Tuesday, September 10, 2013

วิทยา "ลั่น" แก้รัฐธรรมนูญเสร็จ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญแน่ ท้า ใครเร็วกว่ากัน

- 0 comments

ขณะที่อภิปรายการแก้ไข รัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. มาตรา 10 นาย วิทยา แก้วภาราดัย ประกาศลั่นกลางสภา ว่าถ้าหากเสร็จเมื่อไห่ ทางพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที

จากท่าทีการคัดค้าน ไม่เห็นด้วยของพรรคฝ่ายค้าน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีที่มาของ ส.ว. กระทำทุกวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการยื้อ โดยอาศัยข้อบังคับ การประท้วง บางครั้งประท้วงฝ่ายตัวเองในขณะที่อภิปรายอยู่ก็มี

ในความเป็นจริง ประเด็นของการอภิปราย มีไม่มาก เพราะโดยความเป็นจริง อภิปรายในประเด็นที่ ผู้อภิปรายสงวนคำแปรยัติไว้

ทางฝ่ายค้านได้อภิปรายว่า ทางประธานกรรมาธิการ การแก้ไข และฝ่ายรัฐบาล พยายามเร่งรีบ รวบรัดตัดตอน พยายามใช้พวกมากลากไป

ในความเป็นจริง หากนับเวลาการพิจารณาจนถึงขณะนี้แล้ว วันที่ (10  กันยายน 56 ) ฝ่ายค้านใช้เวลาไป 28 ชั่วโมง 24 นาที 31 วินาที รัฐบาลใช้ 1 ชั่วโมง 25 นาที สมาชิกวุฒิสภา 15 ชั่วโมง 15 นาที ประท้วง 47 ชั่วโมง 8 นาที แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ฝ่ายค้านขณะนั้นใช้เวลาเพียง 9 ชั่วโมง รัฐบาล 9 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา 7 ชั่วโมง ประท้วง 4 ชั่วโมง

คลิกดูรายละเอียดเรื่องเวลาการประชุมสภา กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ จาก เดลินวส์
[Continue reading...]

ส.ส. ประชาธิปัตย์ "โวย"ว่าถูกข่มขู่จาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยและประธานต้องปกป้อง

- 0 comments
การประชุมสภาในการพิจารณา แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. มีความวุ่นวาย ขึ้นอีกครั้งเมื่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า ถูกข่มขู่จาก นายวรชัย เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีการประท้วง กันอยู่ระยะหนึ่ง

นายธนิตพล ไชยอนันต์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ประธานต้องรับผิดชอบ เพื่อศักดิ์ศรีของสภา ถ้าหากฝ่าย ส.ส.ฝ่ายค้านถูกข่มขู่ คนแรกที่มาปกป้อง คือท่านประธาน
[Continue reading...]

คลิป วิเคราะห์ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของ "ประชาธิปัตย์" จากห้องข่าวเนชั่น

- 0 comments

ท่าที ของประชาธิปัตย์ ในหลาย ๆ กรณ๊  ในขณะนี้ถูกตั้งคำถามถึง ความเหมาะสม เพราะอดีตที่ผ่านมาทางพรรคมักจะถูกยกย่อง ในเรื่องความสุภาพ และการต่อสู้ในหลักการ
               ห้องข่าวเนชั่น  :ห้องข่าวเนชั่น  : 9 ก.ย.56 - ท่าทีในหลายกรณี ของประชาธิปัตย์ ในขณะนี้ถูกตั้งคำถามถึง ความเหมาะสม เพราะอดีตที่ผ่านมาทางพรรคมักจะถูกยกย่อง ในเรื่องความสุภาพ และการต่อสู้ในหลักการ  แต่ที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความไม่สุภาพ ที่เกิดขึ้นในสภา หรือ การปราศรัยของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ในเวทีผ่าความจริง ที่เขตยานนาวา เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา และมีการใช้ถ้อยคำที่น่าตั้งคำถาม แม้ว่าจะแก้ตัวว่าหลายอย่างที่ทำ เพราะต้องสู้กับเสียงข้างมาก และพฤติกรรมของประธานในที่ประชุม แต่พรรคอาจจะต้องมา ทบทวนว่าที่สิ่งที่ทำนั้นเหมาะสมจริงหรือไม่
คลิกชมคลิป 
[Continue reading...]

12 ส.ส.หญิง ปชป โต้ ส.ส.หญิงเพื่อไทย มาร์คไม่ได้ด่า "นายก" สามารถวิจารณ์ได้

- 0 comments

วันที่ 10 ก.ย. เวลา 14.40 น. ที่รัฐสภา 12 สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรหญิงพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ส.ส.กทม. นางอัญชลี วานิชเทพบุตร บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณี กลุ่มส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาขอโทษในการใช้คำพูด "อีโง่"ในการปราศรัย

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม. กล่าวว่า คนที่จะเข้ามาเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นนักการเมืองโดยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์ อย่าหยิบยกว่าพอเป็นผู้หญิงแล้วสังคมวิจารณ์ไม่ได้ จึงอยากให้ ส.ส.ผู้หญิงนอกจากจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรแล้ว ควรทำให้เป็นตัวอย่างว่าหญิงชายเท่าเทียมกัน และผู้หญิงสามารถเผชิญอุปสรรค์ และคำวิพากษ์วิจารณ์ได้ หากพรรคเพื่อไทยต้องการชูบทบาทนายกฯ ก็ควรเปิดโอการสให้นายกรัฐมนตรีได้แสดงปฏิภาณไหวพริบในแก้ปัญหา แล้วสังคมจะเห็นประจักษ์ในความสามารถของนายกรัฐมนตรีเอง

คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม จากเดลินิวส์
[Continue reading...]

ครูสวมเครื่องแบบ ดีกว่ามั๊ย ?

- 0 comments

อย่างที่ทราบกันว่าสถานการณ์การศึกษาของไทยตกต่ำรุนแรง และทุกภาคส่วนย่อมต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ ไม่ใช่โทษแต่เพียงเด็กที่เป็นเพียงผู้รอรับผล "ครู-อาจารย์"ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างสูงต่อปัญหา

เครื่องแบบนั้น มีบทบาทและความสำคัญต่อสังคมการศึกษาไทยอย่างสูง ใครที่ตั้งคำถามหรือต้องการยกเลิก จึงสมควรที่จะได้รับการประนามอย่างถึงที่สุด 

เมื่อเราเห็นความสำคัญเช่นนี้แล้ว เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการศึกษาไทย จึงขอเสนอระเบียบใหม่ บังคับครู-อาจารย์ทุกคน ทุกระดับ สวมใส่เครื่องแบบทุกวันระหว่างเวลาราชการ! (เพิ่มพิเศษระเบียบทรงผม สำหรับครูระดับประถม-มัธยม)

ข้อดีของระเบียบนี้คือ
--------------------
1 ไม่เสียเวลา 
--------------------
ครูไม่ต้องเสียเวลามากนักกับการแต่งตัว ตื่นเช้ามาไม่ต้องคิดว่าจะใส่ชุดอะไร แน่นอนระเบียบนี้รวมไปถึงการห้ามแต่งหน้าทาปากด้วย เพื่อที่ครูอาจารย์จะไม่ต้องไปห่วงเรื่องแฟชั่นหรือความงามอันเป็นสิ่งไร้สาระ เมื่อไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเลือกชุดหรือแฟชั่นแล้ว ดังนี้แล้วครูทุกคนก็จะใช้เวลาโฟกัสอยู่ที่การสอนเท่านั้น คุณภาพการศึกษาก็จะดีขึ้น

--------------------
2 รู้บทบาท แยกแยะได้ง่าย 
--------------------
การมีเครื่องแบบจะทำให้ผู้สวมตระหนักถึงบทบาทตนเอง การสวมใส่ไว้ทุกวันตลอดเวลา ช่วยให้ครูตระหนักในหน้าที่ตลอดเวลา การสวมชุดนอกทำการสอนจะทำให้ครูวอกแวกลืมนึกถึงว่าตนคือครู รวมถึงนักเรียนนักศึกษาอาจแยกแยะไม่ออก เกิดการลามปามปีนเกลียว ไม่รู้บทบาทและการปฏิบัติตัวระหว่างกัน

ปัญหานี้ยิ่งเลวร้ายเมื่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นพื้นที่เปิด การไม่สวมใส่เครื่องแบบอาจารย์เลย จะไม่สามารถแยกแยะออกระหว่างแม่ค้าท่าพระจันทร์บุคคลภายนอกอื่นๆกับอาจารย์ได้เลย ทำให้ไม่ได้รับความยำเกรงจากนักศึกษา ประสิทธิภาพในการเรียนการสอนก็จะตกต่ำลง

--------------------
3 ประหยัดค่าใช้จ่าย 
--------------------
เครื่องแบบเพียงไม่กี่ชุด สามารถใส่ปฏิบัติงานได้ตลอดอายุราชการ(คุ้มค่ากว่าชุดนักศึกษาที่ใส่แค่ 4 ปี) ชุดหนึ่งสามารถใช้ ได้ 8-10 ปี หากอายุราชการ 30 ปี ก็ใช้เพียงไม่กี่ชุด สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าครูไทยมีปัญหาเรื่องหนี้และการกู้ยืม ชุดเครื่องแบบจะช่วยให้เกิดความประหยัดมัธยัสถ์ แก้ปัญหาหนี้ออมทรัพย์หนี้นอกระบบ ยกระดับคุณภาพชีวิตครู

--------------------
4 ปลูกฝังความภูมิใจในสถาบัน 
--------------------
ความภาคภูมิใจเป็นสิ่งสำคัญที่ใช้ในการขับเคลื่อนการทำงาน หากปราศจากความรู้สึกว่าเรามีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรีแล้ว คนไทยคงไม่สามารถมีแรงขับเคลื่อนในการทำงานใดๆได้ เครื่องแบบจะช่วยขับเน้นเกียรติยศศักดิ์ศรีได้ดี ตรงกันข้าม ชุดสุภาพอื่นที่ไม่ใช่ชุดราชการ เป็นการลดเกียรติยศของครูให้ตกต่ำขาดความยำเกรง

--------------------
5 ความเท่าเทียมกัน 
--------------------
ครูบางท่านมีฐานะดี บางท่านยากจนจำเป็นต้องกู้ยืมเงินออมทรัพย์ การเท่าเทียมกันในชุดข้าราชการครู ไม่ต้องแข่งขันประชันหรือแบ่งแยกฐานะด้วยการแต่งตัวกัน

--------------------
6 ฝึกฝนระเบียบวินัย 
--------------------
แน่นอนว่านี่คือข้อดีสูงสุดของการมีเครื่องแบบ ปัญหาการศึกษาไทยส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ครูไม่มีระเบียบวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องแบบข้าราชการครู ที่มีรายละเอียด เข็มตรา ป้ายชื่อ อินธนู แพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฯลฯ จะเป็นการฝึกระเบียบและสติของครูได้ทุกเช้า

--------------------
7 ให้เกียรติสถานที่ 
--------------------
โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์มีเกียรติ โดยเฉพาะสถาบันไหนที่มีอายุเก่าแก่ เกียรติยศความศักดิ์สิทธิ์ก็จะยิ่งสูง การสวมใส่ชุดนอกจึงเป็นดังการดูหมิ่นสถาบัน ไม่ให้เกียรติต่อสถานที่ ไม่เคารพต่ออาคารเรียน ต่อตึกคณะ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความเคารพในฐานะที่เป็นสถานที่ให้ความรู้ และการแสดงความเคารพก็แสดงออกได้ผ่านการแต่งเครื่องแบบที่สมบูรณ์ถูกต้องนี่เอง

--------------------
8 ลดความต้องการทางเพศ 
--------------------
ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศเพื่อแลกกับเกรด มีให้ได้ยินอยู่เป็นระยะๆ การสวมเครื่องแบบเต็มที่ทุกฝ่าย นอกจากจะทำให้ผู้สวมใส่ตระหนักในบทบาทความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังดูไม่ดึงดูดใจต่อเพศตรงข้าม ลดความกำหนัด แก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศในสถาบันการศึกษาได้

--------------------
9 น่ารัก ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย งามตา
--------------------
ลองนึกภาพครูที่ยืนกันที่หน้าเสาธง หรือเดินกันในมหาวิทยาลัยโดยสวมเครื่องแบบเต็มยศ เป็นภาพที่ดูเรียบร้อย งามตา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่างชาติก็มองด้วยความชื่นชม

--------------------
10 เป็นแบบอย่างที่ดีของนักเรียน 
--------------------
"ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน" เมื่อมีการเรียกร้องให้นักเรียน นักศึกษาแต่งเครื่องแบบ ไม่มีคำสอนหรือบทลงโทษใดดีไปกว่า การที่ครูต้องทำเป็นตัวอย่างเอง หากอาจารย์ที่คอยตรวจเครื่องแบบนักศึกษา ยังไม่แต่งเครื่องแบบเอง แล้วจะหาความชอบธรรมใดไปตักเตือนผู้อื่น?

เพื่อป้องกันข้อครหานี้จากนักเรียนนักศึกษา หนทางเดียวคือครูต้องสวมเครื่องแบบ ปฏิบัติตนไม่ให้นักเรียนนักศึกษาว่าเอาได้


มีข้อดีมากดังนี้แล้ว ก็ขอให้ทุกท่านร่วมกันตั้งคำถามต่อสังคม ต่อครูอาจารย์ ขับเคลื่อนข้อเสนอนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการศึกษาไทยกัน พร้อมคำขวัญ  "ไม่สวมเครื่องแบบ ไม่ให้เข้าห้องสอน ไม่ให้เงินเดือน"

ข้อเสนอนี้ทั้งสมเหตุผลและมีความเป็นไปได้จริง ดังนั้นครูอาจารย์ทุกท่านย่อมเห็นด้วยและพร้อมปฏิบัติตามอยู่แล้ว หากครูอาจารย์ท่านใดไม่เห็นด้วยหรือโต้แย้ง ย่อมถือเป็นผู้เห็นแก่การแต่งตัวแฟชั่นหรือความสะดวกสบายส่วนตัวเป็นใหญ่ ไม่เห็นแก่ส่วนรวม หยามหมิ่นบทบาทหน้าที่ตนเองและสถาบันการศึกษาอันเป็นที่รักของเราทุกคน 

ด้วย"เครื่องแบบ"ที่เข้มงวดทุกภาคส่วน ทั้งครูอาจารย์และนักเรียน ปัญหาการศึกษาไทยแก้ไขได้ลุล่วงแน่นอนค่ะ ร่วมลงมือแก้ไขเสียแต่วันนี้ ก่อนที่เราจะสิ้นชาติกัน

ที่มา  Facebook Newculturethai 
[Continue reading...]

วุฒิภาวะ สปิริต ความรับผิดชอบ เชน เทือกสุบรรณ กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

- 0 comments
เหตุจากเวทีผ่าความจริง วันที่ 7 กันยายน 2556 ที่วัดดอกไม้ เขตยานนาวา จากกรณี นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวคำด่า นายก "ปู" ว่า อีโง่ จนเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ กันอย่างกว้างขวาง

แทนที่นายอภิสิทธิ์ จะฉุกคิดสำนึกในการกระทำ ยังออกมาโต้ว่า ในสิ่งที่ตนพูดไม่ได้ว่าใคร ใครเดือดร้อน (คลิกดูรายละเอียด)

จากการพูดของนายอภิสิทธิ์ ชี้ให้เห็นถึงความไม่มีวุฒิภาวะ

ถ้ากลับไปดูลูกพรรค นายเชน เทือกสุบรรณ ฟิวส์ขาด ทุ่มเก้าอี้ในสภา (คลิกดูรายละเอียด) จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน  แต่นายเชน เทือกสุบรรณ ออกมาขอโทษประชาชน  กรณีเช่นนี้ ยังนับว่าเป็นลูกผู้ชายมากกว่า แม้ว่าการกระทำนั้นไม่เหมาะสม และควรที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส.ก็ตาม

จะเรียกว่าสปิริต หรืออย่างที่นายอภิสิทธิ์ เคยอภิปรายในสภา ต่อท่าน นายกสมัคร สุนทรเวช ว่า ความรับผิดชอบของนักการเมือง ย่อมมีมากกว่าคนทั่วไป

ฟังคำพูดแล้วดูดี แต่ไม่เคยนำมาใช้ในการปฏิบัติ

ในหลาย ๆ ครั้งที่นายอภิสิทธิ์ ไม่เคย ออกมาแอ่นอกรับผิดชอบ อย่างลูกผู้ชายเช่นนายเชน เทือกสุบรรณ (คลิกดูรายละเอียด)

จากกรณีที่ใช้เอกสารปลอม เข้ารับราชการทหาร นายอภิสิทธิ์ บอกว่า คนใช้ไม่ผิด ผิดที่คนออกเอกสาร

จากการที่มีคนออกมาประท้วง แล้วบาดเจ็บล้มตาย แม้ว่าจะยังไม่ถึงการชี้ผิด ถูกว่าเกิดจากใครโดยศาล (ซึ่งการดำเนินคดีต้องถึงที่สุด) แต่ในถานะที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลในขณะที่เกิดเหตุ ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ

ผิดกับขณะที่เป็นฝ่ายค้าน ในกรณีสลายการชุมนุม ปี 51 นายอภิสิทธิ์ ออกมาพูดว่า ไม่ว่าคนหนึ่งคนหรือแสนคนออกมาเรียกร้อง รัฐฯ ต้องฟัง ต้องรับผิดชอบ คลิกฟังคลิป

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดอย่าง กระทำอีกอย่างเสมอมา จนมีวาทะกรรมว่า "ดีแต่พูด"

ถ้าใครฟังคลิป การปราศรัย ที่วัดดอกไม้บนเวทีผ่าความจริง วันที่ 7 กันยายน 56 ที่ผ่านมา คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่าการพูดนั้น นายอภิสิทธิ์หมายถึงใคร ชัดเจน ไม่ต้องแปล ไม่ต้องให้ใครมาตีความ

ปรากฏการณ์ทั้งหมด  เป็นการบกพร่องทางอารมณ์ เป็นอาการป่วยทางจิต หรือจะเรียกว่าเป็นโรคจิตก็ได้

เหมาะสมหรือไม่ที่ให้คนมีอาการบกพร่องทางจิต มาดำรงในตำแหน่งสำคัญของบ้านเมือง มาเป็นตัวแทนของประชาชน

คนที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน ควรสง่างามมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ

การที่เรามีตัวแทนของเราไปทำอะไรที่เสียหาย การกระทำนั้น ย้อนมาถึงคนที่เลือกเข้าไปด้วยหรือไม่ เช่น กรณีมีนักกีฬา ไปชกต่อยขณะที่แข่งขันในต่างประเทศ มีหลายคนบอกว่าอายแทบเอาปี้บคลุมหัว

หมายถึงว่าอายไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน


[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger