Sunday, September 8, 2013

องค์กรผู้หญิง "รุมจวก" มาร์คด่านายก "อีโง่" ชี้ขาดภาวะผู้นำ

- 0 comments
องค์กรสตรีซัด"มาร์ค"ดูถูกผู้หญิง

คลิกที่นี่ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม จาก เดลินิวส์
จาก กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยเวทีประชาชนเดินหน้าผ่าความจริง ที่วัดดอกไม้ ยานนาวา เมื่อค่ำวันที่ 7 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา ระบุถึง นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางไปต่างประเทศบ่อย และเวลาอยู่ในประเทศก็ไม่เข้าร่วมประชุมสภา หลบเลี่ยงการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า "นายกฯ ก็หลบเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ ผมดูไม่ออกว่าที่อยู่ในประเทศมา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ไปทำอะไรบ้าง เมื่อเช้าเห็นแว้บๆ มีข่าวไปทำอะไร โครงการอะไร สมาร์ทเลดี้ แปลว่าอะไร ผมไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมด เหมือนจะประกวดหา สมาร์ทเลดี้ แปลว่าอะไร สมาร์ทเลดี้ นี่ผมถามอภิมงคล  แล้ว แปลว่าผู้หญิงฉลาด แต่นี่ผมก็ถามว่า แล้วถ้าทำโครงการนี้ ทำไมต้องทำ ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด ทำไมต้องประกวดผู้หญิงฉลาด เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหาอีโง่ ไม่มีใครไปแข่งได้" (คลิกที่นี่ ดูคำปราศัยว่า "อีโง่" ย่อหน้าที่ 12 เว็บประชาธิปัตย์) จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโซเชี่ยลมีเดีย

วัน เดียวกัน นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ซึ่งผอ. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คำปราศรัยดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ เป็นคำปราศรัยที่ดูถูกผู้หญิงเกินไป พูดไม่ไห้เกียรติผู้หญิง นายอภิสิทธิ์ไม่ควรพูดอย่างนี้ ผลที่ตามมาทำให้ภาพลักษณ์นายอภิสิทธิ์ดูไม่ดี เหมือนไม่ให้เกียรติผู้หญิง เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ผ่านมาเวลานักการเมืองฝ่ายตรงข้ามโจมตีและวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มักจะเป็นในลักษณะว่าเป็นคนไร้ความรู้ความสามารถ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าเวลาวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น มักเป็นไปในเรื่องการดูถูกผู้หญิงทั้งหมด ซึ่งต้องระวัง

ชี้คำพูดสะท้อนวุฒิภาวะ
ผอ.มูลนิธิ หญิงชายก้าวไกล กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการสมาร์ทเลดี้นั้น เป็นโครงการ ที่พัฒนาศักยภาพ ส่งเสริมให้ผู้หญิงมีบทบาทและแสดงความรู้ความสามารถ ถือเป็นโครงการที่ดีที่ให้โอกาสผู้หญิงผลักดันตัวเองเข้าสู่สังคม การที่ฝ่ายค้านจะวิจารณ์หรือตรวจสอบโครงการว่าส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตรี อย่างแท้จริงหรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่วิจารณ์โดยมองเเค่รูปแบบของโครงการ อย่างเรื่องความโง่ ความฉลาดถือเป็นเรื่อง ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และการพูดในลักษณะเช่นนี้หลายครั้ง ทำให้ไม่สามารถคาดหวังถึงการตรวจสอบโครงการต่างๆ ของรัฐบาลจากพรรคฝ่ายค้านได้ นอกจากนี้การวิจารณ์เช่นนี้ยังสะท้อนถึงวุฒิภาวะของคนพูดว่าใช้สติปัญญาใน การพูดมากน้อยขนาดไหน ยิ่งพูดต่อหน้าคนจำนวนมากยิ่งต้องระวัง

"การ วิจารณ์เพศหญิงในสังคมไทย ไม่ควรเปรียบเปรยเรื่องสติปัญญา ความสวยงาม เนื่องจากเป็นเพียงรูปแบบเท่านั้น ที่ผ่านมาการวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในลักษณะเช่นนี้ มีเยอะมาก สะท้อนว่าเมื่อมีผู้หญิงขึ้นมาเป็น นายกฯ กลับถูกตรวจสอบแต่เรื่องดังกล่าว ซึ่งไม่ได้ให้ความรู้และประโยชน์กับประชาชนเลย ซ้ำยังสะท้อนถึงภาพสังคมชายเป็นใหญ่ได้อย่างชัดเจน" นายจะเด็จกล่าว

นาย สมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด โพสต์ข้อความระบุว่า "สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ ต้องการตอนนี้คือ อ้อมกอดที่อบอุ่นจากภรรยาและลูกๆ ของเขา หมดเวลาสำหรับความเป็นนักการเมืองแล้ว กลับไปอยู่บ้านเถอะ"
[Continue reading...]

นิพิฏธิ์ "อ้าง" เป็นเสรีชน เดินหน้าโค่นระบอบทักษิณ

- 0 comments
นายนิพิฏธิ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลั่นว่าตนเป็นเสรีชน เดินหน้าโค่นระบอบทักษิณ เรียกร้องคนชั้นกลาง ออกมาร่วมโค่นระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย (คลิกที่นี่ อ่านรายละเอียดของข่าว)

คำว่า "ระบอบทักษิณ" เกิดขึ้นมา ประมา 8 ปี เศษ หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาบริหารประเทศ ในนามพรรคไทยรักไทย

การเข้ามาบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการสร้างหน้าประวัติศาตร์ ของการเมืองไทย

สามารถทำให้คนไทยเข้าใจถึงความสำคัญของนโยบายพรรคการเมือง เพราะก่อนหน้านั้น นโยบายของพรรคการเมืองใช้เฉพาะเวลาหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้น เขียนให้ดูสวยหรูไว้ก่อน พอพรรคการเมืองนั้น ๆ ได้รับการเลือกตั้ง ก็นำนโยบาย ซุกไว้ในลิ้นชัก เพื่อเอาไว้ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งต่อไป

พรรคไทยรักไทย โดยการนำ ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ประชาชน ได้สัมผัสกับนโยบายของพรรคการเมือง

สามารถสนองตอบต่อความต้องการของประชาชน

ที่เรีบกว่า ประชาธิปไตยกินได้

จนหลาย ๆ นโยบายเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน เช่น โครงการ 30 รักษาทุกโรค (พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า 30 บาทตายทุกโรค) กองทุนหมู่บ้าน พักหนี้เกษตรกร ธนาคารประชาชน ปราบปรามยาเสพติด หวยบนดิน ฯลฯ

ซึ่งโครงการเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน เพราะได้ผลจริง ประชาชน สัมผัสได้ หลายครอบได้ลูกคืน จากการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง

หลายคนรอดตาย จาก 30 บาท รักษาทุกโรค ซึ่งก่อนหน้านี้ใครป่วย จะไปโรงพยาบาล จะไปหาหมอ ต้องมีเงินติดกระเป๋า เป็นหลักพัน ไม่เช่นนั้นก็ ต้องนอนรอความตายอยู่ที่บ้าน

โครงการเหล่านี้เป็นที่นิยมของประชาชน ซึ่งประชาธิปัตย์ เรียกโครงการเหล่านี้ว่า เป็นโครงการประชานิยม (ความหมาย เป็นโครงการในการหาเสียงเรียกคะแนนนิยมมากกว่าที่จะก่อเกิดประโยชน์)

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สามารถทำให้คนภาคหนึ่ง ซึ่งมักจะได้รับการปรามาส ว่า มีเงิน ก็สามารถเป็น ส.ส.ได้  กลายเป็นภาคที่มีความเข้าใจ ทางด้านการเมือง มากที่สุด จนเงิน ไม่สามารถที่จะใช้เป็นทางในการเข้ามาสู่สภาได้

พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ประเทศไทย ก้าวไปอยู่อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทัดเทียมกับสิงคโปค์

สร้างระบบการกระจายอำนาจการบริหารไปสู่ท้องถิ่น พัฒนาระบบข้าราชการ จากเช้าชามเย็นชาม เป็นความสะดวกสบายจากการให้บริการ จุดเดียวเบ็ดเสร็จ One Stop Service

การแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ รวดเร็ว ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน ให้การแก้ไขไปในทิศทางเดียวกัน

ด้วยการที่ตัดสินใจแบบรวดเร็วเฉียบพลัน ไม่ใช่คอยแต่รอรับรายงาน เช่นกรณี เผาสถานฑูตไทยในเขมร สามารถช่วยเหลือคนไทย กลับมาได้อย่างปลอดภัย

ด้วยการชนะการเลือกตั้ง โดยสามารถตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว ทำให้ปราศจากการขัดแย้งในการบริหารประเทศ

สามารถสร้างสนามบิน หนองงูเห่า ที่เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2501 สำเร็จลงได้

ที่สำคัญส่งเสริมพระเกียรติให้ขจรไกลไปในอายรยประเทศ ด้วยการจัดงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนตั้งแต่อดีต

สร้างเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง  จนพ้นจากการครอบงำของ กองทุนระหว่างประเทศ  (IMF) เพราะ IMF  มีเงื่อนไขที่เราต้องปฏิบัติตาม เหมือนกับเราตกเป็นเมืองขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ

จากการบริหารงานของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร สามารถกวาดที่นั่งในสภา ถึง 300 กว่าเสียง

เป็นนวนมากเกินกว่าที่ ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ปี 40 ได้

จึงเป็นที่มาของคำว่า "เผด็จการทางรัฐสภา"

จากการบริหารประเทศเป็นที่โดเด่น พรรคประชาธิปัตย์พยายามดิ้นทุกวิถีทางที่จะเอาชนะ พรรคไทยรักไทยให้ได้ จึงได้ประดิษฐ คำ "ระบอบทักษิณ" ขึ้นมา ให้ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย กับประชาชน คนไทย  คงมีแต่พรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายต่อต้าน นายกทักษิณเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แม้กระทั่ง หลาย ๆ ประเทศ นำเอาแบบอย่างการบริหารแผ่นดินของนายกทักษิณไปใช้

ถึงขนาดประธานาธิบดี ของฟิลิปปินส์ เรียกชื่อ การบริหารประเทศตามแนวทางของ พรรคไทยรักไทย ดโย นายกทักษิณ ชินวัตร ว่า “ทักษิโนมิกส์” (Thaksinomic)

ขณะที่ต่างประเทศเขายกย่องเชิดชู แต่คนในประเทศกลับเหยียบย่ำซ้ำเติม พยายามทำลายล้าง เคลื่อนไหวต่อต้านมาจนถึงปัจจุบัน

แต่อย่างไรก็ตาม การบริหารงานของนายกทักษิณ สามารถพิสูจน์การเลือกตั้ง หลายครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่ประชาธิปัตย์เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" ก็ยังได้รับความนิยมจากคนส่วนใหญ่ของประเทศ จนลุกลามถึงฐานที่มั่นของประชาธิปัตย์ คือภาคใต้

ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป อาจจะเห็น ส.ส.ที่มากจากพรรคเพื่อไทย ที่มาจาก "ระบอบทักษิณ" ได้รับความไว้วางใจจากคนทางภาคใต้แทนประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน

ระบอบทักษิณ  คือภาพ "ผี" ที่ประชาธิปัตย์พยายามวาดขึ้นให้คนไทยกลัว แต่ไม่ได้ชั่วร้ายตามคำกล่าวอ้าางเลยแม้แต่น้อย

คำว่าปล้นชาติ โกงกิน น่าจะใช้กับการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เหมาะสมกว่า เพราะถึงขณะนี้ ปรากฏหลายโครงการที่มีปัญหา ให้เห็นตำตากับคนทั้งประเทศ

คำว่า "คนโกง" ที่แท้จริงไม่ต้องไปหาไกล หาได้ในพรรค ที่มีอายุ มากกว่า 67 ปี ที่มีชื่อว่า "พรรคประชาธิปัตย์"





[Continue reading...]

วิกฤตฝ่ายค้าน ส่งเสริมรัฐบาล รายงานพิเศษ นสพ.ข่าวสด

- 0 comments

ม็อบยางพาราที่ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อมานานกว่า 2 สัปดาห์ ทางภาคใต้

ตลอดระยะเวลาฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลพยายามขยายให้เป็นปัญหาการเมืองระดับประเทศ แต่ก็ไม่เป็นผล

ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะรัฐบาลตั้งหลักและวางเกมรับมือมาอย่างรอบคอบรัดกุม

เนื่องจากรู้ดีว่า"ม็อบยาง"ครั้งนี้ไม่ธรรมดา

เกี่ยวข้องกับแผน"เป่านกหวีด"ระดมพลโค่นรัฐบาลของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน

ตามที่ประชาธิปัตย์ประกาศว่านอกจากการเมืองในระบบรัฐสภา ยังยึดมั่นการเมืองระบบข้างถนนควบคู่กันไปด้วย

รับช่วงงานของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เพิ่งประกาศอำลาวงการไป

เมื่อมีนักการเมืองเข้ามาผสมโรงม็อบชาวสวนยาง ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคายางตกต่ำจริง

การปลดชนวนปัญหาจึงจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีแยกปลาออกจากน้ำ

เบื้องต้นรัฐบาลส่งตัวแทนซึ่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงไปพบปะพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมนุม ต่อรองเรื่องราคาจนผู้ชุมนุมบางส่วนพอใจ

ส่วนที่ไม่พอใจก็ยังคงปักหลักชุมนุมปิดถนนและทางรถไฟพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ต่อไป
ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ และคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ หรือกนย. เร่งออกมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง

เป็นมติออกมาว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,260 บาท พร้อมขยายพื้นที่ช่วยเหลือจากเดิมแค่ 10 ไร่ เป็น 25 ไร่

โดยจ่ายทันทีเป็นเงินสดเป็นเวลา 7 เดือนจนถึงมีนาคม 2557

ทำให้ม็อบชาวสวนยางที่ดาวกระจายในหลายจังหวัด เริ่มอ่อนและสลายตัวไปในที่สุด หลายพื้นที่บรรยากาศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ถึงจะมีเหตุการณ์ปะทุรุนแรงที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อค่ำวันที่ 5 ก.ย. ซึ่งทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนาย บางนายสาหัสถึงขั้นกะโหลกร้าว

เพราะมีการปาระเบิดปิงปอง เข้าบุกยึดรถน้ำมัน เผารถสื่อมวลชน

แต่ยิ่งรุนแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งฉายชัดถึงเจตนาของผู้ชุมนุมและผู้ที่อยู่เบื้องหลังว่า

ไม่ต้องการให้สถานการณ์ของม็อบหยุดอยู่แค่ปัญหาราคายาง

การชุมนุมม็อบสวนยางไม่ว่าในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่มีการปิดถนน-ทางรถไฟนาน 2 สัปดาห์

หรือความรุนแรงในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในขณะผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้าปิดถนนเพชรเกษม จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่

กลายเป็นกระแสลบตีกลับไปยังฝ่ายผู้ชุมนุม

ทั้งยังกระทบลุกลามไปถึงฝ่ายการเมืองเจ้าซึ่งของพื้นที่ ที่คอยให้การสนับสนุนการชุมนุม หวังอาศัยใช้

เป็นเครื่องมือกดดันรัฐบาลนอกสภา

ตามที่เคยประกาศบนเวทีปราศรัย

แต่เมื่อการชุมนุมของม็อบมีท่าทีว่าจะยื้อต่อไปอีกไม่ไหว

เนื่องจากแกนนำไม่มีศักยภาพ บางคนมีประวัติเบื้องหลังกระดำกระด่าง อีกทั้งไม่ใช่คนในพื้นที่

ประกอบกับชาวสวนยางทางภาคอื่น ๆ เหนือ กลาง ตะวันออก ตะวันตกยอมรับได้กับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล

ไม่ออกมาชุมนุมร่วมกับชาวสวนยางภาคใต้

ทำให้การชุมนุมใหญ่ดาวกระจายวันที่ 3 ก.ย. ที่หวังยกระดับเป็นการ"ปิดประเทศ" กดดันให้รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายยอมทำตามข้อเรียกร้อง

ผิดแผน พลาดเป้า

ขณะเดียวกันเริ่มมีเสียงโวยวายจากภาคนักธุรกิจและผู้ประกอบอาชีพอื่นในภาคใต้

รวมถึงประชาชนคนทั่วไปที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาขึ้น-ลงของราคายาง แต่ต้องมามีส่วนได้รับความเดือดร้อนไปด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้บรรดานักการเมืองภาคใต้ ที่เคยเดินเข้าไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ชุมนุมเพื่อหวังยืมมือเขย่ารัฐบาล

แต่พอผู้ชุมนุมตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็รีบ "ชิ่งหนี"ทันที

ข้อที่น่าสังเกตคือเมื่อม็อบยางถูกกระแสโจมตีหนักๆ เข้า

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เปิดแถลงข่าวปฏิเสธทันทีว่า ไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว

ทั้งยังยื่นกระทู้ ยื่นญัตติด่วนเข้าสภา

แต่ก็ถูกมองเป็นแค่เกมเพื่อเบี่ยงกระแส กลบเกลื่อนความเพลี่ยงพล้ำที่ได้ถลำไปกับม็อบยางในตอนแรก

จนเปลืองเนื้อเปลืองตัว หวังได้กำไร กลับต้องขาดทุนป่นปี้

กับอีกอย่างคือต้องการโชว์ให้เห็นว่า ถึงประกาศจะลงไปเล่นการเมืองบนท้องถนน
แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเมืองในระบบรัฐสภา

มีการประเมินกันว่าจากปัญหาม็อบยางพารา

ได้สร้างความเสียหายให้กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อยในแง่คะแนนเสียงในพื้นที่

ภาพข่าวหลายสำนักเป็นหลักฐานโจ่งแจ้งว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนเดินทางไปพบปะและขึ้นเวทีปราศรัยสนับสนุนการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม

ขณะเดียวกันหากหันมาดูเกมการเมืองในระบบรัฐสภา

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเป็นฝ่ายเสียหายด้านภาพลักษณ์ชนิดกู่ไม่กลับอีกเช่นกัน

ไม่ต้องย้อนไปถึงขนาดการปาแฟ้ม ลากเก้าอี้ กระชากแขนประธานสภา ซึ่งเป็นเรื่องในสมัยประชุมรัฐสภาครั้งก่อน

เอาแค่เปิดประชุมรัฐสภาสมัยล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นมา ไม่ว่าประชุมสภาผู้แทนฯ พิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมใน วาระแรก

หรือประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของส.ว. ในวาระ 2

การประชุมทุกนัดเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย ตั้งแต่การส่งเสียงโห่ฮา กรีดร้องโหยหวน โยนเอกสาร ประท้วงด่าทอด้วยคำหยาบคาย

แล้วก็เป็นช็อตไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ที่"ผู้นำฝ่ายค้าน"นำส.ส.ลูกทีมลุกเดินไปเกาะขอบประท้วงประธานในที่ประชุมถึงหน้าบัลลังก์

ถัดมาวันเดียวยังเป็นคิวนายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ออกแอ๊กชั่น"ทุ่มเก้าอี้" เพราะโมโหส.ส.

ซีกรัฐบาลชิงเสนอปิดอภิปรายญัตติยางพารา

แค่ไม่กี่นาทีภาพ ของ "เชนเก้าอี้บิน" ก็ถูกนำไปกระจายผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กออกสู่สายตาชาวโลก

เป็นการตอกย้ำถึงความตกต่ำถึงขีดสุดในรอบ 65 ปี  และความจำเป็นที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องวางมือจากเ
รื่องอื่นๆ แล้วหันมา"ปฏิรูปพรรค"ตนเองโดยด่วน

ไม่เช่นนั้นต่อให้ม็อบยางจุดติด เศรษฐกิจกลับทรุดต่ำ ค่าไฟฟ้าขึ้นราคา สินค้าแพงกระทบปากท้องชาวบ้านหนักหนาสาหัสขนาดไหน

หากพรรคฝ่ายค้านยังตกอยู่ในสภาพแบบนี้

สำหรับรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" อย่าว่าแต่จะอยู่ครบเทอม 4 ปี กลับมาเป็นรัฐบาลเบิ้ล 2 สมัย 8 ปี

ก็ยังเป็นเรื่องชิลชิล

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์
[Continue reading...]
 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger