Tuesday, August 6, 2013

อาวุธ ความจริง สำแดง "พลานุภาพ" ชำระ ความเท็จ

การปราศรัยบนเวที "ผ่าความจริง" ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ณ ลานโรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร
เย็นย่ำสนธยาของวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม

"ถ้าร่างกฎหมายฉบับของ นายวรชัย เหมะ ผ่านออกมา คนที่ถูกพิพากษาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เช่นดา ตอร์ปิโด, นายสุรชัย แซ่ด่าน, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข รวมทั้ง นายจักรภพ เพ็ญแข ที่หนีอยู่ต่างประเทศ ถือเป็นความเจ็บปวดของพวกเรา"
ดุเดือด เข้มข้นอย่างยิ่ง

แต่คำถามก็คือร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของ นายวรชัย เหมะ มุ่งนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอ่ยนามมา ไม่ว่าจะเป็น ดา ตอร์ปิโด ไม่ว่าจะเป็น นายสุรชัย แซ่ด่าน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายจักรภพ เพ็ญแข จริงหรือไม่

คำตอบก็คือ ไม่เป็นความจริง
ถามต่อไปอีกว่า ทั้งที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่ได้ครอบคลุมถึงผู้มีความผิดตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา แล้วเหตุใด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงได้ปราศรัยเป็นตุเป็นตะ อันเท่ากับเป็นการบิดเบือนและสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาหรอกหรือ
ตถตา เป็นเช่นนั้น
ทั้งหมดนี้เป็นกลยุทธ์เดียวกันกับเมื่อครั้งที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปลุกระดมคนเสื้อเหลืองนับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 และเดือนพฤษภาคม 2551
นั่นก็คือ กลยุทธ์ "เรื่องจริง" อิง "เรื่องเท็จ"
ดำเนินไปเหมือนกับที่คอลัมนิสต์บางคนในสื่อบางฉบับรายงานภาพของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ออกมาว่า
"ผู้คนนับแสนในนาม" กองทัพประชาชน "รวมตัวที่สวนลุมพินี"
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงซึ่ง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เห็นระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยดำเนินไปอย่างที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐระบุ

"หลายพันคน"

แต่ "หลายพันคน" ในสายตาของสื่ออย่างสยามรัฐปรากฏผ่านสื่อเลือกข้างบางฉบับก็ขยายกลายเป็น "ผู้คนนับแสน"
การบิดเบือน "ข้อมูล" จึงเป็น "กลยุทธ์" 1
การบิดเบือน "ข้อเท็จจริง" จึงเป็นอีก "กลยุทธ์" 1 ซึ่งได้ผลมาตั้งแต่ยุคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อเนื่องถึง "ม็อบแช่แข็งภาค 1" ต่อเนื่องถึงม็อบถวายฎีการ้องขอ "นายกฯ พระราชทาน"

ตถตา เป็นเช่นนั้น

ถามว่าเบื้องหน้าการชุมนุมของ "กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ" เบื้องหน้าการบิดเบือนข้อมูลความเป็นจริงบนเวที "ผ่าความจริง" ของพรรคประชาธิปัตย์

รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ควรทำอย่างไร
พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล อันประกอบส่วนขึ้นเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ควรทำอย่างไร
คำตอบ 1 ต้องยึดหลัก "ความจริง"
นั่นก็คือ กุมความจริงอันดำรงอยู่ภายในเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของ นายวรชัย เหมะ อันผ่านการรับรองจากพรรคเพื่อไทย ผ่านการรับรองจากพรรคร่วมรัฐบาลมาแล้ว อย่างแน่วแน่ มั่นคง

เพราะ "ความจริง" เท่ากับเป็น "แสงสว่าง"
อาศัยแสงสว่างสาดฉายเข้าไปในความพยายามบิดเบือน เสกปั้น เนรมิต "ความเท็จ" ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมาจากกองทัพประชาชนฯ ไม่ว่าจะมาจากสื่อบางสื่อ

เพราะ "ความจริง" เท่ากับเป็นเครื่องล้าง "ชำระ"
ความจริงจากการประชุมเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ได้เป็นคำตอบอันเที่ยงตรงมาแล้ว ความจริงในการประชุมวันที่ 7 สิงหาคม ย่อมเป็นอาวุธอันทรงพลานุภาพกระหน่ำไล่ความเท็จ
ตถตา เป็นเช่นนั้น

จากนี้จึงเด่นชัดยิ่งว่า ต่อความมดเท็จ บิดเบือน สร้างข่าวใส่ร้าย ป้ายสี จากความเลวร้ายต่ำทราม
ไม่มีอาวุธใดจะแสดงฤทธิ์เดชได้เท่ากับเอา "ความจริง" ออกมาตีแผ่ สาดชำระล้างบรรดา "ความเท็จ" ทั้งมวลให้ปลาสนาการไปเหมือนกับแวมไพร์ต้องแสง
"ความจริง" ย่อมเป็น "เกราะบัง"
ที่มา: มติชน

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger