Sunday, August 11, 2013

2 ปี..รัฐนาวายิ่งลักษณ์ ฝ่าพายุการเมือง...คืบก็ทะเล...ศอกก็ทะเล

คืบก็ทะเล...ศอกก็ทะเล รัฐนาวาจมไป 3 ลำแล้ว

รัฐนาวายิ่งลักษณ์จะฝ่ามรสุมฤดูนี้ได้หรือไม่ ?
สิงหาคม-กันยายน ทุกปีมีมรสุม มีพายุ พายุการเมือง ก็คล้ายพายุในทะเล ซึ่งมีผลต่อเรือทุกลำ ทุกฝ่าย ใครรู้จักปรับใบเรือ ปรับหางเสือรับคลื่นได้ก็รอดได้

เดือนกันยายน 2549 รัฐนาวานายกฯ ทักษิณ 2 ซึ่งท่องทะเลมาได้ 1 ปี 6 เดือน พยายามฝ่าพายุการเมืองแต่ถูกโจรสลัดเข้ายึดเรือ 2551 พายุการเมืองพัดรัฐนาวานายกฯ สมัคร สุนทรเวช และรัฐนาวานายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ชนหินโสโครกตุลาการภิวัฒน์ จมลงทั้งสองลำ รัฐบาลสมัครตั้งมาได้ 8 เดือน รัฐบาลสมชายเพิ่งตั้งได้ไม่ถึง 3 เดือนก็จมลง

สิงหาคม 2554 นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งรัฐบาลยังไม่ทันเสร็จดี มวลน้ำขนาดยักษ์ก็ออกจากเขื่อนไหลบ่าลงมาท่วมภาคกลางจนถึงกรุงเทพฯ เป็นอุทกภัยใหญ่ในรอบ 100 ปี แต่รัฐนาวาที่สร้างด้วยเสียงประชาชนลำนี้ยังไม่ถูกกระแสน้ำพัดจม จากนั้นเรือก็ออกจากแม่น้ำมุ่งสู่ทะเลใหญ่ ต้องฝ่าคลื่นลมการเมือง และอุปสรรคมากมาย นโยบายและเป้าหมายที่วางไว้จะไปถึงหรือไม่ ตอนนั้นทุกคนที่เห็นคลื่นลมการเมืองคิดว่าคงลำบาก

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีกัปตันหญิงเข้ามาควบคุมขบวนเรือขนาดใหญ่แม้มีทีมงานที่มีประสบการณ์มาช่วยก็ยังลำบาก ในขณะที่มีคนเอาใจช่วย ก็มีคนแช่ง

หลายคนคิดว่าขบวนเรือนี้ไม่น่าจะรอดไปได้ถึง 6 เดือน เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านไม่นาน มิใช่มีเพียงคลื่นลมการเมืองธรรมดายังมีเรือที่ถูกโจรสลัดยึดไปทั้งเรือและสินค้า ลูกเรือถูกจับไปขังถึงห้าปี มีเรือถูกคลื่นซัดไปชนหินโสโครก

แต่เมื่อกัปตันหญิง ยิ่งลักษณ์ นำขบวนเรือออกทะเลใหญ่อีกครั้ง จากหกเดือนเป็นหนึ่งปียังสามารถฝ่ามรสุม หินโสโครกและโจรสลัดไปได้

ถึงวันนี้เธอนำขบวนเรือสินค้าท่องทะเลอยู่ได้สองปีแล้ว นำกองเรือแวะเยี่ยมเยือนค้าขายกับทั่วโลก เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งแดนใกล้แดนไกล

คำวิจารณ์ของผู้สันทัดการเมือง คือ วันนี้กองเรือออกจากฝั่งมาไกลมากแล้ว ต่อให้มีพายุอยู่ข้างหน้า ก็ต้องเดินหน้าตามแผนที่เดินทางต่อไป

แต่ถ้ารอดจากฤดูมรสุมนี้ได้ถึงต้นปี 2557 ประสบการณ์ในทะเลการเมืองจะทำให้รัฐนาวายิ่งลักษณ์แกร่งขึ้น เก่งขึ้น ก้าวข้ามชั้นมือใหม่หัดขับ สามารถนำขบวนเรือกลับเข้าฝั่งครบรอบ ตามกำหนดการ 4 ปี เป็นไปตามความคาดหวังของพ่อค้าประชาชนทั่วไป

มือใหม่ที่จำเป็นต้องมาขับ

จากวันที่ย่างเข้ามาบนเวทีการเมือง เพียง 50 วันก็เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนถึงวันนี้กินเวลาเข้าไปสองปีแล้ว และตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งก็มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นนายกฯ ที่ไม่เก่ง พูดไม่เก่ง ภาษาไทยไม่คล่อง ภาษาอังกฤษไม่แข็ง ไม่ฉลาด ฯลฯ

ทีมวิเคราะห์มองนายกฯ ยิ่งลักษณ์ตลอดสองปีที่ผ่านมา แต่มิได้รู้จัก มิได้พูดคุยโดยตรง การวิเคราะห์จึงเป็นการมองจากการปฏิบัติในสถานการณ์ต่างๆ ฟังจากผู้อื่น และการดูผลงาน พอสรุปได้ดังนี้

นายกฯ ยิ่งลักษณ์มองว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา ไม่ได้เก่งกาจอะไรเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะไปเป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีการวางฐาน ปั้นแบบเอาไว้ล่วงหน้า และมารู้สึกว่าจำเป็นต้องรับตำแหน่งนี้จริงๆ

หลังเหตุการณ์ประท้วงให้ยุบสภาเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 เพราะชาวบ้านออกมาสู้จนตัวตาย เหตุการณ์นั้นเป็นตัวกำหนดชะตากรรม เหมือนบังคับให้คุณยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นผู้หญิงธรรมดาต้องเข้าสู่สนามการเมืองซึ่งเวลานั้นคล้ายสนามรบ ทั้งที่อยู่ในสภาพของแม่ลูกหนึ่ง

จากนั้นคุณยิ่งลักษณ์ซึ่งน่าจะเป็นหมากตัวสุดท้าย ก็ถูกส่งลงสนาม โดยหวังจะยันแนวรบหลังเดือนพฤษภาคม 2553 ไว้และพลิกสถานการณ์ในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งก็คือการเปิดช่องให้ประชาชนลงไปเล่นเกมการเมืองอย่างถูกกฎหมาย เปิดช่องให้เสื้อแดงมีสิทธิลงสนาม เกมจึงเปลี่ยนไปตามที่คนส่วนใหญ่คาดหวัง เพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเกินครึ่ง ยิ่งลักษณ์กลายเป็นนายกรัฐมนตรี พลิกเกมกลับมาตั้งรัฐบาล

ส่วนการทำงานในตำแหน่ง และการเป็นกัปตันขบวนเรือจะทำได้ดีแค่ไหน เป็นเรื่องที่ทุกคนในช่วงเวลานั้นกังวล แม้แต่ตัวนายกฯ เอง

มีคำวิจารณ์และคำเหน็บแนม ตามมามากมาย ตั้งแต่ปลายผมจนถึงนโยบายมูลค่าล้านล้านโดยเฉพาะจากคนที่ไม่ชอบ ซึ่งคงต้องเทียบกับการทำงานจริงตลอดสองปี นายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา เล่นการเมืองมาเกือบ 40 ปี นายกฯ ชวน หลีกภัย ก็เล่นการเมืองมาถึง 44 ปี นายกฯ อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ เล่นการเมืองมานาน 20 กว่าปี แต่นายกฯ ยิ่งลักษณ์เล่นการเมืองมาสองปีกว่าเท่านั้น ลองเทียบผลงานของทุกคนดู

ถึงวันนี้ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่คิดว่าสู้อยู่กับผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง...สบายมาก แล้วเป็นไง? คิดผิดคิดใหม่ได้ คิดดูว่าแม้แต่ตัวเราเองมีความสามารถทำได้ขนาดนั้นหรือไม่? และอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าความสามารถ?



ความสามารถของนายกฯ ยิ่งลักษณ์

ไม่ง่ายนักที่จะทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีท่ามกลางเสียงเชียร์ และเสียงแช่ง ในขณะที่ตกอยู่ในวงล้อมของปืนและกฎหมาย คนที่ขวัญอ่อนยืนตรงนี้ได้ เดือนเดียวก็เก่งแล้ว แต่เมื่อรู้ศักยภาพตนเอง และมีการเสริมกำลังมาช่วย ก็เท่ากับไม่ประมาทและเตรียมพร้อม นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี และเมื่อดูจากวิธีการปฏิบัติตัว ในทุกด้านและผลงานตลอดสองปี ต้องยอมรับว่าเป็นนายกฯ มือใหม่ที่ทำงานได้ดีมีความสามารถพอควร เพราะ...

1. เมื่อลงสนามจริงนายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นกัปตันทีมที่เล่นเป็นทีมเล่น เล่นตามแผนที่วางไว้ เชื่อฟังโค้ชอย่างดี

2. อดทน... ขยัน... ใจเย็น... คุณสมบัติสามอย่างนี้ไม่ต้องอธิบายเพิ่ม ที่จริงแล้วนายกฯ หญิงคงเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปคนหนึ่ง ที่เป็นห่วงครอบครัว รักสวยรักงาม ดีใจ เสียใจก็อยากแสดงออก แต่ตลอด 2 ปี คงต้องแอบหัวเราะ แอบร้องไห้ มาหลายรอบ ถ้าจะบอกว่ายอมเสียสละมาเป็นนายกฯ จึงต้องอดทนทำทุกอย่างก็คงพูดได้ คุณสมบัติสามอย่างนั้นคือความจำเป็นของคนที่ต้องทำงานในบทผู้นำภายใต้แรงกดดัน ทั้งของศัตรูและมิตร

3. มีจุดยืนเพื่อประชาชน เข้าใจความทุกข์ชาวบ้าน จึงมุ่งทำงานตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้ ซึ่งสามารถทำให้ปรากฏเป็นผลงานได้ เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ฯลฯ

4. มีความตั้งใจ ความจริงใจ แม้เล่ห์เหลี่ยมอาจจะยังไม่ทันฝ่ายตรงข้าม และคนที่อยู่รอบข้าง แต่ความตั้งใจ ความจริงใจ กลับกลายเป็นโล่ป้องกันตัวและเป็นอาวุธอีกชนิดหนึ่ง แต่นายกยิ่งลักษณ์จะสะสมประสบการณ์เติมเขี้ยวเล็บมากขึ้นทุกวัน เช่นเดียวกับนักการเมืองคนอื่น

นายกฯ บรรหารเล่นการเมืองมาเกือบ 40 ปี นายกฯ ชวนก็เล่นการเมืองมาถึง 44 ปี นายกฯ อภิสิทธิ์เล่นการเมืองมานาน 20 กว่าปี แต่นายกฯ ยิ่งลักษณ์เล่นการเมืองมาสองปีกว่าเท่านั้น ถ้าให้เวลาผู้หญิงคนนี้อีก 4 ปีก็ต้องประเมินกันใหม่ทั้งหมด

แต่ไม่ว่าจะสะสมเขี้ยวเล็บอย่างไร ความจริงใจกับประชาชนยังเป็นเรื่องหลัก ถ้าขาดสิ่งนี้ ในยุคนี้ ไม่ว่ารัฐบาลไหน ประเทศไหน ก็จบ

5. รู้จักใช้ที่ปรึกษา สิ่งที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องการที่สุดในวันนี้คือประสบการณ์และความคิดของที่ปรึกษาที่อยู่รอบข้าง และมือปฏิบัติดีๆ ที่อยู่รอบข้าง ต้องเป็นมือดีไม่ใช่มือเน่า ซึ่งทั้งหมดจะถ่ายทอดบทเรียนผ่านการต่อสู้จริง ปฏิบัติจริง ฝ่าฟันอุปสรรค และความเป็นความตายจริงๆ ไม่ต้องท่องก็จะจดจำไปชั่วชีวิต

วันนี้นายกฯ หญิง ใช้ที่ปรึกษามากพอควร เช่นเดียวกับ เล่าปี่ โจโฉ โอบามา ซึ่งมีภาระทางการเมืองและการบริหาร เข้ามาให้ขบคิดตัดสินใจตลอดเวลา

ปัจจุบันผู้นำการบริหารประเทศที่พัฒนาแล้วก็ใช้ความเก่งเฉพาะด้านของทีมงานจำนวนมากเพื่อพัฒนาประเทศให้ก้าวไกลทั้งสิ้น ปัญหาและเป้าหมายการพัฒนาประเทศไทยมีมากมายหลายเรื่อง แต่วันนี้แม้โอกาสเข้าไปทำยังไม่ใช่เรื่องง่าย

6. ความซื่อสัตย์ แม้ตัวนายกฯ มุ่งมั่น อุทิศตัวทำหน้าที่กัปตันอย่างเต็มที่ แต่ในขณะที่เรือยังแล่นอยู่ในท้องทะเล จำเป็นต้องสำรวจรูรั่วหรือข้อบกพร่องของรัฐนาวาลำนี้ และต้องอุดรูรั่วและซ่อมแซมให้ทัน เพราะการปฏิบัติงานใช้คนจำนวนมาก โอกาสของการทุจริตรั่วไหลก็มีมาก นั่นคือรอยรั่วที่เป็นจุดอ่อนของเรือ

ทั้ง 6 ข้อเป็นความสามารถพื้นฐาน ที่ไม่ใช่ความเก่งพิเศษ แต่ถ้าทำได้ทั้ง 6 ข้อ ตลอดไป จะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เหนือกว่าความเก่งของหลายคน
ประเมินพายุการเมืองช่วงนี้

ขณะที่เขียนทีมวิเคราะห์ไม่รู้ว่าการชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วันที่ 7 สิงหาคม เป็นอย่างไร แต่เกมบนถนน ดำเนินคู่ไปกับเกมสภา จึงยังไม่จบแบบง่ายๆ เพราะยังมีอีกหลาย พ.ร.บ. ที่จะเข้าสภา ซึ่งพอจะคาดการณ์ล่วงหน้าในระยะเวลา 1-2 เดือนดังนี้

1. ฝ่ายต้องการล้มรัฐบาล เดินเกมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้มีภาพที่น่ากลัวเพื่อหวังผลสามชั้น

ชั้นแรก เพื่อให้รัฐบาลถอย แต่ก็ยอมได้ ถ้ารัฐบาลไม่ยอมถอยและดันจนผ่านวาระแรก

ชั้นที่สอง เพื่อหวังผลให้มีระยะเวลาในการแปรญัตติ วาระที่สองนานเกินกว่า 30 วัน เพื่อจะใช้ในการเคลื่อนไหว ต่อต้านนอกสภา และโยงไปยังประเด็นอื่นๆ

ชั้นที่สาม เพิ่มแรงกดดันในการประท้วงให้ดูรุนแรงมากขึ้น เพื่อเป็นการข่มขู่การเดินเกมของรัฐบาลในเรื่องอื่น และยืดเวลาการแก้รัฐธรรมนูญให้เนิ่นนานที่สุด

2. ฝ่ายรัฐบาลจะเดินหน้าผ่านวาระแรกของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่จะยอมให้การแปรญัตติวาระสองยืดไปพอสมควร จากนั้นจะนำเสนอวาระเกี่ยวกับการเงินเข้าสภาเพื่อปิดเกม คืองบประมาณ 2557 คงใช้เวลาไม่เกิน 3-4 วัน และ พ.ร.บ. โครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้าน ที่ยังไม่มีกำหนดแน่ชัด ซึ่งอาจกินเวลาเป็นเดือน

3. อาจมีการพิจารณาคดี หรือการร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับศาลและองค์กรอิสระแทรกเข้ามาหลายคดี ในช่วงนี้ ซึ่งจะมีผลกับทั้งสองฝ่าย

4. การประท้วงที่เห็นในช่วงนี้ จะมีรูปแบบที่ยุติและเริ่มใหม่ได้หลายครั้ง แล้วแต่ประเด็น และการตัดสินใจของผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่าย แต่กลุ่มนักแสดงและตัวประกอบจะมีงานทำตลอดช่วงเวลาสองเดือน ดังนั้น ถ้ารัฐบาลทยอยเดินเกม และกลุ่มผู้ประท้วงไม่เล่นเกมแรงเกินไป การประท้วงก็จะมีให้ดูอีกหลายฉาก แต่ถ้าผู้ชุมนุมไม่สามารถทำให้คนทั่วไป ยอมรับในเหตุผลได้ และสร้างความเดือดร้อนให้คนทั่วไป ความเสียหายทางการเมืองก็จะตกมาใส่แกนนำและผู้อำนวยการสร้าง

สรุปว่า 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐนาวายิ่งลักษณ์ มิใช่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะแรงหนุนจากประชาชน ทั้งเสื้อแดงและไม่แดง ทีมที่ปรึกษา มือไม้รอบข้าง ความขยันทุ่มเท ความอดทนของตัวนายกฯ เอง และความช่วยเหลือจากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามจำนวนไม่น้อย

จากวันนี้ถ้าไม่แตกสามัคคีกันเอง ทำได้เหมือน 2 ปีที่ผ่านมา ก็คงผ่านมรสุมสองเดือนนี้ไปได้เช่นกัน ช่วงนี้แม้ไม่มีโจรสลัด แต่ไม่ควรประมาท คลื่นลมแรงอาจจะพัดรัฐนาวาไปปะทะกับหินโสโครกทำให้ท้องเรือทะลุได้


ที่มา: มติชน

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger