เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างวันที่ 28 ก.ค.- 2 ส.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดา อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนเพื่อสร้างความสัมพันธ์และเปิดตลาดไทยในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก เนื่องจากทั้งสามเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ ก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ และการประมง ซึ่งมีศักยภาพเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะโมซัมบิก ถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพเหมาะสำหรับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอัญมณี โดยจะมีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับนายอาร์มันโด เอมิลิโอ กูเอบูชา ประธานาธิบดีโมซัมบิก การลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 5 ฉบับ การหารือกับประธานรัฐสภาโมซัมบิก และพิธีส่งมอบรถบรรทุก รถตุ๊กตุ๊ก ปลานิลแดง และมุ้งเคลือบสารกันยุงให้แก่โมซัมบิก
สำหรับการเยือนสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย นั้น ถือเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 33 ปี ตามคำเชิญของนายจาคายา มริโช คิเควเต ประธานาธิบดีแทนซาเนีย โดยจะมีการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ การกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ไทยต่อแอฟริกา และ Thai – African Initiative และการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ ส่วนการเยือนสาธารณรัฐยูกันดา เป็นไปตามคำเชิญของนายโยเวรี คากูทา มูเซเวนี ประธานาธิบดียูกันดา เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ในการเยือนทั้งสามประเทศ นายกรัฐมนตรีจะได้นำภาคเอกชนในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ สาขาพลังงานทดแทน สาขาการก่อสร้าง สาขาการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สาขาสิ่งทอ สาขาอัญมณี และเครื่องประดับ และสาขายานยนต์ ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อแสวงหาลู่ทางการลงทุน รวมถึงการให้ความรู้ทางด้านวิชาการ ทั้งในสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดาด้วย.
ที่มา: เดลินิวส์
สำหรับการเยือนสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย นั้น ถือเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 33 ปี ตามคำเชิญของนายจาคายา มริโช คิเควเต ประธานาธิบดีแทนซาเนีย โดยจะมีการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ การกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ไทยต่อแอฟริกา และ Thai – African Initiative และการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ ส่วนการเยือนสาธารณรัฐยูกันดา เป็นไปตามคำเชิญของนายโยเวรี คากูทา มูเซเวนี ประธานาธิบดียูกันดา เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ในการเยือนทั้งสามประเทศ นายกรัฐมนตรีจะได้นำภาคเอกชนในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ สาขาพลังงานทดแทน สาขาการก่อสร้าง สาขาการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สาขาสิ่งทอ สาขาอัญมณี และเครื่องประดับ และสาขายานยนต์ ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อแสวงหาลู่ทางการลงทุน รวมถึงการให้ความรู้ทางด้านวิชาการ ทั้งในสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดาด้วย.
ที่มา: เดลินิวส์
0 comments:
Post a Comment