Saturday, September 7, 2013

แค่ขอโทษคงไม่พอ...ควรรับผิดชอบด้วยการลาออก

- 1 comments
จากเหตุการณ์ ที่นายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลุกขึ้นโยนเก้าอี้ในสภาพร้อมกับเดินไปชี้หน้านายวิสุทธิ์ ไชยณรุน ประธานในที่ประชุม เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 ดยอ้างว่า เครียด จากการกดดัน และได้ออกมาขอโทษต่อประชาชนในการกระทำของตนเอง

ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน เยี่ยงนักการเมือง ควรมี วุฒิภาวะสูงและความรับผิดชอบมากกว่า ประชาชนทั่วไป อย่างที่นายอภิสิทธิ์ เคยอภิปรายในสภา วันที่ 31 สิงหาคม 2551

การที่ไม่สามารถระงับอารมณ์ ที่เกิดขึ้นได้  ถือเป็นความบกพร่อง หรือผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อห้ามในการสมัคร ส.ส. อีกด้วย (ลักษณะต้องห้าม  ข้อ 4.4)
 
การมีโทษะอย่างรุนแรง จมควบคุมสติไม่อยู่ ถึงขนาด ทำลายข้าวของในสภา ถ้าหากมีอาวุธอยู่ในมือจะทำอย่างไร
 
พรรคที่เป็นต้นสังกัดอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่รีบออกมาแก้ต่างอทน อย่างนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  ทำหน้าที่เป็นประธานวิป ฝ่ายค้าน 2 คนนี้ถือเป็นผู้ใหญ่ในพรรค
 
หลาย ๆ คนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดง อาการเยี่ยงนี้ ถึงขนาด ไปดึงแขนประธานสภา ถึงขนาดขว้างแฟ้ม ใส่ประธาน อย่าง นายวรงค์ เดชกิจวิกรม
 
อย่างนายอรรถพร พลบุตร  ที่ถือป้าย หน้าบัลลังก์ ประธานสภา แล้ว ตะโกนว่า สภาทาส

 
 
และขาประจำอย่างนายวัชระ เพชรทอง ที่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ ฝ่าคำสั่งของผู้ที่ทำหน้าที่ประธานสภา
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ ทำผิด ระเบียบข้อบังคับของสภาทั้งสิ้น

ในครอบครัว กลุ่มคน ในสังคม ประเทศชาติ ล้วนแต่มีกฏ ระเบียบข้อบังคับทั้งสิ้น การมีกฏระเบียบข้อบังคับ ซึ่งระดับประเทศเราเรียกว่า กฏหมาย เพียงเพื่อให้ทุกคนอยู่รวมกันอย่างมีระเบียบ เรียบร้อย

ที่สังคมวุ่นวายอยู่ในทุกวันนี้ก็เพราะมีคนกลุ่มหนึ่ง ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ ไม่เคารพสิทธิ์ของผู้อื่น เพราะมนุษย์ทุกคนไม่ต้องการให้ใครก้าวล่วงสิทธิ์ของตนเอง  ไม่ว่า เราหรือท่าน ก็เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชน ควรปฏิบัติตน ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีของสังคม มีวุฒิภาวะและความรับผิดชอบมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

การอ้างว่าเพราะได้รับแรงกดดัน ต้องกระทำเช่นนั้น จึงฟังไม่ขึ้น
[Continue reading...]

เอแบคโพล 67.1 % ชี้ ส.ส. ทุ่มเก้าอี้ในสภา เป็นพฤติกรรมที่แย่ ถึงแย่มาก

- 0 comments
เอแบคโพล  ชี้ คนส่วนใหญ่ในสังคม ถึง 91% ระบุพฤติกรรม ส.ส. ทุ่มเก้าอี้กลางสภาผู้แทนราษฏร เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน หนุนตั้งกรรมการสอบเอาผิด แนะ 4 ข้อ ป้องกันและแก้ปัญหา...

วันที่ 7 ก.ย. 56 ดร.นพดล กรรณิกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา กระทรวงวัฒนธรรม และประธานเครือข่ายวิชาการทำประชาพิจารณ์และสาธารณมติเพื่อนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดโครงการวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความเป็นแบบอย่างให้เด็กและเยาวชนของสมาชิกผู้ทรงเกียรติ และการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น  1,197 ตัวอย่าง ดำเนินการออกแบบสอบถามระหว่างวันที่ 5-6 ก.ย. 56 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน พบว่า

ทั้งนี้ ตัวอย่างส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 92.6 ทราบข่าว ส.ส.ฝ่ายค้าน ทุ่มเก้าอี้แสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของประธานในสภาผู้แทนราษฎร มีเพียงร้อยละ 7.4 ซึ่งยังไม่ทราบข่าว โดยส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 84.5 ระบุกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน หลังมีพฤติกรรมการทุ่มเก้าอี้ของ ส.ส. ในสภาผู้แทนฯ ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ ร้อยละ 91.0 ระบุกระทบต่อการเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของสุภาพบุรุษ สมาชิกผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎรต่อเด็กและเยาวชน ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 67.1 ระบุพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่แย่มาก ถึงมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 32.9 ระบุน้อย ถึงไม่แย่เลย โดยส่วนใหญ่ คิดป็นร้อยละ 73.6 ระบุว่าควรตั้งกรรมการสอบเอาผิดด้านจริยธรรม ความประพฤติของ ส.ส. คนที่ทุ่มเก้าอี้ในสภาผู้แทนฯ และส่วนใหญ่ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 61.9 เห็นควรตั้งกรรมการสอบการทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ในขณะที่เพียงร้อยละ 38.1 ระบุไม่ควร ทั้งนี้ ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 62.5 คิดว่าผู้ใหญ่ในสังคมคง ปล่อยให้เกิดพฤติกรรมเสื่อมเสียของสมาชิกเกิดขึ้นต่อไป อีกร้อยละ 37.5 คิดว่าผู้ใหญ่ในสังคมจะเอาจริงเอาจังแก้ไขในสิ่งผิด

กรรมการด้านผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา กระทรวงวัฒนธรรม และประธานเครือข่ายวิชาการทำประชาพิจารณ์ฯ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวต่อว่า ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่ค้นพบครั้งนี้ น่าจะชัดเจนเพียงพอว่า ประชาชนตอบโต้กับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของ “ต้นแบบ” ของสังคม ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาอันทรงเกียรติ อย่างน่าพิจารณา เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ความเสื่อมเสียครั้งแรก ที่สาธารณชนรับทราบ แต่เคยรับทราบกันมา ทั้งการดูภาพโป๊เปลือย การท้าตีท้าต่อย การใช้ถ้อยคำรุนแรง การขว้างปาสิ่งของ และล่าสุด การทุ่มเก้าอี้ เป็นต้น แต่สังคมของกลุ่มคนที่น่าจะเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีแห่งสภาอันทรงเกียรติ ก็ปล่อยให้เกิดซ้ำซาก กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นกัน ต่อไปอาจจะมีเรื่องร้ายแรงบานปลายขึ้นได้ในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ ดังนั้น จึงต้องมีแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาที่น่าพิจารณา ดังนี้

ประการแรก ต้องใช้กระบวนการด้านจริยธรรมและความประพฤติของสภาอันทรงเกียรติเข้าดำเนินการเอาผิดเร่งด่วน ทั้งในเรื่องการดูภาพโป๊เปลือย การท้าตีท้าต่อย การใช้ถ้อยคำรุนแรง และการทุ่มเก้าอี้ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ของคณะบุคคลในสถาบันและสภาอันทรงเกียรติ เกิดขึ้นให้เห็นกันในสายตาของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ จนเด็กๆ เหล่านั้นอาจลุกขึ้นชี้หน้าบอกผู้ใหญ่ในสังคมว่า “อย่ามาริบังอาจสอนพวกเรา” ผลที่ตามมาก็คือ บ้านเมืองและสังคมโดยรวมในปัจจุบันและอนาคต อาจจะเลวร้ายจนความเป็นไทยที่รักความสงบสุข ก็ยากจะรักษาไว้ได้

ประการที่สอง กลไกของสภาอันทรงเกียรติ ต้องทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพในการควบคุมให้สมาชิกมีพฤติกรรมที่เหมาะสม มากกว่ามีพฤติกรรมแบบพวกล้าหลังของการพัฒนา และหากปล่อยให้เกิดขึ้นเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำลายความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยและฝ่ายการเมือง เพราะฝ่ายการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ต้องทำหน้าที่ลดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ไม่ใช่กลายเป็นตัวปัญหาความขัดแย้งเสียเอง ดังนั้น ทั้งผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมและผู้ที่ทุ่มเก้าอี้ ต้องถูกตั้งกรรมการสอบทั้งสองฝ่าย เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตต่อไป

ประการที่สาม สื่อมวลชนและสังคม น่าจะตัดสินใจดำเนินการประจานความไม่เหมาะสมในพฤติกรรมของทั้งสองฝ่ายให้สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง อันจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศจำได้ว่าใครมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร ที่อาจส่งผลต่อคะแนนนิยมภาพรวมของพรรคการเมืองได้ ถ้าประชาชนในระดับพื้นที่ยอมรับได้พฤติกรรมรุนแรงเช่นนี้

ประการที่สี่ ขอให้ผู้ใหญ่ในสังคมช่วยกันพิจารณาถึงกลไกควบคุมความวุ่นวายในสังคม อันเกิดจากพฤติกรรมของ “คนต้นแบบ” ที่สามารถกลายเป็น “ต้นตออันตราย” ในหมู่เด็กและเยาวชน จนลอกเลียนแบบกันในที่ต่างๆ ที่มี “เก้าอี้” ทั้งที่บ้าน ห้องเรียน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง และที่สาธารณะทั่วไป ที่จะเป็นอันตราย ไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนอื่นๆ ที่สัญจรไปมาอย่างน่าเป็นห่วง.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger