จากการเปิดเผยของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังหารือร่วมกับนายหลู่ ตรง ฟู รมช.คมนาคม สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ จะลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยโครงการ ความร่วมมือของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยที่เชื่อมโยงกับการชำระค่าใช้จ่ายด้วยสินค้าเกษตร โดยกำหนดเงื่อนไขเบื้องต้นการเจรจาว่า จีนจะต้องยอมรับให้ไทยชำระค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นสินค้าเกษตรได้ เช่น ข้าว ยางพารา
ซึ่งทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการเจรจา และไม่ใช่สินค้าข้าวอย่างเดียว เป็นสินค้าเกษตร อย่างอื่นด้วย
คลิกดูรายละเอียดของข่าว
จากการเปิดเผยของนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ การซื้อขายสินค้าในลักษณะสินค้าแลกสินค้า (บาร์เตอร์เทรด) ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการขายแบบปกติ คลิกดูรายละเอียดของข่าว
ซึ่งทาง สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้ลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท คอฟโก จำกัด (COFFCO Corporation) โดยจะเป็นการซื้อข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว และข้าวเหนียวจากไทย ปีละ 200,000 ตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งสิ้น 1,000,000 ตัน เบื้องต้นมูลค่าการซื้อขายคาดว่าจะไม่ ต่ำกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคิดจากราคาเฉลี่ยข้าวทุกชนิดขณะนี้ที่ 750 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
การซื้อขายแบบ ลักษณะสินค้าแลกสินค้า (บาร์เตอร์เทรด) เป็นเพียงช่องทางหนึ่งของการได้ระบายสินค้าเกษตร ไม่ใช่ว่าการค้าสินค้าเกษตรกับจีนต้องใช้ช่องทางนี้ทั้งหมด
นี่คือความคิดของคนระดับ รมต.คลัง ในฐานะที่เป็น ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของคนไทยเช่นกัน ในขณะที่ รัฐระบายข้าวไม่ได้ก็โจมตี มีโอกาสระบายสินค้าได้ก็โจมตี...ตกลงจะให้ทำอย่างรไ ?
0 comments:
Post a Comment