การเข้ามาบริหารหลังเกิดวิกฤติเศษรฐกิจ ของรัฐบาลชวน 2 แทนที่รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาโครงสร้างทางการเงินพร้อมๆกับการแก้ปัญหาโครงสร้างการผลิตหรือการประกอบการโดย
ตรง กลับมุ่งแก้ปัญหาที่สถาบันการเงิน ต้องเร่งให้ธนาคารเพิ่มทุนมากๆ เพื่อสำรองความเสียหายก่อน
เมื่อธนาคารเพิ่มทุนแล้วก็จะมีความมั่นคง สามารถปล่อยกู้ให้ธุรกิจฟื้นตัวได้
รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้พยายามผลักดันให้ธนาคารเพิ่มทุน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงออกมาตรการ 14
สิงหาคม 2541 มูลค่า 300,000 ล้านบาท เพิ่มทุนให้สถาบันการเงิน
โดยหวังว่าถ้าสถาบันการเงินแข็งแรงขึ้น ธุรกิจอื่นก็จะดีขึ้นตามมา
ปรากฎว่าเป็นความพยายามที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการแก้ปัญหาสถาบันการเงิน เหมือนการเอาหินไปถมทะเล ถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเต็ม
ทำให้รัฐบาลตัดสินใจเข้าไปยึดกิจการธนาคารและบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บางส่วน
โดยมุ่งนำมาควบรวมขายให้กับต่างชาติในการขายธนาคารพาณิชย์แต่ละครั้งรัฐบาลนายชวน
อ้างว่าขายแล้วจะไม่ขาดทุน เพราะตั้งราคาขายเท่ากับราคาที่ยึดมา
แต่จนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่ยอมเปิดเผยเงื่อนไขการขายธนาคารที่แท้จริงออกมา
และไม่เปิดเผยรายละเอียดของสัญญา แต่ข้อเท็จจริงคือ
รัฐบาลยอมชดใช้ความเสียหายจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารดังกล่าว
(ซึ่งได้แก่ ธนาคารรัตนสิน และธนาคารศรีนคร) ถึง 85% ให้กับผู้ซื้อต่างชาติ
นอกจากนั้นยังยอมจ่ายดอกเบี้ยให้กับสินเชื่อที่เป็น NPL ให้กับผู้ซื้อเป็นระยะเวลา
3-5 ปีอีกด้วย
ด้วยเงื่อนไขนี้
การขายธนาคารที่รัฐยึดมาจึงเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ซึ่งเป็นนักลงทุนต่างชาติอย่างที่สุด
โดยที่ต้องซ่อนการขาดทุนดังกล่าวเอาไว้เป้นภาระของผู้เสียภาษีในอนาคตจำนวนหลายแสนล้านบาท
ขณะเดียวกันยังสร้างความไม่เท่าเทียมกันระหว่างธนาคารที่ขายให้
กับธนาคารที่ยังเป็นของคนไทย เพราะธนาคารคนไทยยังคงต้องแบกภาระแก้หนี้ NPL สูงถึง
35-40 % ของสินเชื่อทั้งหมดด้วยตัวเอง
ปฏิบัติการการยึดธนาคารครั้งนี้
สร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างมหาศาล
จนถึงวันนี้ได้สร้างภาระให้กับกองทุนฟื้นฟูแล้วประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท
ซึ่งสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลต้องหาแหล่งเงินมากลบความเสียหายในครั้งนี้
คลิกดูรายละเอียด
ซึ่งในยุคต่อมาของรัฐบาลอภิสทธิ์ การแก้ปัญหาก็คล้าย ๆ กัน คือมุ่งช่วยให้กับคนที่มีงานทำ มีรายได้อยู่แล้ว นั่นคือโครงการเช็คช่วยชาติ (ตรงนี้ยังไม่พูดถึที่มาของเช็ค แทนที่จะเป็นธนาคารของรัฐที่จะมีรายได้จาก เช็คและเรื่องการบริหารบัญชี กลับใช้บริการของธนาคารเอกชน) ก็มุ่งแจกเงิน 2,000 บาทให้กับผู้ที่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมที่มีรายได้ไม่เกิน 14,999 บาทต่อเดือน งานนี้ ใช้เงิน 16,000 ล้านบาท
คนที่มีรายได้ขนาดนี้ ถือว่าไม่มีความเดือดร้อน บอกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลปรากฏว่า ก็เป็นการเอาหินไปถมทะเลอีกเช่นกัน
คลิกดูรายละเอียด
หมายเหตุ เงิน 2,000 บาท นำมาจากงบประมาณ ปี 2552 ไม่ใช่มาจากกองทุนประกันสังคมอย่างที่เข้าใจกัน เพียงแต่จ่ายผ่านบัญชีผู้ที่มีประกันสังคม เพื่อที่จะทราบรายได้ จากการจ่ายประกันตน ว่ามีเงินเดือน เท่าไหร่
คลิกดูรายละเอียด
Home » อุ้ม » "ประชาธิปัตย์" ยุคไหนก็มุ่งช่วยคนรวย
Monday, October 14, 2013
"ประชาธิปัตย์" ยุคไหนก็มุ่งช่วยคนรวย
Related Posts
- "อภิสิทธิ์" ยันสู้ในสภา ค้านนิรโทษสุดซอยหนุนฆ่าคนได้อย่างสุจริต...งง..ตกลงใครเป็นคนสั่งฆ่ากันแน่
- อภิสิทธิ์ ชี้ ไม่มีรัฐบาลไหนที่จะจำกัดสิทธิ์ผู้ชุมนุมตามกฏหมาย สงบและปราศจากอาวุธ
- อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง อภิสิทธิ์ - สุเทพ กรณีสั่งทหารสลายการชุมนุมเสื้อแดง เหตุคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บเป็นพัน
- จุรินทร์ กระโดด “อุ้ม” เชนทุ่มเก้าอี้อ้างถูก “รัฐ” ปิดปาก
- คลิป วิเคราะห์ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของ "ประชาธิปัตย์" จากห้องข่าวเนชั่น
Stay Tuned with our News Letter
Don't miss out on the latest
news, sign up for our Newsletter.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
สวัสดีเพื่อน ๆ ถ้าคุณต้องการสินเชื่อเงินสดในวันนี้มีเพียง บริษัท เดียวที่ฉันสามารถแนะนำให้คุณได้ซึ่งฉันได้รับเครดิต 23,000 ยูโรจากบริการทางการเงินของรัฐบาลกลางฉันแนะนำผู้ที่ขอสินเชื่อทั้งหมด บริษัท นี้ผ่านทางที่อยู่อีเมลของพวกเขา : [FEDERALOAN@GMAIL.COM] หรือ WhatsApp +18457315716 หรือส่งข้อความถึงเราใน LINE ID ที่ (fd122) ฉันได้รับเงินกู้จากพวกเขาหลังจากอ่านเกี่ยวกับข้อเสนอเงินกู้ของพวกเขาที่นี่ใน Facebook และตอนนี้หนี้สินของฉันได้รับการชำระเรียบร้อยแล้ว
ReplyDelete