Wednesday, August 7, 2013

เปิดใจ พิภพ ธงไชย “ประชาธิปัตย์” นักฉวยโอกาส

"พิภพ" วิเคราะห์นิรโทษกรรม "ทักษิณ" นินทา "ประชาธิปัตย์" พวกฉวยโอกาส

7 ส.ค. 2556 เวลา 18:01:14 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เมื่อ อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุไปทั่วทุกทิศ ตั้งแต่ในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลามไปถึงบนท้องถนน กลายเป็นสงคราม (การเมือง) ระหว่าง 2 ขั้ว หลายกลุ่ม
 
ขั้วแรกคือ พรรคเพื่อไทย + คนเสื้อแดง ขั้วสองคือ พรรคประชาธิปัตย์ + หน้ากากขาว-องค์การพิทักษ์สยาม-กองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ 
เป็นสงครามที่ทั้งสองขั้วพร้อมเผชิญหน้า โดยมีหัวเชื้อคือ "ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" 
แต่การชุมนุมงวดนี้กลับไร้เงากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ขอเป็นเพียง "ผู้ชม" อยู่ข้างสนาม รอมอนิเตอร์เหตุการณ์อยู่ในที่ตั้ง
 
"ประชาชาติธุรกิจ" จึงสนทนากับ "พิภพ ธงไชย" แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯที่เคยเป็นแนว "ร่วมรบ" กับพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้เขากางแผนนิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย ที่มีเป้าหมายคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

พร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมจึงอยู่แนวหลบ ไม่ถือธงนำเหมือนทุกครั้ง ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์กวักมือเรียกมวลชนออกมารบเพียงลำพัง เพราะ "พิภพ" บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพวกฉวยโอกาส

- ที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศไม่ชุมนุมต่อต้านนิรโทษกรรม นอกจากติดเหตุผลเงื่อนไขการประกันตัว มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนั้นหรือไม่


ถ้าเรามองหลักการของกลุ่มพันธมิตรฯ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่เข้าสภามันยังไม่ถึงเงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตรฯที่จะไปนิรโทษกรรมคุณทักษิณ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องออกมานำ อีกทั้งเราเคยแสดงความคิดเห็นว่าการนิรโทษกรรมคนบริสุทธิ์ที่ไม่ใช้ความรุนแรง กฎหมายก็ไม่ควรไปเอาเรื่อง

- ทำไมกลุ่มพันธมิตรฯประเมินสั้น ๆ ว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้จะไม่ถึงคุณทักษิณ


ดูตามเนื้อไง ตามเนื้อของร่าง พ.ร.บ.ก่อน ส่วนจะไปอภิปรายในวาระที่ 1 วาระที่ 2 แล้วเปลี่ยนแปลงไป มันยังไม่ถึง

- ถ้าวิเคราะห์เจตนาของพรรคเพื่อไทย จริง ๆ แล้วต้องการนิรโทษกรรมคุณทักษิณ

เขาต้องการนิรโทษกรรมคุณทักษิณแน่ ประชาชนนี่เป็นผลพลอยได้ แล้วคุณทักษิณก็ลองมาหลายครั้งแล้วด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษโดยที่ยังไม่ติดคุก แล้วระหว่างนี้ก็จะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับต่าง ๆ จนคาในสภากี่ร่างแล้ว

ผมเคยพูดในที่สาธารณะไว้ว่า สุดท้ายต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แล้วก็จริง ๆ พอคลิป (คลิปเสียงสนทนาคล้ายเสียง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กับ พ.ต.ท.ทักษิณ) ออกมา ก็เห็นเส้นทางของคุณทักษิณทันทีเลยว่าต้องออกเป็น พ.ร.ก. แต่เมื่อคลิปออกมาปรากฏก็เลยไม่สามารถดันเข้าไปได้ อันนี้เห็นชัดแล้วก็เลยเอาเข้าสภา แต่การเอาเข้าสภาไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ "คุณวรชัย เหมะ" (ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย) ผ่านตามเนื้อหานั้นหรอก เนื้อหาร่างกฎหมายของคุณวรชัยมันเป็นแค่ตัวตุ๊กตาที่เสนอขึ้นไปเพื่อขายผลไปถึงคุณทักษิณ แต่จะทำได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง

ซึ่งวิเคราะห์ว่าทำไม่ได้ หรือทำได้ก็เกิดความวุ่นวาย ก็ขึ้นอยู่กับว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะสามารถคุมความวุ่นวายได้ไหม ถ้าวุ่นวายทั้งข้างในและข้างนอกสภา แต่ยังสามารถควบคุมได้ รัฐบาลก็อาจเดินหน้าออก พ.ร.บ.แบบสุดซอย ดังนั้น เกมนี้ของคุณทักษิณจึงลองหลาย ๆ ทาง แต่ยุทธศาสตร์หลักคือสุดซอยคุณทักษิณจะต้องพ้นโทษหมด

- พรรคเพื่อไทยจะกล้าเดินไปสุดซอยหรือไม่ ทั้งที่มีกฎหมายเศรษฐกิจสำคัญรอกู้ภาพลักษณ์รัฐบาลอยู่ อาจทำให้พังได้
ถ้าเดินไปสุดซอยแล้วไม่มีปัญหาเขาก็เดินไปสุดซอย ถ้าเดินไปแล้วมีปัญหาเขาก็จะถอย พอถอยแล้วก็ผ่าน พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ผ่านกฎหมายงบประมาณ และโยกย้ายข้าราชการ ย้ายทหาร หลังจากนั้นก็จะออกเป็น พ.ร.ก.หลังจากกฎหมายพวกนี้ผ่านไปแล้ว

- วิเคราะห์ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศว่าจะต่อต้านรัฐบาลนอกสภาอย่างไร

ถ้าดูประวัติการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นตัวกระตุ้นสถานการณ์ แต่จะไม่เป็นผู้นำลงพื้นที่ เพียงแค่ร่วมชุมนุมอยู่ข้างหลัง และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ทำอย่างนั้น พอเกิดเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ก็ถอนตัวออกไปแล้วได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์

พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ฉวยโอกาสของสถานการณ์ โดยไม่ยอมอยู่ในภาวะการเสี่ยงโดยการนำ นั่นคือท่าทีของคุณสุเทพที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาในเวทีผ่าความจริง พอกลุ่มพันธมิตรฯแถลงตอนกลางวัน คุณสุเทพพูดตอนกลางคืน...เปลี่ยนเลยว่าจะปล่อยให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาทั้ง 3 วาระ แล้วไม่ได้บอกว่าจะนำนะ แต่ตอนที่คุณสุเทพสื่อสู่สาธารณะก่อนนี้เหมือนจะเป็นผู้นำ

- เขาประเมินแล้วว่า ถ้าออกมานำจะเสี่ยงเกินไป

(สวนทันที) ก็บอกแล้วว่าเป็นพรรคฉวยโอกาส ผมว่าไม่ผิดหรอก 70 ปีตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค ปล่อยข่าวเล่นงานอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ โดยเป็นเท็จ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะปฏิรูปตัวเองไม่ให้เป็นพรรคที่ฉวยโอกาสก็ทำไม่ได้

- ที่กลุ่มพันธมิตรฯไม่ถือธงนำครั้งนี้ เพราะรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าจะเสียเหลี่ยมพรรคประชาธิปัตย์ อาจถูกหลอกใช้อีก


ไม่ควรใช้คำว่า หลอกใช้ เพราะเราไม่เคยให้ใครหลอก เราทำด้วยยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี วิเคราะห์อย่างรอบด้าน และการที่กลุ่มพันธมิตรฯไม่นำการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ทำให้ประชาชนเกิดการรวมตัวที่เป็นกลุ่มต่าง ๆ เพราะอย่าลืมว่ากระแสการต่อต้านคุณทักษิณ และกระแสต่อต้านนักการเมืองไม่ใช่กระแสที่กลุ่มพันธมิตรฯเป็นคนกำหนด มันเป็นกระแสของสังคมไทยอยู่แล้ว

อย่างน้อย 15 ล้านเสียงที่เชียร์พรรคเพื่อไทย และคุณทักษิณ 12 ล้านเสียง บวก 2-3 ล้านเสียง ก็ได้ 15 ล้านเสียงอีกที่ไม่เอาพรรคเพื่อไทย และอีก 15 ล้านเสียงก็อาจเป็นไทยเฉยอยู่ ในสัดส่วนแบบนี้จะเห็นว่าประชาชนถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม แต่ก่อนกลุ่มพันธมิตรฯเป็นแกนนำ เป็นผู้กำหนดทิศทาง แต่เมื่อเรากำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ประชาชนที่เขาเห็นว่าอยากใช้ยุทธศาสตร์เดิมคือจี้ไปที่พรรคเพื่อไทย และคุณทักษิณเขาก็สามารถรวมตัวกันเพื่อนำใหม่ นี่เป็นข้อดีเพราะมาจากฐานของประชาชนที่อึดอัดอยู่แล้วและพร้อมจะออก

- แม้กลุ่มพันธมิตรฯไม่ออกมานำ แต่เมื่อหลายกลุ่มมารวมกันก็อาจมีพลังเทียบเท่ากลุ่มพันธมิตรฯเมื่อปี 2549 และ 2551

ถึงแม้กลุ่มพันธมิตรฯไม่ออกมานำ ประชาชนก็พร้อมออกมานำด้วยตัวเองอยู่แล้ว เช่น เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ไม่มีการ Set องค์กรนำแบบกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มต้นจากคุณฉลาด (วรฉัตร) อดข้าว คุณโคทม (อารียา) ดร.ปริญญา (เทวานฤมิตรกุล) พล.ต.จำลองก็เข้ามา มันก็เกิดกระแสรวมตัวกันที่หน้ารัฐสภา ต่อมาก็เป็นแกนนำในการเคลื่อนไหว นี่เป็นเพราะคนไม่พอใจคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ถ้าคนไม่มีพื้นฐานแบบนี้ แกนนำพันธมิตรฯไปนำคนก็ไม่ออกมา

เพราะฉะนั้น อย่าไปมองประเด็นผิดว่าต้องมีการนำ ต้องมองว่าความรู้สึกประชาชนที่อึดอัดกับระบอบทักษิณและพรรคการเมืองมันมีมาก ไม่ว่าใครจะมานำ ประชาชนก็พร้อมจะร่วม ถ้ามองประเด็นผิด ไปจับแกนนำแล้วคิดว่าจะจบ..มันไม่จบ เพราะว่าเชื้อมันมีมาถึงที่จุดไฟก็ติด

- วันนี้เชื้อที่ประชาชนไม่พอใจจะไปถึงจุดนั้นหรือยัง

มันใกล้ถึงแล้ว อย่าลืมว่าเราอยู่กับคุณทักษิณมานานแค่ไหน แล้วเรามาอยู่กับนอมินีคุณทักษิณ คือ คุณสมัคร (สุนทรเวช) และคุณสมชาย (วงศ์สวัสดิ์) แล้วเรามาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่คุณทักษิณเคลื่อนไหวนอกสภาอย่างรุนแรง และเราอยู่กับคุณทักษิณมาพอสมควรนะ แล้วคิดว่าเชื้อพวกนี้ไม่สะสมเหรอ แล้วคุณทักษิณไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น พรรคการเมืองตัวเองก็ทุจริตคอร์รัปชั่น

- กระแสคนอึดอัดระบอบทักษิณที่อยู่มายาวนาน กับเบื่อเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไหนมีมากกว่ากัน


คราวนี้มันผสมกันไง ตอน 14 ตุลาฯเราไม่ต่อต้านพรรคการเมืองและการเลือกตั้งเลย และเราไม่สนใจว่ารัฐธรรมนูญจะเขียนยังไงด้วย ต่อต้านรัฐประหารอย่างเดียวก็สำเร็จ แต่เวลานี้ปัญหามันทับกัน ตอนนี้ไม่มีพรรคการเมืองเข้ามาอีกแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ คณะรัฐประหารก็พิสูจน์แล้วว่าเข้ามาใช้ไม่ได้

- พรรคประชาธิปัตย์เปิดหน้าชก ชงเอง เล่นเอง แบบนี้จะมีคนมาร่วมเยอะไหม


(สวนทันที) เปิดไม่หมด แทงกั๊ก (หัวเราะ) เปิดแล้วหลบบ้าง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะนำประชาชนปฏิรูปประเทศไม่ได้ แม้แต่จัดการคุณทักษิณจะยากด้วย แต่คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะบริหารจัดการตัวเองให้ประชาชนมาโค่นล้มตัวเองมากกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะจัดการในระบบรัฐสภาจริง ๆ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ต้องลาออกทั้งหมด แล้วจะหยุดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้ แต่คุณสุเทพกลับบอกว่าให้พรรคเพื่อไทยถอนร่าง พ.ร.บ.เอง ทั้งที่คุณสุเทพบอกว่าถึงยังไงก็แพ้ ดังนั้น ถ้ารู้ว่าแพ้แล้วทำไมไม่ลาออกยกทั้งคณะ...ไม่กล้าเปิดหน้าชกใช่ไหม

- ที่พรรคประชาธิปัตย์เดินเกมแบบนี้เพราะหมดหนทางสู้ในสภาแล้ว


เขาหมดทางสู้ในสภานี่ใช่ ในสนามเลือกตั้งเขาก็หมดทางสู้ แต่เขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวนอกสภาอย่างเต็มสูบ เขายังไม่มั่นใจว่าถ้าลาออกทั้งหมดแล้วพรรคเพื่อไทยยุบสภา เขาจะกลับมาได้กี่เสียง เพราะพรรคการเมืองคิดแต่เรื่องการเลือกตั้ง

- ขณะที่วันนี้พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณความนิยมก็ไม่ได้มากถึง 15 ล้านเสียงแล้ว


ใน 15 ล้านเสียงที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย มีทั้งสนับสนุนคุณทักษิณ มีทั้งต้องการต่อต้านอย่างอื่นโดยอาศัยคุณทักษิณ จะสังเกตจากนักวิชาการฝ่ายแดงเริ่มเปลี่ยนไปจากที่เคยสนับสนุนคุณทักษิณ แล้วเริ่มเรียกคุณทักษิณว่าเป็นอำมาตย์หลังจากฟังคลิป แล้วเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะใช้คุณทักษิณเพื่ออุดมการณ์ของตัวได้จริงหรือเปล่า

- ถ้าวันนี้คนไม่ออกมาต้านเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อพรรคเพื่อไทย


ผลเสียกับพรรคเพื่อไทย สมมติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านสภาแล้วเอาคุณทักษิณกลับมา คราวนี้คุณทักษิณก็เปิดหน้าชกจริง ๆ เข้ามาเล่นการเมืองจริง ๆ จะเป็นผลเสียต่อคุณทักษิณ แต่เป็นผลดีกับประชาชน เพราะจะได้ตรวจสอบคุณทักษิณแบบตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องหลบซ่อน

แต่ผมเชื่อว่าถ้า พ.ร.บ.นี้ผ่าน คุณทักษิณก็ไม่กลับมาบริหารประเทศ เพราะคนเกลียดเขามากกว่า 15 ล้านคน มันไม่ใช่ง่ายนะที่จะมาอยู่ท่ามกลางคนเกลียดมากขนาดนี้ แล้วความเกลียดนี้มันรุนแรงมากกว่าสมัยไทยรักไทย ตอนนั้นคนส่วนใหญ่รักคุณทักษิณ มีความหวังกับคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทย แต่วันนี้ถอย ถอยจาก 19 ล้านเสียง เหลือ 15 ล้านเสียง

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
 

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger