Thursday, October 17, 2013

รมว.พาณิชย์ "เผย" ไทยสามารถระบายข้าว 7 - 8 ล้านตัน ได้ในปี 56

- 0 comments
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับบริษัทผู้นำเข้าข้าวจากรัสเซีย โดยยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ขายข้าวแข่งและตัดราคากับภาคเอกชน แต่จะดูแลให้เกิดความเป็นธรรมในราคาที่ยุติธรรม โดยวางเป้าหมายที่ให้รัสเซียเป็นศูนย์กลางการกระจายข้าวไปยังกลุ่มประชาคมรัฐเอกราชหรือซีไอเอส 12 ประเทศ เพราะรัสเซียบริโภคข้าวค่อนข้างน้อยและยังมีการปลูกเองในประเทศอีก 5-6 แสนตัน ดังนั้นจึงไม่ได้วางให้รัสเซียเป็นเป้าหมายหลักมากนักแต่จะเน้นการขยายต่อไปยังกลุ่มซีไอเอสมากกว่า ขณะเดียวกันได้เสนอขายสินค้าเกษตรอื่น ๆ ด้วย เช่นปาล์มน้ำมัน รวมถึงหม้อหุงข้าว เพราะคนรัสเซียยังหุงข้าวโดยใช้วีธีแบบเดิม ๆ จึงทำให้ได้ข้าวสวยที่รับประทานแล้วไม่อร่อยและไม่มีคุณภาพ

ส่วนการหารือร่วมกับบริษัทโรสเท็กซ์ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจรายใหญ่ของรัสเซียที่ดูแลในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ได้ข้อตกลงเบื้องต้นร่วมกันที่จะขยายความร่วมมือทั้งการซื้อยางพาราจากไทย เพื่อนำมาผลิตสินค้าในรัสเซียและการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตยางพาราในไทย โดยปัจจุบันโรสเท็กซ์ซื้อยางพาราจากไทยอยู่แล้วประมาณ 5 หมื่นตัน ซึ่งจะพยายามผลักดันให้เพิ่มเป็น 3 แสนตันเพื่อรองรับความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ของรัสเซีย โดยในเดือนตุลาคมนี้รัสเซียจะส่งทีมงานมาเจรจาและดูพื้นที่ที่เหมาะสมในการก่อสร้างโรงงานผลิตยางพาราในไทยด้วย โดยทั้งหมดจะดำเนินการเพื่อนำไปสู่การลงนามในเอ็มโอยูในช่วงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้

นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวด้วยว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องการระบายสต๊อกข้าวสารในโครงการรับจำนำของรัฐบาล นั้น ล่าสุด อยู่ระหว่างเจรจาขายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลให้กับอีก 2-3 ประเทศ รวมยอดคำสั่งซื้ออีกประมาณ 1 ล้านตัน เพื่อส่งมอบภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี โดยเชื่อว่าในเร็ว ๆ นี้จะสรุปรายละเอียดทั้งหมดได้ เมื่อรวมกับการขายข้าวให้จีนอีก 1.2 ล้านตัน ที่เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายในเดือนตุลาคม นี้ รวมถึงการส่งมอบข้าวให้กับอิหร่านอีก 2.5 แสนตันภายใน 6 เดือน ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ รวมทั้งก่อนหน้านี้ได้มีการขายข้าวไปแล้วกว่า 4 ล้านตัน ทำให้มั่นใจได้ว่าในปี 56 นี้ ไทยจะส่งออกข้าวทั้งในส่วนสต๊อกของรัฐและของภาคเอกชนรวมกันแล้วประมาณ 7-8 ล้านตัน ตามเป้าหมายที่กำหนดแน่นอน.

ที่มา  : เดลินิวส์

[Continue reading...]

หม่อมอุ๋ย "คนเก่ง" เคยทำตลาดหนุ้น ร่วง 108 จุด เงินหายไป 8 แสนล้าน ภายในวันเดียว

- 0 comments
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หรือรัฐบาลที่เข้ามาจากการปฏิวัติ ได้ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกรับจำนำข้าว แนะจ่ายประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน
คลิกดูรายละเอียดของข่าว

โดยปกติ ผู้ที่จะแนะนำผู้อื่น ตัวเองต้องเก่งและเชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ

ซึ่งขณะที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการสกัดเก็งกำไรเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดให้สถาบันการเงินที่รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ต้องกันเงินสำรองเป็นเงินตราต่างประเทศไว้จำนวนร้อยละ 30 ของเงินตราต่างประเทศดังกล่าว ส่วนที่เหลือร้อยละ 70 ให้รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทให้แก่ลูกค้า 30 % ให้รับคืนได้หลังจาก 1 ปี และถ้าจะนำเงินออก ต้องเสียอีก 10 %
คลิกดูรายละเอียดของข่าว

มาตรการนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้นไทยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม อย่างหนัก 

ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับลดลงทันทีที่ตลาดเปิดซื้อขาย จากนั้นมีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเวลา 11.29 น.ดัชนีปรับลดลงเกินกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องหยุดซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที ตามระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ และเปิดทำการซื้อขายรอบใหม่อีกครั้งเวลา 11.59 น.แต่ก็ยังมีแรงเทขายออกมาไม่หยุด ซึ่งในช่วงบ่ายดัชนีหุ้นไทยไหลรูดลงไปต่ำสุดที่ระดับ 587.92 จุด ลดลงถึง 142.63 จุด คิดเป็น 19.52% เกือบจะต้องหยุดการซื้อขายตามระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์เป็นครั้งที่สอง 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นได้เริ่มมีแรงช้อนซื้อกลับเข้ามา ผลักดันดัชนีปรับขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 622.14 จุด ลดลง 108.411 จุด คิดเป็น 14.84% มูลค่าการซื้อขายรวม 72,131.55 ล้านบาท โดยเมื่อจำแนกการซื้อขายรายกลุ่มพบว่า นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ 25,121.58 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,895.52 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปมียอดซื้อสุทธิ 28,017.10 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 4.63 ล้านล้านบาท ลดลงไปถึง 8.2 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5.45 ล้านล้านบาท 


ทำให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาอัดยับในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์  คลิกดูรายละเอียด

ก็ถือว่าเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่งที่สามารถทำให้เงินหายไปจากตลาดถึง 8 แสนล้านบาทภายในหนึ่งวัน

 

[Continue reading...]

การประกันราคาของพรรคประชาธิปัตย์ สุจริต โปร่งใส ไม่โกง ชาวนาได้กำไร ?

- 0 comments
จากประเด็น Hot  ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล (หม่อมอุ๋ย) ส่งจดหมายเปิดผนึกให้นายกทบทวน นโยบายจำนำข้าว  เห็นว่าจากการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สร้างความสูญเสียทางงบประมาณไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000ล้านบาท แต่มีชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวใช้ช่องโหว่ทำการคอร์รัปชั่นหาประโยชน์ไปมากกว่า 110,000 ล้านบาท

ขณะที่ทางนายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาขาดทุนไม่ถึง 425,000 ล้านบาท ตามที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร นำตัวเลขมาชี้แจงแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดความโปร่งใส และมีช่องว่างให้เกิดการทุจริต  โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า รัฐบาลสูญเสียเม็ดเงินให้กับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวสูงถึง 115,831 ล้านบาท นั้นสามารถตรวจสอบได้ว่าชาวนาได้รับเงินจากการนำข้าวเข้าโครงการรับจำนำเต็ม 100%​ ทุกราย  เพราะตามเงื่อนไขระบุชัดเจนว่าเมื่อชาวนานำข้าวเข้าโครงการรับจำนำต้องมีใบรับรองที่จะได้จากการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งจะระบุน้ำหนักข้าวและจำนำข้าวที่เข้าโครงการชัดเจน ส่วนเงินที่ชาวนาจะได้รับจากการนำข้าวเข้าร่วมโครงการจะกำหนดในใบประทวน  ซึ่งชาวนาจะต้องนำใบประทวนไปเบิกกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ธ.ก.ส. จะนำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของชาวนา ไม่ได้เบิกจ่ายในรูปแบบของเงินสด  ดังนั้น เม็ดเงินจึงไม่รั่วไหลไปไหนอย่างแน่นอน  โดยยืนยันว่าโปร่งใส ตรวจสอบได้ 

 
นโยบายจำนำข้าวกับการเสียแชมป์ของไทย?

อวสานแชมป์ ภาพจากกรุงเทพธุรกิจ
หลายท่านอาจภูมิใจกับตำแหน่งนี้มากเพราะคิดว่าการส่งออกข้าวได้มากชาวนาก็จะได้เงินมากขึ้น แต่จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าการส่งออกอันดับ 1 ของโลกนั้นได้มาซึ่งการกดราคาข้าวจากพี่น้องเกษตรกร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกันรายได้ช่วยส่งเสริมให้พ่อค้าคนกลางกดราคาข้าวให้ถูกลง
ถามว่า ชาวนาจะภูมิใจกับตำแหน่งดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน? หากตนเองขายข้าวได้ในราคาที่ถูกเพื่อจะไปแข่งขันกันด้านราคาให้ประเทศไทยได้แชมป์ส่งออกข้าว

ในสถานการณ์ปัจจุบันราคารับจำนำข้าวของไทยแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน หากราคาข้าวในตลาดโลกไม่ขยับไทยอาจจะต้องเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่  ในขณะที่ชาวนาจะได้เงินมากขึ้นเพราะราคารับจำนำข้าวที่สูงขึ้น ซึ่งอาจจะต้องโยนคำถามกลับไปที่ชาวนาในฐานะผู้ปลูกข้าวว่าการรักษาแชมป์ส่งออกข้าวกับการขายข้าวได้ราคาดีขึ้นอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ?
 
 
 
โครงการประกันรายได้ ของพรรคประชาธิปัตย์

โครงการประกันรายได้เกษตรกร มาจากฐานคิดเรื่องหลักประกันความเสี่ยงเนื่องจากความผันผวนของราคาหรือกรณีเกิดการเสียหายของพืชผลการเกษตรจากภัยพิบัติต่างๆซึ่งจะเป็นหลักประกันว่าเกษตรกรจะได้เงินชดเชยกลับไปบ้าง โดยรัฐไม่ต้องไปเป็นผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ในตลาด

เพราะรัฐจะชดเชยส่วนต่างของราคาสินค้าให้เกษตรกร เช่น รัฐประกันราคาข้าวไว้ที่ตันละ 10,000 บาท แต่เกษตรกรขายข้าวได้ 5,000 บาท  รัฐก็จะชดเชยให้อีก 5,000 บาท ซึ่งเราเข้าใจกันแบบบนั้น แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เพราะรัฐบาลจะประเมินราคาขาย อยู่ที่ 8,000 บาท / ตัน ที่ได้จริง ๆ คือ 2,000 บาท

ในเรื่องการชดเชย รัฐจะมี  ข้อจำกัด   ในการชดเชยซึ่งรัฐจะทำการคำนวนคร่าวๆไว้แล้วว่าพื้นที่ปลูกข้าว 1ไร่ จะได้ข้าวกี่ตัน และรัฐจะชดเชยตามที่คำนวนให้ สมมติ 1 ไร่/1 ตัน ซึ่งรัฐจะทราบจำนวนไร่ของชาวนาจากการรลงทะเบียนของชาวนา


สำคัญที่สุดคือผู้ที่จะได้รับการประกันราคาจะต้องเป็นเจ้าของที่ดิน ผู้เช่าจะไม่ได้รับสิทธินี้


สิ่งที่ชาวนาจะต้องเจอก็คือการกดราคาของพ่อค้าคนกลาง เพราะอย่างไร รัฐก็ต้องจ่ายส่วนที่เหลืออยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามเงินที่จ่าย ก็เป็นเงินภาษีของประชาชนเช่นกัน และไม่ว่ากรณีใด ๆ รัฐก็ไม่ได้คืนจากเงินก้อนนี้
คลิกดูข่าวการประกันราคา ข้าวปี 52/53 ว่าใช้เงินไปเท่าไหร่ ชาวนาได้จริง ๆ เท่าไหร่

คลิกดูรายละเอียดการจำนำข้าว ปี 55

สรุป

๑. โครงการประกันราคามีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับพ่อค้าและโรงสีโดยไม่ต้องทุจริตก็มีกำไรมหาศาลจากการกดราคารับซื้อข้าว นี่เป็นลักษณะของการผันเงินออกจากคลังไปสู่พ่อค้าและโรงสีโดยตรง โดยที่ชาวนาสมประโยชน์จึงไม่มีเสียงร้องจากชาวนา และเป็นโครงการที่มีแต่การขาดทุนไม่โอกาสเสมอตัวหรือกำไร

๒. โครงการรับจำนำพ่อค้าและโรงสีไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการจะได้รับเพียงค่าเช่าโกดังเก็บข้าวเท่านั้น ทำให้พ่อค้าและโรงสีไม่พอใจได้ โครงการมีโอกาสได้ทั้งการขาดทุนน้อย ขาดทุนมาก หรือเสมอตัวหรือได้กำไรได้ แต่รัฐบาลต้องมีภาระในเรื่องการบริหารจัดการและงบประมาณเหมือนกับรัฐบาลเป็นพ่อค้าคนหนึ่ง ส่วนปัญหาการจ่ายเงินล่าช้าสามารถแก้ไขได้ด้วยการกำหนดขั้นตอนกระบวนการทำงานในการรับจำนำเพื่อให้สามารถจ่ายเงินให้กับชาวนาได้ทันทีดังนี้ (การชื้อขายพืชผลทางการเกษตรจะใช้วิธีและขั้นตอนตามเดียวกันนี้)

จากผลการวิเคราะห์และผลสรุปเห็นว่าโครงการรับจำนำดีกว่าแต่ต้องแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นก่อนซึ่งโกงง่ายตรวจสอบยาก  และราคาไม่ควรโดดสูงกว่าตลาดโลกมาก  เพราะรัฐบาลจำรับภาระไม่ไหว  สำคัญที่สุดรัฐบาลจะต้องแถลงข้อมูลที่ชัดเจนและแม่นยำ

ที่มา : ประชาทอร์ค

 


[Continue reading...]

ปชป.รุมอัด "นายกฯปู" ขายข้าวจีทูจีให้จีน เป็นจินตนาการที่ไร้ความรับผิดชอบ

- 0 comments
พรรคประชาธิปัตย์ ใช้ความพยายามโจมตี โครงการจำนำข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ

ตั้งแต่กล่าวหาว่าโครงการที่รัฐบาลใช้ ผิดพลาด ต้องประกันราคาถึงจะได้

ทั้งอ้างว่ามีการโกงทุกขั้นตอน

อย่างนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ขึ้นเวที ม็อบสวนลุม เมื่อ 2 ต.ค. 56 (เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา) บอกว่า ซ้ายก็โกง ขวาก็โกง  คลิกดูคลิปวีดีโอ

พอรัฐบาลออกมาแถลงข่าวเรื่องการเจรจาขายข้าวให้กับทางรัฐบาลจีน ว่าเป็นแบบ รัฐต่อรัฐ และเพิ่มปริมาณ จาก 1 ล้านตันภายใน 5 ปี มาเป็น ปีละ 1 ล้านตัน คลิกดูรายละเอียดของข่าว

ซึ่งรัฐบาลก็บอกชัดเจนว่าอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา

ออกมาบอกว่าเป็นแค่จินตนาการ  รัฐบาลไร้ความรับผิดชอบ   คลิกดูรายละเอียดของข่าวจากเดลินิวส์

ขายข้าวไม่ได้ ก็โจมตี

พอจะขายข้าวได้ ก็โจมตี

ตกลง พรรคประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไรกันแน่

เพราะใจจริงของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องการให้รัฐบาลระบายข้าวได้อยู่แล้ว  เห็นได้จากการขัดขวางทุกวิถีทาง

เพื่อที่จะจุดประเด็น โครงการจำนำข้าวให้ติด
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger