเทียนพรรษาชุดนี้ว่า พี่มาร์คพระโขนง และนายสรยุทธ จะทำท่านั่งจับเข่ากอดกันเพราะกลัวผีแม่นาค
ส่วนเทียนโก๊ะตี๋ จะแกะสลักเป็นรูปโก๊ะตี๋แต่งชุดตุ๊กตาเฟอร์บี้ เหมือนที่โก๊ะตี๋เคยทำในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ โดยขณะนี้เทียนปั้นแกะสลักรูปเหมือนสมบูรณ์นำไปแสดงโชว์บริเวณกลางน้ำพุ ในสวนสุรนารี (สวนรักษ์) ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) โดยทำเป็นเวทีด้านหลังทำเป็นฉากยามค่ำคืนแบบน่าสะพรึงกลัว โดยทุกคนนั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ โดยเทียนพรรษาล้อการเมือง และบุคคลดังได้มีบรรดามีนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างชาติ และประชาชนทั่วไปต่างทยอยเดินทางไปชม และถ่ายรูปกับเทียนพรรษาชุดดังกล่าวอย่างต่อเนื่องอย่างคึกคักสร้างสีสันในงานแห่เทียนของ จ.นครราชสีมา ที่จัดร่วมกับเทศบาลนครนครราชสีมา

โดยงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดนครราชสีมาในปีนี้ จะจัดขึ้นบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) สวนเมืองทอง, สวนสุรนารีหรือสวนรักษ์ และสวนอนุสรณ์สถานวีรกรรม ซึ่งงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2556 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 กรกฎาคมนี้ โดยเฉพาะได้รับพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศเป็นประจำทุกปี โดยมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบถ้วยรางวัลชนะเลิศ.
ที่มา: ไทยรัฐ
[Continue reading...]

ตำรวจหวั่นการปะทะหน้ากากขาวประจันหน้า"เสื้อแดงอุดร

- 0 comments


กลุ่มหน้ากากขาวเมืองอุดรฯ 20 คนยืนถือป้ายข้อความต้านรัฐบาล ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 200 คนฮือไล่ ตำรวจต้องตรึงกำลังใช้โล่กำบังควบคุมฝูงชนล้อมกลุ่มหน้ากากขาวเอาไว้ เกรงจะเกิดเหตุปะทะกันรุนแรง ขวัญชัย ไพรนา สุดทนเห็นคนแค่สิบกว่าคนแต่มายืนเย้วๆทำลายชื่อเสียงเมืองอุดรฯ หน้ากากขาวตะโกนท้าดีเบท กับเสื้อแดง เจอขวัญชัย ด่ายับ พวกหน้ากากขาวอยู่เมืองอุดรฯแต่ทำลายเมืองอุดรฯ ไม่เหมือนคนเสื้อแดงมีกิจกรรมสร้างเมืองช่วยเหลือสังคมมากมาย

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ลานปูนสนามทุ่งศรีเมือง ฝั่งถนนโพศรี ต.หมากแข้ง มีการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวประมาณ 20 คน ด้วยการชูป้ายข้อความต้านระบอบทักษิณและการทำงานของรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ภ.จว.อุดรธานี จำนวนกว่า 150 นายทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบและชุดปราบจราจลพร้อมโล่กำบังกระบองแก๊สน้ำตามายืนรายล้อมกลุ่มหน้ากากขาวเอาไว้เป็นวงสี่เหลี่ยม

ต่อมามีรถโมบายเครื่องขยายเสียงของชมรมคนรักอุดรติดป้ายข้อความข้างรถว่า “หน่วยต่อต้าน ขี้กากขาว ทั่วราชอาณาจักร” วิ่งเข้ามาจอดประชิดเจ้าหน้าที่ตำรวจฝั่งทิศเหนือและมีกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 200 คนเดินรายล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้ผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยโจมตีการชุมนุมของหน้ากากขาวว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงเมืองอุดรฯ มีกันอยู่ไม่กี่คนแต่มาทำเสียหายไม่รักษาระบอบประชาธิปไตย โดยคนเสื้อแดงพยายามตะโกนให้เจ้าหน้าที่เกลี้ยกล่อมให้หน้ากากเลิกชุมนุม คนเสื้อแดงจะได้กลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. นายขวัญชัย ไพรพนา ได้เดินทางมาถึงบริเวณที่ชุมนุมและขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กลุ่มหน้ากากขาวกลับบ้านไป แต่ถูกน.ส.ไพรนัดดา ศรีเวียงธวัช ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรเดิม เดินมาตะโกนท้านายขวัญชัย ให้ดีเบทสู้กับนางแสงจันทร์ กัสนุกา อดีตข้าราชการครู แกนนำหน้ากากขาว แต่นายขวัญชัย ตะโกนกลับไปว่า ไม่มีอะไรต้องดีเบท เพราะคนเสื้อแดงทำประโยชน์ให้บ้านเมืองมากมาย มีกิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด น้ำท่วมประชาชนเจอภัยพิบัติที่ไหน คนเสื้อแดงรวมน้ำใจไปช่วยเหลือ และตอนนี้กำลังสร้างโรงเรียนมูลค่า 5 ล้านกว่าบาท แล้วพวกหน้ากากขาวทำอะไรให้บ้านเมืองอุดรฯบ้าง จากนั้นกลุ่มหน้ากากขาวก็ตะโกนว่าคนเสื้อแดงเป็นขี้ข้าทักษิณ ทำให้คนเสื้อแดงไม่พอใจตะโกนกลับไปว่า เป็นขี้ข้าทักษิณ มันผิดตรงไหน ทำให้บรรยากาศตรึงเครียดเพราะคนเสื้อแดงลุกฮือประชิดเจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกนด่ากลุ่มหน้ากากขาวจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานหนักเกรงว่าสถานการณ์จะบานปลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า จากนั้นนายขวัญชัย ไพรพนา พยายามจะขอร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเจรจาให้กลุ่มหน้ากากขาวยกเลิกการชุมนุม มีคนแค่ไม่กี่สิบคนแต่มาทำลายระบบระบอบประชาธิปไตย จนกระทั่งเวลา 18.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายยืนเคารพเพลงชาติเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดิมล้อมกรอบพากลุ่มหน้ากากขาวออกจากที่ชุมนุมไป คนเสื้อแดงก็ทยอยกลับทันที 


ที่มา : ข่าวสด

                
[Continue reading...]

"บุญยอด" แฉ สภาฯ แอบชงประชุมร่วม แก้รธน.ที่มาส.ว.6-7ส.ค.นี้

- 0 comments

"บุญยอด" แฉสภาฯ แอบชงประชุมร่วม แก้ รธน. เกี่ยวกับที่มา ส.ว.  6-7 ส.ค.นี้ จี้ "ขุนค้อน" เปิดเผยวาระการประชุมให้ชัด อย่าปล่อยให้สังคมคาดเดาเอง ถามหาวาระแถลงผลงานครบ 1 ปีรัฐบาล...

วันที่ 21 ก.ค. 56 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่าจะมีการเปิดประชุมร่วมสองสภา ในวันที่ 6-7 ส.ค.นี้ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว.

ขณะที่ส่วนตัวเห็นว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ควรจะเปิดเผยให้ชัดเจนว่า ได้บรรจุวาระใดเข้าสู่สภาแล้วบ้าง เพราะกลายเป็นว่า ขณะนี้วาระการประชุมขึ้นอยู่กับความต้องการและความพอใจของรัฐบาลเป็นหลัก ไม่ได้เป็นไปตามลำดับความสำคัญ และสภาฯ ถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายบริหาร มากกว่าจะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติอย่างสมภาคภูมิ

ทั้งนี้ อยากให้นายสมศักดิ์บรรจุวาระการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาล ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะรัฐบาลได้ส่งเรื่องเข้ามาแล้ว โดยนายสมศักดิ์ก็เคยระบุว่า จะมีการบรรจุเข้าวาระ เพื่อให้มีการพิจารณาร่วมกัน หลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่ผ่านมานานแล้วก็ยังไม่ปรากฏว่าบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาแต่อย่างใด ดังนั้น จึงอยากให้มีการกำหนดวาระการประชุมสภาที่ชัดเจน ไม่ใช่ให้สังคมคาดเดาเอาเอง


ที่มา :ไทยรัฐ
[Continue reading...]

ประชาธิปัตย์ "เสียงมักจะดัง"

- 0 comments
ข่าวจากฉบับเดียว "เดลินิวส์"
ไม่แปลกเลยที่ประชาธิปัตย์พูดอะไร "เสียงจะดัง" เพราะ สื่อคอยเป็น ตัวกระจายข่าวให้เป็นอย่างดี  ทุกครั้งที่ คนในประชาธิปัตย์พูด  "เป็นข่าว" ได้ตลอด

ซึ่งต่างกับฝ่ายรัฐบาล ข่าวอะไรที่เป็นคุณ มักจะเงียบ สื่อจะไม่ค่อยนำมาเล่น ไม่ว่าจะเป็น สื่อสิ่งพิมพ์ หรือ โทรทัศน์

เป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลต้องปรับ ยุทธศาตร์ ให้ทัน

นี่คือโจทย์ "ใหญ่" ที่ทางเพื่อไทยต้องแก้ให้ได้
[Continue reading...]

ปชป.จัดเวทีผ่าความจริง "ชน" เวทีเสื้อแดง

- 0 comments

ปชป.จัดเวทีผ่าความจริงบางเขน โจมตีการทำงานรัฐบาลทั้งจำนำข้าว พ.ร.บ.ปรองดอง

ที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ ย่านบางเขน พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดเวทีผ่าความจริง “หยุดกฎหมายล้างผิดคิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล” ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล ทั้งในและนอกเครื่องแบบ มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยประมาณ 3-4 กองร้อย เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการปะทะกับคนเสื้อแดง ที่ปักหลักปราศรัยชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ (อนุสาวรีย์ปราบกบฎ) ประมาณกว่า 500 คน นำโดยนายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา หรือเล็ก บ้านดอน ประธานกลุ่มภาคีพลังประชาชน (ภปช.) ซึ่งบริเวณที่กลุ่มคนเสื้อแดงปักหลักชุมนุมปราศรัยอยู่นั้น ห่างจากสถานที่จัดเวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถึง 2 กม. ขณะที่ภายในโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ ทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดการ์ด ซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อดำสกรีนคำว่าว่า “กระแบนธง”มายืนสังเกตการณ์กว่า 50 คน

ทั้งนี้บรรดาแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทยอยกันขึ้นเวทีปราศรัย โจมตีการทำงานของรัฐบาล ทั้งเรื่องทุจริตจำนำข้าว พ.ร.บ.ปรองดอง ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดยเล็ก บ้านดอน ได้ปราศรัย ขอร้องคนเสื้อแดงให้ชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง  ข่าวจากโพสทูเดย์

นี่คือการจงใจ "ที่จะให้เกิดความวุนวาย"  โดยการพูด กระตุ้น จงใจ ให้คนเสื้อแดง "เกิดความไม่พอใจ" และเกิดความวุ่นวาย

เป้าหลัก คือ"การจำนำข้าว" ซึ่ง ประชาธิปัตย์ ยังเล่นไม่เลิก เพราะเห็นว่าประเด็นนี้สามารถที่จะทำให้ "รัฐบาล" ถอยร่นกันเป็นขบวน ไม่สามารถที่จะชี้แจงรายละเอียดของโครงการได้

นอกจากนั้นก็อ้างถึงการโกงของ นายกทักษิณ จนเกิดคดีความ นำไปสู่การพิพากษา จำคุก 2 ปี
และใช้ข้ออ้างในคำสั่งนี้ไล่ล่า "นายกทักษิณ" มาตลอดการเป็นรัฐบาลของประชาธิปัตย์ จนผิดใจกับนานา ประเทศ เพราะในระดับสากล คดีนี้เป็นเพียงคดี "ทางการเมือง"

สำหรับข้อกล่าวหาอื่น ๆ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทั้ง ๆ ที่ องค์กรณ์ตรวจสอบมาจากการแต่งตั้งของกลุ่มผู้ที่มายึดอำนาจของนายกทักษิณ

หันมาดู โครงการ "โกงกิน" ของคน พรรคประชาธิปัตย์

เริ่มจาก นายชวน "ใจซื่อ มือสะอาด"  โครงการ โฮปเวลล์ จนต้องเสียค่าโง่ ถึง 9,000 ล้านบาท ยังไม่นับการบริหารประเทศช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 40  ทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาตร์ไทย

สมัยรัฐบาล อภิสิทธิ์ ก็มีการโกงกินกันอย่างมโหฬาร เช่น ชุมชนพอเพียง  ไทยเข็มแข็ง
การประชุม ครม.ทิ้งทวน รัฐบาลอภิสทธิ์ มาราธอน15 ชั่วโมง 244 วาระ เฉลี่ย 3 นาที ต่อเรื่อง นาทีละ 555 ล้านบาท

ยังมี โครงการ นโยบายอื่น ๆ ที่นับแทบไม่ถ้วน

สิ่เหล่านี้ คือ ชนัก คอยปักหลัง ของ พรรคประชาธิปัตย์ มาตลอด

เพียงแต่การพูด ซ้ำ ๆ ย้ำบ่อย ๆ ทำให้คนฟัง เชื่อ ว่าจริง จนกระทั่ง แม้กระทั่งคนพูดเอง ก็พลอยเชื่อไปด้วย

แต่ก็เป็นเรื่องแปลก องค์กร ตรวจสอบเกี่ยวกับความผิด การทุจริต ไม่เคยหยิบเอาเรื่องราวของประชาธิปัตย์มาพิจารณาจนกระทั่งเงียบหายไปในที่สุด

นี่คือความจริง ที่บนเวทีผ่าความจริงไม่ได้พูด

หมายเหตุ สามารถหาบทความเกี่ยวเนื่องได้ โดยคลิกที่ข้อความ "โฮปเวลล์" "ชุมชนพอเพียง" "ไทยเข้มแข็ง" "การประชุม ครม. 15 ชั่วโมง"
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger