Friday, June 28, 2013

ย้อนรอยโวหาร ปั้นน้ำเป็นตัว ของประชาธิปัตย์


การเปิดประเด็นของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีข่าวที่ระบุว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งคนไปทาบทามพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลนั้น ท้ายที่สุดก็ยังหาความชัดเจนใดๆ ไม่ได้ เพราะการปราศรัยของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือการให้สัมภาษณ์มีหลายครั้งที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงตามกล่าวอ้าง

เป็นอัตลักษณ์ เฉพาะของพรรคการเมืองเก่าแก่ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่ช่ำชองการใช้ภาษา และสำนวนโวหาร จนสร้างประเด็นใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับกรณี การเปิดเผยข้อมูลเรื่องของการถูกทาบทามให้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยโดย เรื่องนี้เกิดขึ้น จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ออกมาเปิดประเด็นบนเวทีปราศรัยว่า มีสตรีสูงศักดิ์ 2 ท่าน กับสุภาพบุรุษอีก 1 คน มาเจรจาทาบทาม ให้เข้าร่วมรัฐบาล

พร้อม ระบุว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ส่งให้มาพูดคุย เพื่อแลกกับการให้หยุดเคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องพ.ร.บ.ปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังเดินหน้า จนทำให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ต้องออกมาตั้งคำถามว่า ขอให้เปิดเผยให้ชัดมาเลยว่า ใครเป็นคนไปทาบทามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่อยากให้มีการกล่าวลอยๆขึ้นมา แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆมีเพียงการประสานเสียงจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาบอกว่า ได้แจ้งให้ผู้ใหญ่ในพรรคทราบแล้ว และยืนยันจุดยืนของพรรคที่ไม่คิดจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย

แต่ ไม่นานก่อนหน้านี้ ได้เกิดกรณีการเปิดเผยข่าวที่ระบุว่า พันตำรวจโททักษิณ ไปเจรจากับแกนนำกลุ่มพูโลถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กระทั่งมีการออกมายืนยันจากสมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัด ชายแดนภาคใต้ ระบุชัดเจนว่า ข่าวชิ้นนี้น่าจะมาจากการปล่อยข่าวของสมาชิกเครือข่ายขบวนการพูโล เพื่อหวังยกระดับตัวเอง โดยหน่วยข่าวความมั่นคงได้หยิบมารายงานในที่ประชุม และยังไม่มีการยืนยันใดๆซึ่งจากนั้นก็ไม่มีคำอธิบายจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า เอาข้อมูลมาจากไหนอย่างไร

ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะนี้ เกิดมาตั้งแต่อดีต เมื่อครั้งการการอภิปรายไม่วางใจ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2539 โดย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ซึ่งเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ในตอนนั้น ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ให้นำหลักฐานเป็นสำเนาใบแจ้งเกิดของนายบรรหาร ที่ข้อความลางเลือนคล้ายกับการผ่านการถ่ายสำเนามาหลายครั้ง มาใช้เป็นหลักฐานในการอภิปรายตามพล็อตเรื่องที่ระบุว่า นายบรรหารเป็นคนต่างด้าวขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อเวลาผ่านไป นายชำนิทำความเข้าใจอะไรบางอย่างกับนายบรรหารได้ สองพรรคการเมืองนี้เลยยังสามารถมาร่วมงานทางการเมืองได้อีกครั้ง

หรือ อย่างในกรณีการชูประเด็น เรื่องที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความต้องการอยากเป็นประธานาธิบดีซึ่งเรื่องนี้ ถูกปั่นกระแสในช่วงก่อนการรัฐประหาร 2549 โดยการเปิดเผยจาก นายสุเทพเช่นกัน แต่ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีเค้าลางเรื่องนี้เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

นอก จากนี้ การชุมนุมทางการเมืองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กับการจุดกระแสเรื่อง ชายชุดดำและกองกำลังไม่ทราบฝ่าย แต่ไม่พบความพยายามในการล่าตัวชายชุดดำและกองกำลังไม่ทราบฝ่ายแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีเรื่องของรายการ ผังล้มเจ้า ที่สุดท้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงมติสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ท้ายที่สุดก็มีแต่คำกล่าวของนายสุเทพที่บอกเพียงว่า ไม่เข้าใจทำไมดีเอสไอถึงสรุปคดีแบบนี้พร้อมประกาศว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ

ด้วย พฤติกรรมรูปแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อมีการเปิดประเด็นย่อมสร้างความฮือฮา แต่เมื่อเวลาผ่านไป กับพบว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ จนทำให้การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ เป็นรูปแบบเฉพาะของพรรคประชาธิปัตย์ ไปแล้ว

ที่มา VoiceTV 18 มิถุนายน 2555

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger