การไขก๊อกลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ของท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ถือเป็นเรื่อง น่าเสียดาย และน่าเสียใจอย่างละ 50
เปอร์เซ็นต์
เสียดาย...เพราะ “ท่านวสันต์” เป็นผู้มีคารมคมคายไม่ว่าจะพูดเรื่องไหนหนังสือพิมพ์หยิบไปพาดหัวเป็นประจำ
จากนี้จะไม่มีประธานศาลรัฐธรรมนูญที่มีลีลาฮากระจายอย่างนี้เป็นสีสันทางการเมือง
เสียดาย...เพราะ “ท่านวสันต์” เป็นผู้มีคารมคมคายไม่ว่าจะพูดเรื่องไหนหนังสือพิมพ์หยิบไปพาดหัวเป็นประจำ
จากนี้จะไม่มีประธานศาลรัฐธรรมนูญที่มีลีลาฮากระจายอย่างนี้เป็นสีสันทางการเมือง
เสียใจ...เพราะ
“ท่านวสันต์” ตัดช่องน้อยลาออกไปคนเดียว
น่าจะถือโอกาสชักชวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก 8
คนให้พร้อมใจลาออกล้างสต๊อกฉลองเทศกาลเข้าพรรษาซะเลย
ความจริง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันได้ปฏิบัติหน้าที่มานานถึง 6 ปี
ถ้าต้องอยู่จนรากงอกครบ 9 ปี ก็เป็นเวลายาวนานเกินไป
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันพร้อมใจลาออกทั้ง 9 คน จะเป็นคุณูปการที่จะช่วยกอบกู้วิกฤติศรัทธาต่อสถาบันศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากการวินิจฉัยคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ หลายกรณีทำให้เกิดข้อขัดแย้งในสังคม และเกิดข้อกังขาในการตีความมากมายหลายประเด็น
ขออนุญาตหยิบเฉพาะเรื่องใหญ่ๆมาฉายเป็นตัวอย่าง 4 กรณี
1,การอ้างพจนานุกรมเช็กบิล “สมัคร สุนทรเวช” ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กรณีเป็นพิธีกรรายการทำกับข้าวทางทีวี
2,การสั่งยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมา ลงโทษกรรมการบริหารพรรคเหมาเข่ง 109 คน โดยให้หัวหน้าพรรคแถลงปิดคดีตอนสาย แล้วสั่งยุบพรรคตอนบ่ายวันเดียวกัน
3,การสั่งเบรกไม่ให้สภาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ทั้งๆที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
4,การที่ศาลรัฐธรรมนูญแนะนำให้สภาฯ แก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ครั้นสภาฯ ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำ ศาลรัฐธรรมนูญกลับลงมติ 3 ต่อ 2 รับคำร้องของขาประจำ ว่าการแก้ไขเป็นรายมาตราขัดรัฐธรรมนูญ
นี่คือต้นเหตุทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเกิดปัญหาวิกฤติศรัทธาเรื้อรัง
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าเจตนารมณ์ ในการก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นองค์กรสูงสุดในการอำนวยความยุติธรรม และยุติปัญหาขัดแย้งทางการเมือง
แต่ทำไปทำมา ศาลรัฐธรรมนูญกลับเป็นต้นตอปัญหาขัดแย้งซะเอง
เนี่ย...มันยุ่งอย่างนี้แหละท่านประธาน
สรุปว่า การที่ ท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ปลีกวิเวกลาออกไปคนเดียว ไม่ช่วยกอบกู้ภาพพจน์ของศาลรัฐธรรมนูญที่ลายพร้อยเป็นปลากระทิงให้ผ่องแผ้วใสปิ๊งขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าใครจะเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ใครจะได้รับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยังขาดอีกหนึ่งคนก็จะไม่ทำให้การวินิจฉัยคำร้องที่ยังติดค้างลำกล้องเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา
เพราะตุลาการหน้าเดิมยังอยู่กันครบทีม
แต่ถ้ามองในแง่ดี ตุลาการศาลรัฐธรรม-นูญชุดนี้ก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าสถาพร
เหนียวสุดๆก็ไม่เกินอีก 3 ปีก็ต้องพ้นตำแหน่งไป
ข้อสำคัญ จากนี้ไปการวินิจฉัยคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในทุกกรณีจะถูกจับตาจากสังคมอย่างละเอียดยิบทุกแง่ทุกมุม
อนึ่ง “แม่ลูกจันทร์” เพิ่งแอบไปอ่านแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีของศาลรัฐธรรมนูญ พบว่า เป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
โดยตั้งเป้าว่าปีนี้ 2556 จะเพิ่มเรตติ้งความเชื่อมั่นให้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์
ปีหน้า 2557 จะอัพความเชื่อมั่นให้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
และปีโน้น 2558 จะกอบกู้ความเชื่อมั่นให้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า ผลงานจะพิสูจน์ศรัทธา คำตัดสินจะพิสูจน์ความยุติธรรม ทุกปัญหามีคำตอบอยู่ตรงนี้เอง.
ความจริง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันได้ปฏิบัติหน้าที่มานานถึง 6 ปี
ถ้าต้องอยู่จนรากงอกครบ 9 ปี ก็เป็นเวลายาวนานเกินไป
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันพร้อมใจลาออกทั้ง 9 คน จะเป็นคุณูปการที่จะช่วยกอบกู้วิกฤติศรัทธาต่อสถาบันศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากการวินิจฉัยคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ หลายกรณีทำให้เกิดข้อขัดแย้งในสังคม และเกิดข้อกังขาในการตีความมากมายหลายประเด็น
ขออนุญาตหยิบเฉพาะเรื่องใหญ่ๆมาฉายเป็นตัวอย่าง 4 กรณี
1,การอ้างพจนานุกรมเช็กบิล “สมัคร สุนทรเวช” ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กรณีเป็นพิธีกรรายการทำกับข้าวทางทีวี
2,การสั่งยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมา ลงโทษกรรมการบริหารพรรคเหมาเข่ง 109 คน โดยให้หัวหน้าพรรคแถลงปิดคดีตอนสาย แล้วสั่งยุบพรรคตอนบ่ายวันเดียวกัน
3,การสั่งเบรกไม่ให้สภาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ทั้งๆที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ
4,การที่ศาลรัฐธรรมนูญแนะนำให้สภาฯ แก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ครั้นสภาฯ ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำ ศาลรัฐธรรมนูญกลับลงมติ 3 ต่อ 2 รับคำร้องของขาประจำ ว่าการแก้ไขเป็นรายมาตราขัดรัฐธรรมนูญ
นี่คือต้นเหตุทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเกิดปัญหาวิกฤติศรัทธาเรื้อรัง
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าเจตนารมณ์ ในการก่อตั้งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นองค์กรสูงสุดในการอำนวยความยุติธรรม และยุติปัญหาขัดแย้งทางการเมือง
แต่ทำไปทำมา ศาลรัฐธรรมนูญกลับเป็นต้นตอปัญหาขัดแย้งซะเอง
เนี่ย...มันยุ่งอย่างนี้แหละท่านประธาน
สรุปว่า การที่ ท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ปลีกวิเวกลาออกไปคนเดียว ไม่ช่วยกอบกู้ภาพพจน์ของศาลรัฐธรรมนูญที่ลายพร้อยเป็นปลากระทิงให้ผ่องแผ้วใสปิ๊งขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าใครจะเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ใครจะได้รับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยังขาดอีกหนึ่งคนก็จะไม่ทำให้การวินิจฉัยคำร้องที่ยังติดค้างลำกล้องเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมา
เพราะตุลาการหน้าเดิมยังอยู่กันครบทีม
แต่ถ้ามองในแง่ดี ตุลาการศาลรัฐธรรม-นูญชุดนี้ก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าสถาพร
เหนียวสุดๆก็ไม่เกินอีก 3 ปีก็ต้องพ้นตำแหน่งไป
ข้อสำคัญ จากนี้ไปการวินิจฉัยคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญในทุกกรณีจะถูกจับตาจากสังคมอย่างละเอียดยิบทุกแง่ทุกมุม
อนึ่ง “แม่ลูกจันทร์” เพิ่งแอบไปอ่านแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีของศาลรัฐธรรมนูญ พบว่า เป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
โดยตั้งเป้าว่าปีนี้ 2556 จะเพิ่มเรตติ้งความเชื่อมั่นให้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์
ปีหน้า 2557 จะอัพความเชื่อมั่นให้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์
และปีโน้น 2558 จะกอบกู้ความเชื่อมั่นให้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า ผลงานจะพิสูจน์ศรัทธา คำตัดสินจะพิสูจน์ความยุติธรรม ทุกปัญหามีคำตอบอยู่ตรงนี้เอง.
"แม่ลูกจันทร์"
ที่มา :นสพ ไทยรัฐ
วอยซ์ทีวี
0 comments:
Post a Comment