เจอบทความ "เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ" หายไปไหน ของ ลมเปลี่ยนทิศ จาก นสพ.ไทยรัฐ ก็เห็นจริงกับ "อาการแผ่ว" ของเศรษฐกิจไทยที่ส่งสัญญาณมาตั้งแต่เริ่มครึ่งปีหลัง
ทั้งๆที่รัฐบาลได้ใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไปเป็นจำนวนมาก
ทำให้สำนักต่างๆ
ออกมาหั่นคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้ จะโตแค่ 4%
จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัวถึง 5.5% แม้แต่รัฐบาลเองก็เตรียมปรับลด จีดีพี
เพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีแรงกระตุ้น
ที่จะส่งให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวสูงถึง 5.5% ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้
สาเหตุที่จีดีพีไทยไปไม่ถึงฝั่งฝัน
ก็โทษกันไปว่า เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดี เศรษฐกิจจีนไม่ดี เลยทำให้
ธนาคารโลก ต้องปรับลดเป้าจีดีพี โลกปีนี้จาก 2.4% เหลือ 2.2%"แต่ที่น่าแปลกก็คือ จีดีพีสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ พึ่งพาส่งออกมากกว่าไทย กลับมีอัตราเติบโตก้าวกระโดด จีดีพีไตรมาส 2 ของสิงคโปร์โตถึง 15.2% สะท้อนถึงฝีมือการบริหารจัดการประเทศของสิงคโปร์ได้เป็นอย่างดี เป้าของจีดีพีโลก จึงไม่ได้เป็นปัญหาต่อประเทศใดประเทศหนึ่งมากนัก ถ้ารู้จักทำวิกฤติให้เป็นโอกาส แต่ไทยกลับทำโอกาสให้เป็นวิกฤติ เห็นชัดเจนก็เรื่อง “ข้าว” นี่แหละ ทำเองจนตลาดพังยับ" ลมเปลี่ยนทิศ
โดยส่วนตัวแล้ว เรื่อง "ข้าว" ไม่ใช่เหตุของทั้งหมด
ถ้าพูดแบบ "ฟันธง" คือเรื่องการเมือง
ที่ออกมาเล่นกันไม่เลิก จากเรื่องข้าว ที่สร้างกระแส ถึงสาร "พิษ" ปนเปื้อนในข้าว จนอย่าว่าแต่ต่าง
ประเทศจะสงสัย "คนไทย" ก็รุ้สึกกังวลไปด้วย
มาถึง โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ที่รัฐบาลเดินหน้าไม่ได้
ต่อไปก็ โครงการ 2 ล้านล้าน ที่ส่อว่าจะสะดุด
เรื่องทั้งหมดก็กระทบไปถึง "นักลงทุน" ที่ลังเลว่าจะเดินหน้าในโครงการของตัวเองหรือไม่
นักลงทุนต่างชาติ ก็กล้า ๆ กลัว ๆ ถึงทิศทางที่ไม่แน่นอน ทางการเมืองว่าจะเป็นอย่างไร
โครงการบริหารจัดการน้ำ จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่
โครงการพัฒนาระบบขนส่ง 2 ล้านล้าน จะเป็นอย่างไร
เขาเข้ามาลทุน (แม้แต่นักลงทุนในไทย) เขาจะได้เงินคืนหรือไม่
ถ้ายังเล่นกันไม่เลิกอย่างนี้
รัฐบาลระบายข้าวไม่ได้ ชาวนาก็ขายข้าวไม่ออก
รัฐบาลก็ไม่สามารถเดินหน้าโครงการอะไรได้เลย
การลงทุนก็ถดถอย
ประเทศจะเป็นอย่างไร คงไม่ต้องบอก
ผู้ที่รับกรรมก็ คือ "ประชาชน"
0 comments:
Post a Comment