Friday, July 26, 2013

ปชป.ยึดเวทีถล่ม "ปู" ปลุกกระแสรับเปิดสภา

โดย...ธนพล บางยี่ขัน จากโพสทูเดย์

อุณหภูมิการเมืองเริ่มตั้งเค้ารุนแรงอีกรอบ ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร 1 ส.ค.นี้ ซึ่งมีทั้งกฎหมายร้อนและประเด็นใหญ่ๆ จ่อคิวรอการพิจารณาแน่น

จนวิเคราะห์กันว่าจะเกิดแรงเสียดทานครั้งใหญ่สั่นคลอนรัฐบาลหนักกว่าที่ผ่านมา

ไม่แปลกที่ “ฝ่ายค้าน” จะจับสัญญาณนี้ได้ชัดเจน และไม่ยอมทิ้งโอกาสให้หลุดลอย ดังจะเห็นจากท่าทีการออกตัว “ปลุกกระแส” หยิบจับเรื่องร้อนต่างๆ มาไล่บี้รัฐบาล เพื่อปูทางไปสู่กระบวนการตรวจสอบในสภาที่จะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

เพราะต้องยอมรับว่าผลพวงจากการบริหารงานเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มปรากฏความเสียหายที่จับต้องได้หลายต่อหลายจุด ทั้งความเสียหายที่มีผลต่องบประมาณแผ่นดินและสุ่มเสี่ยงว่าจะขัดกฎหมายในอีกหลายส่วน

ยังไม่รวมกับความระหองระแหงทั้งภายในพรรคและความสัมพันธ์ระหว่างเสื้อแดงและเพื่อไทย จนทำให้ครึ่งเทอมของการบริหารของรัฐบาลเพื่อไทยจึงถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญว่าจะลากกันฝ่าแรงเสียดทานกันไปต่อได้นานอีกแค่ไหน

แม้จะพักยกชั่วคราวระหว่างปิดสมัยประชุม แต่ระเบิดเวลาหลายลูกที่ถูกจุดชนวนยังเป็นหัวเชื้อรอเวลาหยิบขึ้นมาเดินหน้าผลักดันต่อในช่วงเปิดสมัยประชุม ดังนั้น ประชาธิปัตย์ (ปชป.) จึงอาศัยช่วงปิดสมัยประชุม เดินสายเปิดเวทีผ่าความจริง ชี้แจงชาวบ้านให้เข้าใจถึงพิษภัยระเบิดเวลาเหล่านี้

ความพยายามใช้เวลาช่วงปิดสมัยประชุมจัดเวทีต่างๆ เรียกกระแสสังคมให้จับตามายังประเด็นร้อนเหล่านี้ ต้องเจออุปสรรคอยู่บ้าง โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงที่มีการก่อกวนรุนแรงขึ้น จนต้องปรับแผนกลับมาจัดเวทีอยู่ในพื้นที่ กทม. ทั้งลานคนเมือง วงเวียนใหญ่ หรือล่าสุดเวทีที่เขตบางเขน ภายใต้หัวข้อ “หยุดกฎหมายล้างผิด คิดล้มรัฐธรรมนูญ หยุดเงินกู้ผลาญชาติ หยุดอำนาจฉ้อฉล”

สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายการจุดกระแสคัดค้านในประเด็นหลักๆ ตั้งแต่เรื่องใหญ่อย่างกฎหมายปรองดองหรือนิรโทษกรรมทั้งฉบับของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และวรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หรือล่าสุดฉบับของ พะเยาว์ อัคฮาด ที่ประเมินว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งและบานปลายกลายเป็นความรุนแรง ต่อเนื่องด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเป็นปัญหาไม่แพ้กัน

ยังไม่รวมกับการเน้นย้ำอันตรายโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่ขาดรายละเอียดโครงการ ขาดการศึกษาผลกระทบด้านต่างๆ และขาดการมีส่วนร่วมจากชาวบ้านในพื้นที่และสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วไหลจากระบบการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ และสุ่มเสี่ยงที่จะขัดรัฐธรรมนูญ

ตามมาด้วย พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ จำนวน 2 ล้านล้านบาท

มาถึงการสะท้อนปัญหาอันตรายจากโครงการรับจำนำข้าว ที่นอกเหนือจากเงื่อนงำความไม่โปร่งใสในแทบจะทุกขั้นตอนจนงบประมาณรั่วไหลขาดทุนไปหลายแสนล้านบาท และจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเมื่อรัฐบาลยืนยันเดินหน้าทำโครงการต่อจนเตรียมจะต้องแก้ปัญหาด้วยการขยับราคาจำนำเหลือตันละ 1.35 หมื่นบาท และจำกัดจำนวนจากเดิม 1.5 หมื่นบาททุกเมล็ด กระทบต่อรายได้ของชาวนาโดยตรง

ที่สำคัญยังต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ เรื่องคุณภาพข้าวที่เริ่มระบายออกมาจากสต๊อกของรัฐบาล ที่มีทั้งเรื่องข้าวเน่าและสารปนเปื้อนจนกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในและนอกประเทศ ส่งผลต่อการระบายข้าวที่ค้างในสต๊อก ยังไม่รวมกับข้าวใหม่ที่จะเข้าโครงการในฤดูกาลหน้า

ประชาธิปัตย์จึงเตรียมทิ้งทวนใช้โอกาสในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเปิดสมัยประชุมสภา เปิดเวทีปลุกกระแสให้สังคมหันมาจับตาอย่างใกล้ชิด โดยอยู่ระหว่างการหารือและรอเคาะว่าจะจัดทั้งหมดกี่เวทีและจุดใด วันใดบ้าง

ปูทางไปสู่ช่วงเปิดสมัยประชุมที่เตรียมการใช้เวทีในสภาอภิปรายชี้ให้เห็นข้อดีข้อเสียของกฎหมายต่างๆ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่จ่อคิวรอการพิจารณาหรือจะเลื่อน พ.ร.บ.งบประมาณ 2557 ขึ้นมาพิจารณาก่อน เพื่อไม่ให้กระแสการเมืองร้อนแรงตั้งแต่เปิดสมัยประชุม

นอกจากบรรดากฎหมายร้อนทั้งหลายแล้ว อีกด้านหนึ่ง “ประชาธิปัตย์” ยังเตรียมหยิบปมปัญหาขึ้นมาขยายแผลผ่านช่องทางในระบบรัฐสภา โดยเฉพาะเรื่อง “คลิปฉาว” เสียงสนทนา “หนู” ช่วย “ราชสีห์” กลับบ้าน ที่สั่นคลอนสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและรัฐบาลแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง

วางคร่าวๆ ไว้ด้วย เตรียมตั้งกระทู้ถามสดตรงถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่จะต้องชี้แจง ทั้งเรื่องการเข้าไปแทรกแซงกองทัพของฝ่ายการเมือง รวมถึงประเด็นช่วยพี่ชายนายกฯ กลับประเทศ โดยพึ่งตัวช่วยอย่างสภากลาโหมเป็นใบเบิกทาง

ยังไม่รวมกับเรื่องร้อนอื่นๆ ทั้งผลพวงจากโครงการรับจำนำข้าว ทั้งเรื่องความเชื่อมั่น สารปนเปื้อน เงื่อนงำการระบายข้าว รวมไปถึงตัวละครใหม่ๆ อย่าง “มาดามกง” ที่เปิดออกมาล่าสุด ซึ่งจะได้มีการหยิบยกเรื่องเหล่านี้มาขยายผล นวดรัฐบาลไปเรื่อยๆ

ก่อนที่จะรอจังหวะเหมาะ ลงดาบสุดท้ายด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะต้องรอดูว่าถึงเวลานั้นมีข้อมูลหลักฐานมากน้อยแค่ไหน เพียงพอที่จะยื่นซักฟอกรัฐมนตรีคนใดจะเข้าข่ายบ้าง นับจากนี้จึงเลี่ยงไม่ได้ที่สถานการณ์การเมืองจะกลับมาดุเดือดอีกรอบ

0 comments:

Post a Comment

 
Copyright © . Yak Ratchaprasong - Posts · Comments
Theme Template by BTDesigner · Powered by Blogger