Thursday, July 11, 2013

สิ่งที่ผมยังไม่ได้โพสต์ "เรื่องข้าว" สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

 

 

 

สิ่งที่ผมยังไม่ได้โพสต์ "เรื่องข้าว"

10 กรกฎาคม 2013 เวลา 16:25 น.
 
ข้อความจากเพจ  สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ
คนไทยส่วนใหญ่จะคิดเหมือนผมหรือเปล่าผมไม่แน่ใจหรอกครับ  เพราะผมไม่ได้อยากขุดคุ้ยหรือแฉเบื้องหลังการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว  ทั้งไม่เคยคิดอยากจะทำ ไม่มีความสุขในการทำ และไม่มีความสามารถที่จะทำ  ผมคิดว่ามีผู้มีหน้าที่ต้องทำ ควรทำและสามารถทำได้ดีกว่าคนทำสารคดีเล็กๆ อย่างผมอยู่แล้ว 
 
สิ่งที่ผมกังวล ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเองเลยเพราะผมมีข้าวที่ดีที่ผลิตโดยกัลยาณมิตรของผมเองรับประทาน  ผมเพียงแต่เป็นห่วงว่าถ้าข่าวและข้อมูลตามที่ปรากฏอยู่จากการแชร์กันมาเป็นความจริง  นอกจากความวิตกกังวลของคนกินข้าวที่ไม่มีทางเลือกแล้ว  ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ต่างจากการวางยาพิษหมู่คนไทยค่อนประเทศไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครออกมาแสดงความกังวลหรือแสดงเจตนารมณ์ที่จะทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏเลย  กระทั่งข้าวจะออกสู่ท้องตลาด  หรือออกสู่ท้องตลาดมาแล้วเท่าไหร่ก็ไม่รู้  ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะเป็นการก่อบาปครั้งใหญ่มากอีกครั้งหนึ่งของสังคมไทย  หลังจากเราทำต่อกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน  หากกุศลเจตนาของผมที่ไม่อยากให้ใครก่อบาปต่อใครเป็นเรื่องผิด  ผมก็ยอมรับ  ซึ่งผมถามตัวเองว่าถ้าผมเป็นพ่อค้าข้าวที่ขายข้าวให้คนกินผมจะมีความสุขหรืออยากก่อบาปโดยการเอาสิ่งเป็นพิษให้ลูกค้าผู้มีบุญคุณของผม  ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน (หรือไม่ก็ตาม)  กินมั้ย  ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่าไม่
 
ถ้าผมเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน  ผมอยากเห็นประชาชนที่เลือกผมมาต้องสะสมพิษในร่างกายซึ่งจะนำมาซึ่งความเจ็บป่วยและทุกขเวทนาอีกมากมายในภายหลังจากการกินข้าวหรือไม่  และผมอยากมีส่วนร่วมต่อการก่อกรรมกับพวกเขาโดยการเพิกเฉยหรือไม่  ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ว่าใครก็ต้องตอบเหมือนผมนั่นก็คือ  “ไม่” 
 
มันเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจมากใช่มั้ยครับ  ถ้าแม้แต่กระทั่งลูกเด็กเล็กแดงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือทารกไร้เดียงสาที่ดื่มนมจากนมมารดายังพลอยรับกรรมดื่มพิษไปด้วย   คิดแบบนี้ดรามาเกินไปหรือเปล่าครับ 
 
กรรมที่ก่อเช่นนี้ในทางพุทธศาสนาเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่ง  ซึ่งเป็นบาปที่ร้ายแรงมาก  ศาสนาไม่ได้สอนให้ผมเอาตัวรอดแต่สอนให้ผมตระหนักว่าถ้าพบเห็นผู้ใดกำลังจะก่อกรรมอันเบียดเบียนและทำลายชีวิต  ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่  ถ้าผมทำอะไรได้ผมไม่ควรดูดาย  หากไม่แสดงความปรารถนาดีต่อชีวิตผู้อื่นนั่นแหละ  เป็นความผิดบาป
 
ถ้าความหวังดีของใครก็ตามที่มีต่อทุกฝ่ายเป็นโทษต่อตัวเอง  ผมว่าก็คงต้องกลับไปตั้งคำถามกับการเทศนาให้คนหลุดพ้นจากอวิชชาของพระทุกวัดด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องนี้  จะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไรก็สุดแท้แต่  ประเด็นที่สำคัญที่ไม่ควร  “หลุด”  และไม่ควร  “หลง”  ก็คือสุดท้ายแล้วอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยในการกินข้าวของคนค่อนประเทศ
 
ในความกังวล  สงสัย  อึมครึม  ผมอยากให้ทุกท่านใช้ปัญญาพิจารณาว่าใครควรจะเป็นผู้คลี่คลายความสงสัยในเรื่องนี้  คนทำสารคดีชีวิตอย่างผม  สำนักข่าว  พ่อค้าข้าว  เจ้าหน้าที่  หรือรัฐบาล  แล้วลองใช้สติไตร่ตรองดูนะครับว่าหากใครลงมือทำจะได้รับการสรรเสริญหรือนินทา  ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเป็นความผิดหรือความไม่ดีที่ไม่ควรทำตรงไหน  และสุดท้ายนี้ผมอยากชวนให้คนไทยพิจารณาเหตุของปัญหานี้ตามหลักพุทธศาสนาว่า  เหตุอยู่ที่ไหน  อยู่ที่การแชร์ข้อมูล (ซึ่งมีคนแชร์มากมายก่อนผม)  หรืออยู่ที่วิธีการในการเก็บรักษาข้าวที่ต้องใช้สารเคมีมีพิษซึ่งตกค้างและเป็นอันตรายต่อชีวิต 
 
........หรืออยู่ที่พิษทั้งหลายในใจคน

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger