Tuesday, June 25, 2013

ดาวแดงหลงยุค

การที่ได้เห็นคนแต่งชุดยูนิฟอร์มคอมมิวนิสต์เดินขบวนกลางเมืองหลวง ทั้งยังปักหลักเป็นเวลานานหน้าพระบรมมหาราชวังอย่างไม่สะทกสะท้าน นับเป็นเรื่องที่แปลกพออยู่แล้ว การที่ได้เห็นคอมมิวนิสต์กลุ่มนี้ประกาศจะปกป้องราชบัลลังก์และเรียกร้องรัฐบาลพระราชทานยิ่งเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการ ต่อให้เลนิน ประธานเหมา หรือ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร กลับชาติมาเกิดก็เถอะ แต่นี่คือการปรับตัวรูปแบบหนึ่งของคอมมิวนิสต์และคอมมิวนิสต์แบบไทยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนที่อื่น

            ลัทธิคอมมิวนิสต์ก็เหมือนสิ่งมีชีวิต มีพัฒนาการเหมือนอย่างอื่น เริ่มจากมาร์กซิสต์ที่มีแค่ตำรา แต่เลนินเอาไปผูกกับชนชั้นกรรมาชีพและพรรคที่เป็นหัวหอก จุดชนวนโค่นล้มรัฐบาลกษัตริย์รัสเซียตั้งเป็นโซเวียตได้สำเร็จเมื่อต้นศตวรรษที่แล้ว แนวคิดสังคมนิยมสุดโต่งไปทางซ้ายและใช้พรรคเป็นตัวบงการวิถียังดำเนินต่อไปอีกร่วมร้อยปี แต่ในบางพื้นที่ มีการปรับนิดหน่อยโดยจีนใช้ชาวไร่ชาวนาเป็นพลังขับเคลื่อนแทนกรรมกร สองคู่หูมหาอำนาจคอมมิวนิสต์แพร่กระจายความคิดและอาวุธ จนเกือบพิชิตโลกได้เมื่อ 40 ปีก่อน มาสะดุดเอาที่ไทย เพราะความสำเร็จของหลายๆ ฝ่ายที่สามัคคีกันต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นสถาบัน ศาสนา กองทัพและประชาชน

            ทุกวันนี้แทบจะกล่าวได้ว่า การยึดแนวทางมาร์กซิสต์หรือเลนินนิสต์ เป็นเรื่องล้าสมัยที่มีแต่ในการศึกษาหรือปฏิบัติโดยคนเฉพาะกลุ่มที่น้อยเต็มทน ไม่เกรียงไกรเหมือนอดีตอีกแล้ว คอมมิวนิสต์ในที่ต่างๆ ปรับตัวแปลกๆ กันออกไป เช่น จีน ลาว เวียดนาม ถึงยังรักษาระบอบพรรคเดี่ยวเอาไว้ แต่ก็กลายเป็นคอมฯ เฉพาะการเมือง ส่วนเศรษฐกิจเปิดท้ายโล่งโจ้ง คิวบาก็เหลือเเต่เปลือกของตำนานเช ทุนนิยมที่กินได้เข้ามาตามถนนแล้ว เกาหลีเหนือนั้นก็เป็นคอมฯ แบบชูผู้นำเป็นหลัก ไม่เน้นตำราอื่นนอกจากตำราของคิม อิล ซุง สำหรับขบวนการคอมฯ ในประเทศอื่นๆ นั้น ก็มีที่เนปาล ขบวนการเหมาอิสต์เก่งกล้าขนาดล้มสถาบันกษัตริย์เข้าปกครองประเทศได้ แต่ก็ไม่ยักประกาศให้ประเทศเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะรู้ดีว่าพาประเทศไปไม่ไหวแน่ ที่อินเดียกับบางประเทศในอเมริกาใต้ เช่น เปรู และโคลอมเบีย ก็มีขบวนการเหมาอิสต์ยังรบในป่าแถวตะวันออกของประเทศ พวกนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพี่ใหญ่คอมมิวนิสต์แต่อย่างใด จึงออกแนวเอาอุดมการณ์มาหากินร่วมกับอาชญากรรมเสียมากกว่า ส่วนที่เวเนซุเอลาและโบลิเวีย ผู้นำเป็นฝ่ายซ้ายแต่ประเทศก็ไม่ได้ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ สำหรับพรรคคอมมิวนิสต์ในยุโรปนั้นก็ยังมีลงแข่งขันชิงชัยในการเลือกตั้งบ้าง แต่ก็มักจะแพ้เขา

            ที่แปลกสุดคือ คอมมิวนิสต์ ไทย เรานี่เอง ที่พัฒนาตนเองแบบฉีกขั้วจากซ้ายสุดไปขวาสุดได้ยังไงหนอ แบ่งอย่างคร่าวๆ ว่าเดิมทีคอมมิวนิสต์ในไทยประกอบด้วยกลุ่มคนสองแบบที่มาจากโลกที่ต่างกัน พวกหนึ่งเป็นคนเมืองผู้มีอุดมการณ์ตามตำรา เห็นความไม่ยุติธรรมจากรัฐในภาพรวม บอบบางกว่าอีกพวก คนเหล่านี้หนีไปสมทบกับพวกที่สองหลัง 6 ตุลาคม 2519 แต่ก็ยังเข้ากับวิถีชีวิตแบบป่าไม่ค่อยได้ จึงทยอยออกมามอบตัวก่อน ส่วนพวกที่สองเป็นชาวไร่ชาวนาถูกกดขี่ตรงจากเจ้าหน้าที่รัฐตามท้องถิ่นต่างๆ พวกนี้รวมตัวเป็น พคท.ที่ต่างๆ ได้รับการฝึกอาวุธจากคอมมิวนิสต์สากล รบกับรัฐบาลอยู่หลายปี แต่ด้วยการที่มหาอำนาจไม่เอาด้วยและวัตรปฏิบัติที่ต่างจากยูโทเปีย จึงพ่ายแพ้เลิกเป็นคอมมิวนิสต์ กลายเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยดีกว่า นึกว่าจมหายไปกับหน้าประวัติศาสตร์แล้ว กลับฟื้นคืนชีพมาได้ไม่ถึงปีมานี้ และมาแนวใหม่ถึงขั้นขอนายกพระราชทานเพื่อล้มรัฐบาลประชาธิปไตยเสียด้วย

            คอมมิวนิสต์ใหม่นี้อาจเป็นลูกหลาน พคท.อีสานใต้ หรือคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่รักในตำนานเช กูวาร่า หรือแสร้งเป็นคอมฯ เพื่อสมประโยชน์โดยผู้อยู่เบื้องหลังที่อยู่ตรงกันข้ามกับรัฐบาลก็แล้วแต่ แต่การที่คอมมิวนิสต์ไทยกลายจากซ้ายสุดขั้วไปขวาสุดโต่งจนเหมือนตลกร้ายทางประวัติศาสตร์อย่างนี้ ใครควรได้รับเครดิตในเรื่องนี้ จะเป็นสถาบัน ศาสนา กองทัพและประชาชน ผู้เอาชนะคอมมิวนิสต์เมื่อ 30 ปีก่อน จนต้องยกเลิกแนวคิดเดิมอย่างสิ้นเชิง หรือจะเป็นทักษิณ ผู้ที่คอมมิวนิสต์เกลียดชังอย่างหนักจนต้องยอมรับสถาบันเพื่อโค่นระบอบทักษิณให้ได้ หรือจะเป็นคนซึ่งอยู่เบื้องหลังหน้ากากขาวกับม็อบสารพัดชื่อ

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger