ชีวิตที่พลิกผัน ….
“ผมเป็นคนไม่ลืมอดีตนะ
แต่ไม่ย่ำอยู่กับอดีต มองข้างหน้าตลอดเวลาแต่ไม่ลืมอดีต
การย่ำอยู่กับอดีตนี่ผมถือว่าเป็นการเสียเวลา
แต่ลืมไม่ได้เพราะการลืมอดีตคือการลืมตัว”
ต้นตระกูล “ชินวัตร” คือ “คูซุ่นเส็ง” หรือ “ชุ่นเส็ง แซ่คู” พ่อค้าและอดีตนายอากรที่อพยพจากจันทบุรีมาตั้งรกรากเริ่มต้นธุรกิจหลายๆ
ประเภทในเมืองเชียงใหม่
ลูกหลานของ “คูซุ่นเส็ง” ในรุ่นต่อๆมาแตกแขนงการทำธุรกิจออกไป
บางส่วนขยับขยายมาทำการค้าใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ “เลิศ ชินวัตร” ก็เป็นสายหนึ่งของตระกูลที่มาปักหลักที่สันกำแพง
“ผมเกิดที่
อ.สันกำแพง เชียงใหม่ ตอนผมเกิดบ้านผมยังอยู่ที่หน้าตลาดสันกำแพง
เป็นเรือนไม้ห้องแถวสองชั้น . . . เรียนที่สันกำแพงอยู่จนถึงอายุประมาณ 15 ปี ถึงย้ายเข้ามาอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่”ดร.ทักษิณเล่าถึงชีวิตในวัยเด็ก
ในวัยที่ต้องศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจังนี่เอง
เขาพบว่าตัวเองเป็นคนชอบคิด คิดเร็ว เรียนเร็ว ใฝ่รู้เรื่องต่างๆ
คนหนึ่งเหมือนกัน
“ตอนเด็กจำได้ว่าไปเรียนกับครูผู้หญิงแก่ๆชื่อ
ควาย ครูควายเลยละ……. ผมชอบเรื่องเลขแกก็สอนผมเพลินเลยนะ
สอนวิธีหารยาวจนก่อนเข้าป. 1 ผมก็หารยาวเป็นแล้วนะ”
เมื่อย้ายจากโรงเรียนในสันกำแพงมาเรียนต่อชั้นประถม
3
ที่มงฟอร์ตเชียงใหม่ แม้จะเสียเปรียบเนื่องจากไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษมาก่อน
(ที่โรงเรียนมงฟอร์ตจะสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถม 1) แต่ ด.ช.ทักษิณก็ทำข้อสอบได้ถึง 75%
ความเป็นคน “ชอบเรียน” และ “เรียนเก่ง” กลายเป็นข้อเด่น
ของ ดร.ทักษิณ ที่ญาติพี่น้องรวมถึงคนใกล้ชิดต่างยอมรับ
และไม่แปลกใจเลยเมื่อในเวลาต่อมาเขาสามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารสำเร็จในปี
พ.ศ. 2510
และจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 26 ในปีพ.ศ. 2516 โดยสอบได้คะแนนเป็นที่ 1 ของรุ่น
อย่างไรก็ตามดร.ทักษิณก็มิใช่
“เด็กเรียน” ที่จมอยู่กับกองตำราอย่างเดียว
อีกด้านหนึ่งของชีวิตวัยเยาว์ในฐานะ “ลูกพ่อค้า” ทำให้ดร.ทักษิณผ่านประสบการณ์การทำงาน
ค้าขาย เรียนรู้
การทำธุรกิจจากการติดตามผู้เป็นบิดาไปเกือบทุกที่ทุกแห่ง
การทำธุรกิจจากการติดตามผู้เป็นบิดาไปเกือบทุกที่ทุกแห่ง
หลังเวลาเรียน
เขากลายเป็นเด็กเดินขายหวานเย็น ช่วยขายมอเตอร์ไซด์-ขายอะไหล่หน้าร้าน
ออกไปติดตามทวงหนี้ ช่วยงานบัญชีที่ธนาคารเป็นพนักงานโรงหนัง
แม้กระทั่งงานปล่อยรถ-ขับรถเมล์ก็เคยทำมาแล้ว
ประสบการณ์หลากหลายของ
ดร.ทักษิณในวัยเยาว์นั้น ส่วนหนึ่งเนื่องเพราะ “คุณพ่อเลิศ” เป็นคนที่สนใจทำธุรกิจหลายประเภท
ตั้งแต่ลงทุนทำสวนส้ม ช่วงหนึ่งไปเป็นกัมปะโด(หัวหน้าแผนกสินเชื่อ)
ให้ธนาคารนครหลวงไทย
สาขาเชียงใหม่
ทำโรงภาพยนตร์ศรีวิศาลเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์รถยนต์ ฯลฯ
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ
“คุณพ่อเลิศ”
เป็นคนทันสมัย ใจกล้าที่จะลงทุนนำสินค้าใหม่ๆ มาขายหรือเลือกธุรกิจใหม่ๆ
มาทำอยู่ตลอดเวลา
เป็นคนทันสมัย ใจกล้าที่จะลงทุนนำสินค้าใหม่ๆ มาขายหรือเลือกธุรกิจใหม่ๆ
มาทำอยู่ตลอดเวลา
“นายเลิศนั้นเป็นบุคคลที่มีความคิดก้าว
หน้าชอบความทันสมัย. . . คนทั้งสันกำแพงเห็นตู้ เย็นเครื่องแรกที่ร้านกาแฟนายเลิศ เครื่องปั่นมะพร้าวก็เหมือนกัน . . . ตอนทำสวนลงทุนสั่งรถแทร็กเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องจักรทุ่นแรงที่ทันสมัยมากมาใช้เป็นคนแรก”
หน้าชอบความทันสมัย. . . คนทั้งสันกำแพงเห็นตู้ เย็นเครื่องแรกที่ร้านกาแฟนายเลิศ เครื่องปั่นมะพร้าวก็เหมือนกัน . . . ตอนทำสวนลงทุนสั่งรถแทร็กเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องจักรทุ่นแรงที่ทันสมัยมากมาใช้เป็นคนแรก”
นอกเหนือไปจากความขยัน-สู้งาน
สู้ชีวิต ชอบเรียนรู้ทดลองทำด้วยตัวเองจนทำให้เขาเข้าใจถึงความเป็น “นักปฏิบัติ” แล้ว แบบอย่างจากบิดาซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มองไกลสนใจความรู้วิทยากรใหม่อยู่เสมอ
ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งเขาได้รับการถ่ายทอดติดตัวมา
พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เกิดวันที่ 26 กรกฏาคม 2492 ที่อำเภอกำแพงเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย (ดำรงตำแหน่ง: 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544- 19 กันยายน พ.ศ2549) เป็นผู้ก่อตั้ง และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นนักธุรกิจ
ผู้ก่อตั้งกลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น
เคยเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี
พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ
เป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งคนแรก ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี แต่กลับต้องพ้นจากตำแหน่งในวาระที่สอง เนื่องจากการรัฐประหาร
เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ขณะกำลังร่วมการประชุมสหประชาชาติ ที่ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ที่มา:
ที่มา:
www.varinthorn.com
0 comments:
Post a Comment