Thursday, July 18, 2013

เปิดตัว"นารายณ์"ทัพหน้าอารักขา"ปู"

                โดย...ปริญญา ชูเลขา

หลังโดนกลุ่มหน้ากากขาวออกมาขับไล่ ทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เวลานี้ต้องมีทีมตามอารักขายิ่งกว่าไข่ในหิน โดยเฉพาะพักหลังภารกิจต่างจังหวัด อาทิ ทัวร์นกขมิ้น หรือ ครม.สัญจร นายกฯ ปู จะไม่นั่งรถยนต์ให้เป็นเป้าอีกแล้ว แต่จะใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นพาหนะแทน

อย่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 18-19 ก.ค. ขบวนนายกฯ จะใช้ ฮ.ทั้งหมด 4 ลำในการเดินทางพบปะประชาชน

เท่านั้นยังไม่พอ มีการยกระดับภารกิจอารักขากันทางอากาศอีก โดยมีการนำเครื่องบินจิ๋วไร้คนขับ หรือเครื่อง UAV บินตามประกบเป็นตาสับปะรด อารักขา ฮ.ประจำตัวนายกฯ EURO และ Black Hawk ภายใต้รหัสม้าขาว

เครื่องบินจิ๋วที่ว่า ชื่อ “นารายณ์” ขนาดตัวเท่าเครื่องบินบังคับวิทยุเด็กเล่นทั่วๆ ไป แต่ศักยภาพไฮเทคมีกล้องติดเลนส์ซูมบันทึกภาพมุมสูงได้คมชัดส่งสัญญาณทางระบบอินเทอร์เน็ต ส่งสัญญาณภาพ 3 มิติและ Real Time ได้ รัศมีการบิน 2 กิโลเมตร เพดานบินสูง 600 เมตร อยู่กลางอากาศได้นาน 30 นาที

“นารายณ์” จะมาพร้อมรถตู้สีดำ ซึ่งภายในรถมีเครื่องรับ-ส่งสัญญาณภาพเสียงทันสมัยครบครัน พร้อมทีมงานเฉพาะกิจ 5 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 1 ที่จะคอยบังคับเครื่องนารายณ์ มอนิเตอร์ภาพ และประสานงานกับทีมงานตามขบวนนายกรัฐมนตรีถึงภารกิจการเดินทาง ซึ่งจะต้องไปเป็นทีมงานล่วงหน้าเพื่อเคลียร์พื้นที่ก่อนนายกรัฐมนตรีจะเดินทางถึง เพื่อส่งสัญญาณ “เคลียร์! ม้าขาว มาแล้ว”

น.ท.รัตน์ จันทร์น้อย หัวหน้าทีมดูแลภารกิจจากสำนักวิจัยและพัฒนาทางทหาร กองทัพเรือ ในฐานะผู้ร่วมประดิษฐ์เครื่องบิน UAV ดังกล่าว บอกว่า มีการใช้ UAV ดูแลรักษาความปลอดภัยผู้นำนับตั้งแต่การประชุมผู้นำน้ำโลก 23 ประเทศ ที่ จ.เชียงใหม่ การประชุม ครม.สัญจร จ.กำแพงเพชร

“ที่มาของชื่อ นารายณ์ เพื่อให้เกียรติแก่ พล.ร.อ.ยุทธนา ฟักผลงาม รอง ผบ.สส. คนปัจจุบันที่เป็นผู้คิดค้น ที่ให้ชื่อนี้เพราะพระนารายณ์มี 4 กร โดยมีราคาลำละ 1 แสนบาทเท่านั้น ปัจจุบันประจำการอยู่ในกองทัพ 14 ลำ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จำนวน 2 ลำ อยู่ที่ภาค 1 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และที่ภาค 5 จ.เชียงใหม่”น.ท.รัตน์ กล่าว

สำหรับภารกิจหลักของนารายณ์ เหมือนกับพลทหารสอดแนม หรือสเกาต์ ที่จะบินลาดตระเวนโดยรอบพื้นที่ที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึง โดยเฉพาะจุด “สูงข่ม” ที่เป็นตึกสูงโดยรอบทั้งหมดว่ามีมือสไนเปอร์ดักซุ่มยิงอยู่หรือไม่ หากพบทางเจ้าหน้าที่อารักขาจะได้ส่งหน่วยสวาทเข้าไปเคลียร์พื้นที่บนยอดตึกสูงทันที

ขณะเดียวกัน ยังบินส่องบริเวณโดยรอบรัศมี 2 กิโลเมตร ว่ามีกลุ่มชุมนุมทางการเมืองมาก่อกวนหรือไม่ หากมีก็จะสามารถประสานกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ประเมินกำลัง จำนวนม็อบว่ามีเท่าไร อยู่บริเวณจุดใด และมีการพกอาวุธหรือไม่ โดยจะส่งสัญญาณภาพ Real Time มายังรถตู้ที่มีเครื่องรับสัญญาณด้วยระบบอินเทอร์เน็ตที่สามารถส่งภาพไปยังทีมอารักขาข้างกายนายกรัฐมนตรีได้ทันที ซึ่งสามารถปรับแผนอารักขาได้ทันท่วงที

นอกจากนี้ หากเกิดเหตุการณ์ม็อบก่อกวนสร้างความวุ่นวายเกิดจลาจล นารายณ์ยังสามารถบันทึกภาพมุมสูงไว้เป็นหลักฐานว่าเกิดอะไร ม็อบหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ก่อเรื่อง และด้วยศักยภาพระบบการบินแบบไร้เสียง เพราะใช้แบตเตอรี่เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนใบพัด จึงสามารถสอดแนมโดยข้าศึกหรือศัตรูไม่รู้ตัว

น.ท.รัตน์ กล่าวว่า เครื่อง UAV กำลังพัฒนาศักยภาพล่าสุดพัฒนาเป็นรุ่น “องคต” (ผู้เป็นบุตรของพาลี) ที่ติดกล้องจับความร้อนหรือกล้องอินฟราเรด พร้อมติดเลเซอร์ชี้เป้าหมายและติดตั้งปืนขนาดเล็ก 9 มม. ที่สามารถคลำเป้าหมายด้วยการใช้เลเซอร์นำวิถียิงเป้าหมายได้แม่นยำอย่างอัตโนมัติ และยังมีเครื่องขยายเสียงใช้ข่มขู่กดดันผู้ร้ายที่กบดานหลบให้ยอมมอบตัว และยังจะนำเครื่องรุ่นใหม่ “องคต” นำไปใช้ในภารกิจชิงตัวประกัน หรือไล่ล่ากดดันผู้ร้ายที่หลบหนีเข้าไปในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เข้าถึงได้ยากและเสี่ยงต่อการสูญเสีย เช่น ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุ่งหญ้าป่ารก ตึกแถวสลัมแออัด เป็นต้น

“หากเปรียบเทียบศักยภาพระหว่างนารายณ์ ที่ราคาลำละแสนบาทกับเรือเหาะลำละ 300 ล้านบาทที่ใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าศักยภาพไม่ต่างกัน แต่นารายณ์คุ้มค่ามากกว่า เพราะเรือเหาะหากเจอความเร็วลม 19 นอต ก็ไปไม่เป็นแล้ว แถมก่อนจะนำเครื่องขึ้นเติมก๊าซฮีเลียมครั้งละแสนบาท แต่เครื่องนารายณ์มีเพียงค่าน้ำมันรถตู้และค่าชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น” น.ท.รัตน์ กล่าว

มีแผนอารักขาขนาดนี้ หวังว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คงบินลงไปตรวจพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กันถี่มากขึ้น

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger