Monday, August 5, 2013

มุข ที่ "ประชาธิปัตย์" และฝ่ายโค่นล้มใช้มาตลอด....สถาบัน

การเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือที่เราเรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตย ข้อหาที่ใช้กันประจำ คือการบริหารงานล้มเหลว ทำให้เกิดการทุจริต โกงกิน

สมัยรัฐบาลไทยรักไทย มีข้อหาเพิ่ม การทุจริตเชิงนโยบาย และเผด็จการทางรัฐสภา

ข้อหาแรกไม่สามารถที่จะหาหลักฐานมากล่าวหาได้ ก็เลยบอกว่า ทุจริตเชิงนโยบาย

สำหรับคำว่าเผด็จการทางรัฐสภา ก็เกิดขึ้นในยุคสมัยเดียวกัน ข้ออ้างของประชาธิปัตย์ คือ ฝ่ายค้านไม่สามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ คือไม่สามารถ อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีได้ เพราะเสียงไม่พอ ที่จะใช้ตามต้องใช้ ส.ส. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 5 ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่  ซึ่งจำนวน สส.ของประชาธิปัตย์ที่มีอยู่ในขณะนั้นมีจำนวน ไม่เพียงพอ

สำหรับข้อกล่าวหาที่ใช้กันมาทุกยุค ทุกสมัย คือ การแอบอ้างสถาบัน เริ่มต้นจากให้คนไปตะโกนในโรงหนัง สมัยท่าน ปรีดี พนมยงค์  ผลปรากฏว่าศาลตัดสินให้ชนะทุกคดี และยังได้รับความรับรองจากทางราชการตลอดจนเงินบำนาญและหนังสือเดินทางของไทย

ในสมัย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ทางพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็มีการตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับกรณี ทำบุญในวัดพระแก้ว และ ข้อกล่าวหา ล้มสถาบัน เพื่อสถาปนาตัวเอง เป็นประธานาธิบดี สำหรับข้อกล่าวหานี้ ประชาธิปัตย์ ยังกล่าวอ้าง บนเวทีปราศรัย ในการหาเสียงเลือกตั้งในหลาย ๆ ครั้ง เช่น การหาเสียงสมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯมหานคร (นาทีที่ 30 .00 เป็นต้นไป)

ในการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ก็มีข่าวแพร่สะพัด ในช่วงวัน 2 วันนี้  ของกลุ่มคนที่ สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะมีการ ล้มสถาบันของคนเสื้อแดง และฝากฝ่ายรัฐบาล

การกระทำของ ประชาธิปัตย์มีเป้าหมายเดียวเพื่อ ยุยงกลุ่มคนออกมาได้มากที่สุด เพราะ สถาบันเป็นสิ่งที่เทอดทูนเคารพของประชาชนไทยทุกคน

นี่คือสิ่งที่พรรคนี้กล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ โดยไม่คำนึงวิธีการ

กล่าวหาว่าผู้อื่นไม่จงรักภักดี แล้วจริง ๆ ตัวเอง มีความจงรักภักดี หรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิด

ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นเช่น นายฐนโรจน์ โรจนกุลเศรษฐ์ ส.ส.ชลบุรี ไม่ยืนระหว่างเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลง นี่คือคนของพรรคที่ อ้างว่าจงรักภักดี

ก็คงมีแต่คนที่ หน้ามืด ตาบอด ที่ยังคงหลงเชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และกลายเป็นเครื่องมือ ของพรรคนี้ไปทำร้ายคนอื่น ทำร้ายประเทศไทย







0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger