Friday, August 9, 2013

ผ่าความจริง 62 เวทีเสียเปล่า! ควรทบทวนตัวเองและเริ่มต้นด้วยการ "เลิกโกหก" ตั้งแต่วันนี้ : เจเจ สาทร

- 0 comments
วันนี้ ได้มีโอกาสแวะไปดูม็อบที่สวนลุมฯ ตอน 6 โมงเย็น
ได้เดินสังเกตรอบๆ ตั้งแต่หน้าประตู มีการตรวจค้นกระเป๋าละเอียดยิบ ทั้งที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน้าเวทีตั้งตรงสามแยกพอดี มีเต็นท์กองทัพธรรมแจกอาหารทางด้านขวามือ เต้นอำนวยการทั่วไปเรียงรายด้านซ้ายมือ คนเดินผ่านเพื่อไปด้านหลังสวน กับคนมาออกกำลังกาย ต้องวิ่งผ่านทางแยก แต่คนนั่งอยู่ คนวิ่ง ก็วิ่งไม่ได้ ต้องหยุดและเดินเลี่ยงไป จำนวนคนหากไม่นับคนวิ่งคนเดินผ่านเลย ไม่เกิน 500 คน

คิดในใจว่าทำไมม็อบถึงจุดไม่ติด สงสารแต่คนแก่ๆ เดินไปมาอยู่รอบๆ ฟังบนเวทีสักพัก ก็พูดให้ความหวังตลอดเวลาเช่น มีข่าวดีว่า สมศักดิ์ โกศัยสุข ก็มาร่วมกับเราแล้ว (เย้ทีนึง) สนธิ ลิ้มทองกุล กำลังจะมาหาเราคืนนี้ (เย้กันอีกที) ตกลงว่าทั้งหมดทั้งปวงที่แพ้ราบคาบ ณ ขณะนี้เพราะเขาทั้งหมด (ย้ำว่าตั้งแต่ ปชป. สื่อเหลือง เว็บเพจสาวก ทั้งหมด) แพ้ราบคาบเพราะมัวแต่ “โกหกตัวเอง”

“ผ่าความจริง” เวทีแรก จนถึงเวทีสุดท้ายจบลง สรุปได้ชัดเจนว่า “เค้าเหนื่อยฟรี” ทำไมเหรอครับ เพราะเขา “โกหก” จนเคยชิน พูดปราศรัยบนเวทีด้วยข้อความที่ โกหกจนเกินความจริงไปมาก มากจนคนฟังเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อข้อมูลบนเวทีเท่าไร แต่เฮไปตามอารมณ์ แต่ข้อเท็จจริงที่พร่ำพูดกับมา 62 เวทีไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็น “พลังม็อบ” เลยหรือ?

หน้ากากขาว ไม่ต้องโกหกก็รู้ว่า ดำเนินการโดยคนของพรรคประชาธิปัตย์ การ์ดเอย คนนำเอย โฆษณาตามบลูสกายเอย หริโชคช่วยบิ้วสุดชีวิตอีก แถมเพจทั้งหมดทุกเพจทั้งหน้ากากขาวและเพจด่าฝ่ายตรงข้ามหยาบๆคายๆ ก็ล้วนเป็นของเครือข่ายสาวกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น ทำไมข้อมูลต่างๆที่เผยแพร่ และแชร์กัน และอ้างว่ามีแฟนคลับรวมกันเป็นล้านๆ ถึงออกมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถึง 2,000 คนในวันที่ 7 สิงหาคมละครับ?
ทำไมดีเดย์ ชุมนุมใหญ่ปราศรัยข้ามวันข้ามคืน ตอนตีสาม หน้าเวทีไม่มีคนเลยสักคน? แฟนคลับที่บอกว่าเหนียวแน่กลับหายหมด แต่ทนปราศรัยเพราะถ่ายทอดสด ทำไมคำพูดที่แสนทรงพลังของนายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงไม่สามารถจูงใจคนกรุงเทพที่รักพรรคฯ ให้ออกมาร่วมต่อสู้ละครับ
เพราะทั้งหมดของพรรคประชาธิปัตย์ “โกหกเป็นนิสัย” ไงครับ
โกหกตั้งแต่ในทีวี คนฟังย่อมอยากฟังเอามันส์ แต่เขาไม่ได้ “เชื่อ” ในสาระของรายการเลย

โกหกตั้งแต่จำนวนคนมาฟังปราศรัยตามเวทีต่างๆ รู้อยู่แก่ใจว่า “เกณฑ์มา” คนมาน้อย แต่อาศัยโบกธง อาศัยเทคนิคถ่ายภาพให้ดู “มาเป็นแสน” เลยหลงตัวว่า หากตัวเองเป่านกหวีด จะแห่ออกมา

โกหกตามเพจและเว็บต่างๆ ในเครือข่าย ด้วยข้อมูลเท็จ และหยาบคาย โกหกได้ทุกเม็ด โกหกทุกข้อความ เล่นทุกดอกแบบไม่สนใจความเป็นจริง เท่ากับ “ดูถูกแฟนคลับ”
ก่อนชุมนุมใหญ่ ทุกวันอาทิตย์ ที่มีชุมนุมหน้ากากขาว คนมาแค่หลักร้อย หรือพันต้นๆ ก็โกหกบิดเบือนข่าวตามเพจเครือข่ายตนเอง ให้ดูกลายเป็นหลักหมื่นด้วยสื่อฝ่ายของตน
แม้กระทั่งวันชุมนุมใหญ่ ยังโกหกคนทั้งประเทศ ด้วยการสั่งเกณฑ์ข้าราชการ กทม.มาร่วมชุมนุม สก.สข.ทุกเขตถูกสั่งระดมมาอย่างน้อยเขตละ 100 คน 50 เขตก็ควรมี 5000 อย่างน้อย แต่เอาเข้าจริงๆ ประชาชนที่ถูกเกณฑ์มา ต่างส่ายหัวไม่เอาด้วยเพราะรู้ว่า ถูกพรรคประชาธิปัตย์หลอกมาเจ็บ หลอกมาตาย เหมือนกับหลายๆครั้งในประวัติศาสตร์เช่นพฤษภา 53
ที่สำคัญที่สุด “ข่าวประจำวัน” ที่ส่งถึงผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็จัดทำโดยหนังสือพิมพ์ในเครือข่าย หัวข้อข่าว เนื้อข่าว ผ่านการบิดเบือน ตกแต่งข้อความกันใหม่ให้ “ดูดี” เสพแต่ข่าวฝ่ายตนจน “หลงเชื่อข่าวลวง-ตัดแต่ง” ที่ตนเองทำกันเอง และก็ตกจมอยู่ในกระแสข่าวเท็จทั้งหมดที่ตนสร้างมา
เมื่อถึงเวลา แทนที่จะได้ “เป่านกหวีด” กลับกลายเป็น “เป่าแตรนอน” ด้วยประการฉะนี้
[Continue reading...]

แทงกั๊ก...พูดไม่หมด ?

- 0 comments
คอลัมน์ หัวทิ้งหมัดเข้ามุม
สมิงสามผลัด

ข่าวสด
สภาผ่านวาระแรกไปแล้ว สำหรับพ.ร.บ.นิรโทษ กรรมฉบับวรชัย เหมะ

แม้จะเกิดความปั่นป่วนกันไปบ้าง

ส่วนม็อบที่พรรคประชาธิปัตย์ชุมนุมกันมาตั้งแต่ วันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา

ต้องบอกว่าไม่คึกคักเท่าที่ควร

ดูได้จากเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ส.ส.ปชป.เดินนำม็อบประมาณ 2 พันคนเดินจากเวทีใต้ทางด่วน อุรุพงษ์ไปถึงแยกราชวิถี

ก่อนปล่อยให้ม็อบเคว้ง สลายตัวไปเอง

เพราะผ่านด่านตำรวจไม่ได้

ตรงนี้ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่บรรลุเป้าหมาย

อาจเป็นเพราะ "เหตุผล-เงื่อนไข" ของการปลุกระดมไม่แรงพอ มวลชนก็เลยออกมากันไม่เยอะ

ม็อบคู่ขนานอย่างม็อบแช่แข็ง 2 ก็ไม่คึกคักเช่นกัน

สุดท้ายก็ไม่มีเหตุรุนแรง ไม่มีการปะทะ ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร

จะว่าไปแล้วการปลุกระดมให้มวลชนออกมาชุมนุมข้างถนนต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษฯ

ได้ทำให้ปชป.เสียภาพพจน์ตั้งแต่แรก
เพราะโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ยึดมั่นในระบบรัฐสภา
พอเข้าไปคัดค้านในระบบ ในสภา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านก็พูดไม่หมด พูดไม่ครบ
ให้เหตุผลว่าต้องเลื่อนพ.ร.บ.นี้ไปก่อน เพราะจะเกิดความแตกแยกในบ้านเมือง

อ้างคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้รัฐบาลนิรโทษกรรมให้พวกพ้อง

นิรโทษกรรมให้ผู้กระทำผิดมาตรา 112

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ยังอ้างว่าสำนักงานข้าหลวง ใหญ่แห่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ของยูเอ็นก็ต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับนี้เช่นกัน

ทั้งที่ข้อเท็จจริงในร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ นิรโทษฯ ให้เฉพาะผู้ชุมนุมทุกสีเท่านั้น

ไม่นิรโทษให้ผู้ที่กระทำผิดมาตรา 112

ไม่นิรโทษให้ผู้สั่งการ หรือแกนนำม็อบ

ส่วนเรื่องยูเอ็นก็พูดไม่หมด

เพราะยูเอ็นขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยให้หลักประกันว่า การนิรโทษกรรมใดๆ จะไม่ครอบ คลุมถึงผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และดำเนินการลงโทษผู้กระทำความผิดในเหตุละเมิดเช่นนี้
ไม่ได้ขัดกับแนวทางพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับวรชัย เหมะ โดยเฉพาะการไม่นิรโทษฯ ให้กับผู้สั่งการ

ผู้สั่งการจะต้องรับผิดชอบ!
[Continue reading...]

เบื้องลึก "ต้าน" นิรโทษ หวังให้ตนพ้นผิด

- 0 comments
จาก10 เมษา -19 พฤษภา 53 ซึ่งมีการล้อมปราบประชาชนที่มาชุมนุมทางการเมือง จนมีคนบาดเจ็บล้มตาย จากเหตุการณ์นี้ ร่วม 100 ศพ

การสืบสวนสอบสวนเพื่อที่จะหาผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ซึ่งต่างจาก ผู้ที่ออกมาชุมนุมทางการเมือง ถูกกล่าวหาว่าเป็น ผู้ก่อการร้าย ถูกจับดำเนินคดี ไปแล้วหลายราย ยังมีอีกหลายคนที่ยังติดอยู่ในคุก

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการชี้จากศาลว่า มีผู้ที่ตายหลายราย มาจากฝั่งทหาร และ 6ศพ ในวัดปทุมฯ ระบุชัดว่า มาจากปืนของทหาร ว่าเป็นรุ่นอะไรบ้าง

หลายคนอาจจะดีใจว่า มีโอกาสที่จะนำผู้สั่งการ และผู้กระทำความผิด มาลงโทษได้ตามกฏหมาย

ในขณะเดียวกัน ผู้ที่หลายคนคิดว่าจะตกเป็นผุ้ต้องหา กลับไม่สะทกสะท้าน  กล้าท้าให้ฟ้อง ให้ดำเนิน คดีและพูดในทำนองที่ว่า ตนไม่ได้กระทำความผิด

ย้อนไปในปี 53 รัฐบาลนายอภิสิทธิ โดยนายอภิสิทธิ์ เอง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และผู้ที่เกี่ยวข้อง อ้างถึงสาเหตุการตาย มาจากชายชุดดำ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายและผู้ก่อการร้ายทีแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม

การกล่าวอ้างเช่นนี้  มีให้เห็นบนเวทีปราศรัย จนกระทั่งปัจจุบัน พูดอย่างชัดเจนว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุม มีอาวุธ ร้ายแรงหลายชนิด และเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบมีอาวุธ 

นี่คือการกล่าวหาว่า คนที่ตายทั้งหมด ไม่ว่า ผุ้ชุมนุม หรือเจ้าหน้าที่ ตายโดยชายชุดดำซึ่งเป็นผู้ก่อการร้าย เป้นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย  (ถ้าได้ฟังการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ บนเวทีผ่าความจริง แม้กระทั่ง พูดในสภา วันที่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษ 7 - 8 สิงหาคม 56 ที่ผ่านมา) นี่คือ เป้าหมายหนึ่ง ที่ต้องการปัดความผิด ของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี และรองนายกฝ่ายความมั่นคง ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง

แต่หลังจากที่มีคำสั่งศาลออกมาชัดเจนว่า ผู้ที่ตายเป็นการกระทำจากเจ้าหน้าที่  นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ก็หาทางออกที่จะให้พ้นผิด ถ้าหากว่าสาวมาถึงผู้ที่สั่งการ

จะเริ่มชัดขึ้นเมื่อมี การเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษ ฉบับประชาชน   (ให้ดูในมาตรา 4)  มีหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ รีบออกมาเห็นพ้องด้วย แม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังมีความคิดเช่นนั้นอยู่ เพราะฉบับนี้ เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้นด้วย

นี่คือหมากตัวใหม่ ที่ทั้งอภิสิทธิ์  นายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ต้องการ นั่นคือปัดความผิดให้กับเจ้าหน้าที่

เพราะหลายครั้งที่ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ แม้กระทั่งพูดในสภา ในการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษฯ ครั้งที่ผ่านมาคือ

การปปฏิบัติเพื่อควบคุมการชุมนุม ในปี 53 ทางรัฐบาลในขณะนั้นมีคำสั่งชัดเจน ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ให้ปฏิบัติโดยวิธี ละมุน  ละม่อมอยู่ในกรอบของกฏหมาย ให้ปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก ตามหลักสากล

ประเด็นก็อยู่ตรงนี้ การที่เกิดการบาดเจ็บล้มตาย นั่นเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ กระทำนอกเหนือคำสั่ง

การต่อสู้ทางคดี ต้องยึดหลักฐาน วัตถุพยาน ที่ทางนายอภิสิทธิ์มี คือ คำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น

เพราะคำสั่งชอบด้วยกฏหมาย
[Continue reading...]

ทำไมหน้าปกมิติชนสุดสัปดาห์ ต้อง ...กลับบ้านเถอะลูก..คุ้น ๆ

- 0 comments
ทิ้งทุกหลักการ โดยเฉพาะวาทะ "เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา" ที่เคยยกมาเป็นคัมภีร์คุ้มตัว จากสถานภาพส.ส.ในสภา พลพรรคประชา ธิปัตย์กระโดดลงปลุกม็อบต้านรัฐบาลอยู่ข้างถนน

ครบชุดทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุเทพ เทือกสุบรรณ และชวน หลีกภัย

ไฮด์ปาร์กสนั่นลั่น นอกสภา

ระบุมาจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

การระดมมวลชนออกมาต่อต้านรัฐบาล เป็นการแสดงสิทธิเสรีภาพที่ยึดหลักของกฎหมาย

สำหรับคำถาม ส.ส.ประชาธิปัตย์จะลาออกจากการเป็นส.ส.เพื่อมานำการชุมนุม

 ตอบว่า "การทำหน้าที่ในสภาขณะนี้ยังจำเป็นในการคัดค้าน ขณะเดียวกันนอกสภาก็จะเดินหน้าเปิดเวทีผ่าความจริง และขึ้นเวทีต่างๆ"

 ปรากฏการณ์ในสังคมขณะนี้ ประชาชนจึงได้เห็นงานการปลุกม็อบของคู่หู "มาร์ค-เทือก"

 ปลุกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศ "หมางเมิน" ของมวลชนประดาคนเคยเป็นหนึ่งมิตรชิดใกล้

 หงอยเหงาอยู่ท่ามกลางปฏิกิริยา "ไม่เอาด้วย"

 เช่นเดียวกับชะตากรรมขององค์การพิทักษ์สยาม ที่เพื่อนตท.1 ของพล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ นาม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เปิดใจมาว่า เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อน แต่การทำงานทางการเมืองหรือการเคลื่อนไหวของพล.ร.อ. ชัย ไม่เกี่ยวกัน

 "มติชนสุดสัปดาห์" พาดปก "กลับบ้านเถอะลูก"

 สำนวนคุ้นหูประเทศไทยดีว่ามาจาก "ใคร" ที่สงบนิ่งอยู่ยามนี้

 ยามที่ม็อบประชาธิปัตย์พยายามจุดไฟอยู่นั่นแล้ว แม้ฟืนเปียกเต็มที

ที่มา : มติชน
[Continue reading...]

สภาผู้แทนฯ ที่ทรงเกียรติ ?

- 0 comments
“สภาฯ" เป็นสถานที่ให้ ส.ส. พูด ใช้ "ปาก" เป็นอาวุธ และทำงาน หากไม่มีใครพูด ก็ไม่มีสภาฯ เพราะที่สภาฯ จะได้ยินเสียง "อภิปราย" กันทั้งวัน บางครั้ง ไปถึงตี 1 ตี 2 หรือถึงเช้าก็เคยมี หากไม่มีเสียงอภิปราย แสดงว่า "สภาฯปิด"

แต่อย่างที่ทุกคนเห็น เวลามี "วาระสำคัญ" ของการประชุมสภาฯ จะมี "พวกเขา" และ "พวกเรา"

ส.ส. พรรคหนึ่งอภิปราย กระทบให้อีกพรรคหนึ่งเสียหาย

ส.ส.อีกพรรคหนึ่งประท้วง บอกว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องจริง พูดเท็จกลางสภาฯ ทำให้พรรคของผมเสียหาย"

หลังจากนั้นมีเสียง "ตะโกนด่า" โห่ไล่ จากสมาชิกอีกพรรคหนึ่ง และสมาชิกของพรรคฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นประท้วง ตามข้อบังคับที่ 61 “พูดจาวนเวียนซ้ำซาก พาดพิง ให้ร้ายบุคคลอื่น" จากนั้นเกิดการประท้วง ถกเถียงกันไปมาของสมาชิกทั้งสองพรรค ช่วยกันยกมือประท้วงตอบโต้กันวุ่นวาย จนไม่รู้เรื่อง

แล้ว ประธานสภาฯบอกให้หยุด และ "วินิจฉัย" โดยใช้ข้อ 8 ตาม “อำนาจของประธานสภาฯ" แต่ก็ยังไม่จบ มีคนประท้วงประธานสภาฯ ที่ยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งประท้วง แต่ไม่ยอมให้ตัวเองประท้วง เรียกว่า "ผมขอประท้วงผู้ที่กำลังประท้วง รวมถึงประท้วงท่านประธาน ที่ยอมให้อีกฝั่งประท้วง แต่ไม่ยอมให้ฝั่งผมประท้วง" เอากันเข้าไป

หนักๆเข้าไม่รู้จะทำอะไร อีกฝั่งหนึ่ง เสนอให้ประธานสภาฯ "นับองค์ประชุม"

เป็นการประชุมของ ส.ส. ในสภาฯผู้ทรงเกียรติ ที่ไม่ได้ประโยชน์ ไม่มีสาระ ไม่มีเหตุผล หากไปเปรียบเทียบกับ "การประชุมสภานักเรียน" ของหลานผม ดูแล้วมีเหตุผล มีสาระ ไม่เข้าข้างกัน ไม่มีเสียงโห่ฮาโหวกเหวก เป็นระเบียบเรียบร้อย มากกว่า "การประชุมสภาฯ" เสียด้วยซ้ำ

ผมคิดว่าไม่นาน การประชุมสภาฯของเรา คงเหมือนกับ "การประชุมสภาฯไต้หวัน"

ไม่เชื่อรอดู คงอีกไม่นานนี้


ที่มา ชูวิทย์ I'm No.5
[Continue reading...]

▶คลิป "ท่านประธานครับ ให้เกียรติผมเท่าคุณอภิสิทธิ์ ได้มั๊ยครับ ได้มั๊ยครับ" ดร สุนัย จุลพงศธร

- 0 comments
ขณะที่ ดร.สุนัย จุลพงศธร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กำลังอภิปรายร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ วรชัย เหมะ ประชุมสภา 7 สิงหาคม 2556


ก็ถูกตัดบทจากผู้ทำหน้าที่ ประธานสภา นายเจริญ จรรย์โกมล ซึ่งคล้าย กับสมาชิกท่านอื่นที่อยู่ฟากฝั่งรัฐบาล เมื่อถูดพาดพิง ที่จะชี้แจง ในหลาย ๆ ครั้ง  ทำให้การชี้แจง ในการใช้สิทธิพาดพิง  ไม่ได้ครบถ้วนขบวน ความ (ในกรณีที่ชี้แจงอยู่ในกรอบ)

เช่นเดียวกับรองประธานอีกท่านหนึ่ง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

สำหรับท่านประธานสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ครังนี้ถือ ว่าสอบผ่าน ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว

การชี้แจงของสมาชิก ถ้าอยู่ในกรอบ อยู่ในเวลา ไม่สมควรตัดบท ไม่ว่าฝ่าย ไหน

มีหลายครั้ง ประธานเอง ทำให้เกิดปัญหา แทนที่ให้เขาชี้แจง ซัก 1หรือ 2 นาที เลยเถิด ไปเป็น ครึ่ง ชั่วโมง หรือ เป็นชั่วโมงก็มี

ที่นำเสนอ เพราะรัก ถึง ติชม ติเพื่อ ก่อ ดีกว่า ยกยอให้เหลิง
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger