ซึ่งในช่วงหนึ่งของการปราศรัย นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่า "กฎหมายนิรโทษกรรมในครั้งนี้ เป็นการเอาประชาชนมาบังหน้า และต้องการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงนำ พ.ร.บ.นิรโทษแบบเหมาเข่งเข้าสภา ขณะที่ในชั้นกรรมาธิการในการแก้ไขกฎหมาย ได้มีความพยายามแปลยัตติกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยการเพิ่มเนื้อหาให้นิรโทษกรรมถึงผู้ที่ทุจริตได้ และความผิดทางอาญา ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นการประกาศว่า ประเทศไทยสามารถฆ่าคนได้อย่างสุจริต เพราะเมื่อได้อำนาจก็สามารถออกกฎหมายล้างผิดได้ ดังนั้น วันนี้ต้องพิสูจน์ความจริง" คลิกอ่านรายละเอียดจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ
ฟังแล้ว งง เพราะการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นการเกี่ยวเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของมวลชนคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 ที่รัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
จากการที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรง
ด้วยอำนาจจาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ รัฐบาลสามารถสั่งทหารออกมาสลายการชุมนุม ซึ่งปรากฏว่า ในปี 53 มีประชาชนที่ออกมาชุมนุม ได้บาดเจ็บ เป็นพัน ล้มตายอีกร่วมร้อย
นี่ไม่ได้ ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนหรอกหรือ เพราะนายอภิสิทธิ์ ได้พูดตอนหนึ่งของการปราศรัยว่า
"ไม่มีประเทศใดที่ปล่อยให้การฆ่าคนเป็นเพียงการแสดงออกทางการเมือง เนื่องจากขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน"
เฉพาะการประการ ภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ร้ายแรงก็ผิดหลักสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการ "พูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น"
ตัวเองสั่งทหารออกมา "ฆ่า" ประชาชนได้ไม่เป็นไร
พอรัฐบาลนี้จะออกกฏหมาย นิรโทษกรรมให้กับประชาชนและบุคคลที่มีผลพวงมาจากการรัฐประหาร "ผิด" ทำไม่ได้
นี่คือการพูดของคนที่ขาดซึ่ง "หิริโอตัปะ" นั่นคือ "ความละอาย ความเกรงกลัวต่อบาป" จากการกระทำของตนเอง
นายอภิสิทธิ์และคนในพรรคประชาธิปัตย์ ขาดซึ่งมโนธรรมสำนึก
ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำร้ายประเทศไทยมานับครั้งไม่ถ้วน
0 comments:
Post a Comment